สำหรับพี่ทุยแล้ว วิธีการ “ลงทุนแบบ DCA” หรือ Dollar Cost Average เป็นสิ่งที่พี่ทุยค่อนข้างชื่นชอบมาก เพราะเป็นวิธีที่ไม่ต้องคิดมากเข้าใจง่าย และมีผลลัพธ์อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะถ้าหากเรามองเรื่องการลงทุนในระยะยาวแล้ว เรามีโอกาสที่จะชนะตลาดได้ค่อนข้างมาก เพราะปกติแล้วในการลงทุนระยะสั้น เราไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องและเฉียบคมได้ตลอดเวลา การซื้อถูก-ขายแพง จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ค่อนข้างยาก
วิธีการ “ลงทุนแบบ DCA” คืออะไร ?
การ “ลงทุนแบบ DCA” นี้นั้นเข้าใจง่าย มันคือการที่เรากำหนด “ช่วงเวลา” ที่เราจะลงทุน โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะนิยมว่าลงทุนกันทุกเดือนหลังจากที่เงินเดือนออก เมื่อเงินเดือนออกปุ๊บก็หักออมทันที เช่น เราตั้งใจว่าเงินเดือนออกวันที่ 30 เราก็จะลงทุนทุกเดือนวันที่ 30 ไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจ “ราคา” ของหุ้นตัวนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่มีใครรู้อนาคตในระยะสั้น แต่ระยะยาวราคาจะสามารถขึ้นไปอีกได้เรื่อย ๆ
เนื่องจากในระยะสั้น นั้นยากที่จะมีคนสามารถทำนายได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในระยะยาวแล้ว พี่ทุยเชื่อว่าราคาจะสามารถขึ้นไปได้อีกเรื่อย ๆ การทำ DCA จะช่วยลดความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น เราซื้อหุ้นตัวหนึ่งด้วยเงิน 100,000 บาท และราคาหุ้นอยู่ที่ 100 บาท เราก็จะได้หุ้น 1,000 ตัว แต่อยู่ดี ๆ หุ้นราคาลดลงไป 10% เงินเราก็จะเหลือ 90,000 บาททันที
แต่ถ้าเราทำ DCA เดือนละ 50,000 บาท เมื่อระยะเวลาผ่านไป 1 เดือน ราคาลดลง 10% เท่ากับเงินเราก็เหลือ 45,000 บาท แล้วทีนี้เราก็ค่อยซื้ออีก 50,000 บาท ในเดือนต่อไป เงินสุทธิที่เราเหลือจะเท่ากับ 95,000 บาท จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า การลงทุนแบบ DCA ช่วยลดความเสี่ยงได้
พอมาถึงตรงนี้พี่ทุยเชื่อว่าต้องมีคนเห็นต่างแน่นอนว่า ถ้าสมมติว่าเราลงทุนด้วยเงินก้อน และหุ้นขึ้น 10% (จากเดิมให้ตัวอย่างว่าหุ้นราคาลดลง) เราก็จะมีเงินเป็น 110,000 บาท แต่ถ้าเราทำ DCA ก็จะมีเงินเพียงแค่ 105,000 บาท
แน่นอนว่าพี่ทุยตอบได้คำเดียวเลยว่า “ถูกต้อง” คำนวณเก่งมาก (ฮ่า)
แต่พี่ทุยขอถามต่อว่า เราจะรู้ได้ยังไงว่าราคาหุ้นตัวนั้นจะขึ้นหรือว่าจะลง แน่นอนว่าไม่มีใครรู้จริง ๆ หรอก แต่สิ่งที่หนึ่งที่เรารู้ก็คือ ยังไงแล้วในระยะยาวราคาหุ้นก็น่าจะวิ่งไปได้อีกไกล การลงทุนแบบ DCA ก็เลยถูกใช้ในการ “ลดความเสี่ยง” พี่ทุยย้ำว่าเพื่อลดความเสี่ยง ไม่ใช่การเพิ่มผลตอบแทนแต่อย่างใด
อ่านเพิ่มเติม
ข้อควรระวังของการลงทุนแบบ DCA คือ จะต้องเลือกสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในระยะยาวเท่านั้น
การลงทุนแบบ DCA ก็มีสิ่งที่ควรระวังไว้นิดนึง ก็คือ เราต้องหาแหล่งลงทุนของเราให้ดี ต้องเป็นแหล่งลงทุนที่ระยะยาวมีแนวโน้ม “เติบโตที่ดี” เท่านั้น แล้วมันก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมาให้กับเรา ทีนี้เราลองมาดูตัวอย่างคำนวณกันว่า DCA มันดีจริงหรือเปล่า สมมติว่าเรากำลังจะลงทุนในตลาดหุ้น กราฟนี้ คือ กราฟดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET TRI) ย้อนหลัง 17 ปี ตั้งแต่ปี 2547 – 2563
ในกรณีที่เราลงทุนซื้อหุ้นทุกตัวในตลาด โดยพยายามลอกเลียนดัชนีตลาดหุ้นไทย ถ้าเราลงทุนเป็นเงินก้อนเดียวด้วยเงินลงทุนทั้งหมด 1,700,000 บาท เงินเราจะเติบโตเป็น 6,031,953 บาท และถ้าเราลองลงทุนแบบ DCA ปีละ 100,000 บาท ตลอด 17 ปี เป็นเงินลงทุนทั้งหมด 1,700,000 บาท เงินเราจะเติบโตเป็นทั้งหมด 3,387,142 บาท
พอมาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะร้องอ้าว! พี่ทุย แบบนี้ก็แปลว่า เราลงทุนเป็นเงินก้อนเลยก็จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าใช่มั้ย ? คำตอบในกรณีนี้ก็คือใช่เลย! เพราะในช่วงปี 2547-2563 นั้นเจอวิกฤตที่ให้ตลาดหุ้นตกลงแบบหนัก ๆ เลยแค่ครั้งเดียวก็คือช่วงปี 2551-2552 ที่เกิดวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์จนทำให้ตลาดหุ้นไทยปีนั้นติดลบไปมากกว่า -45.1% และหลังจากนั้นก็ปรับตัวขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง
แล้วถ้าเราลองดูกราฟช่วงปี 2551-2552 เราจะเห็นได้ว่าเป็นช่วงที่เงินลงทุนในภาพรวมติดลบเกือบ 500,000 บาทหรือติดลบมากกว่า 28.5% เลยทีเดียว แล้วลองจินตนาการว่าถ้าเราเจอสถานการณ์แบบนั้น หลาย ๆ คนอาจจะตัดสินใจขายทิ้งออกมาเพื่อตั้งหลักก็เป็นไปได้ ความยากลำบากของการลงทุนอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากก็คือ การต้องสู้กับจิตใจตัวเองหรือที่เราจะเรียกว่า “จิตวิทยาการลงทุน”
แต่ถ้าเราลองดูในปีถัดไปจะเห็นได้ว่าตลาดกลับมาบวกมากกว่า 71.35% ซึ่งถ้าเราขายออกไปก่อนหน้านั้น พอร์ตการลงทุนเราก็จะขาดทุนอย่างมหาศาล แต่สำหรับการลงทุนแบบ DCA ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร ราคาจะขึ้นหรือว่าจะลง เราก็จะทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่องอย่างมีวินัย เพื่อคาดหวังผลลัพธ์ในระยะยาว
การลงทุนแบบ DCA นั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องตัดเรื่องของอารมณ์ออกไป แต่การลงทุนเป็นเงินก้อนจำเป็นที่จะต้องมีเงินก้อนใหญ่ ณ จุดเริ่มต้น ซึ่งนักลงทุนมือใหม่หลายคนอาจจะยังไม่มีเงินก้อนที่สูงในช่วงแรก การเลือกทยอยลงทุนแบบ DCA จึงเป็นทางออกที่ดีและน่าสนใจ
สุดท้าย พี่ทุยขอย้ำอีกครั้งนึงว่า การลงทุนแบบ DCA คือ การทยอยการลงทุนที่เน้นการลดความเสี่ยงเป็นหลัก ไม่ใช่เน้นการเพิ่มผลตอบแทน พี่ทุยแนะนำให้ลองนำไปปรับใช้กันดูเพื่อให้เหมาะสมสำหรับการลงทุนของแต่ละคน และถ้าใครคิดว่าคอนเทนต์นี้มีประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้กับเพื่อน ๆ ที่เรารักให้มาอ่านกันได้เลยนะ
อ่านเพิ่มเติม