ทุกคนที่เคยลองซื้อกองทุนรวมด้วยตัวเองคงเข้าใจดีว่า “การหาข้อมูลมันยากมาก” เพราะข้อมูลต่างๆ ก็กระจัดกระจายไปตาม บลจ. เยอะแยะไปหมด กว่าจะเจอกองทุนดีๆ ที่ถูกใจก็เล่นเอาตาแทบแตกเลยใช่ไหมล่ะ วันนี้พี่ทุยเลยมีทริคง่ายๆ ในการสแกนหากองทุนดีๆ มาแนะนำ นั่นก็คือการดูกองทุนผ่าน Morningstar หรือที่พี่ทุยตั้งชื่อเองว่า “ดวงดาวรุ่งสาง” นั่นเอง!
แล้วทำไมถึงต้องใช้ Morningstar ล่ะ ? คำตอบก็คือ เพราะเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือมากๆ ในระดับโลกเลยนะ เขามีหน้าที่จัดอันดับกองทุนต่างๆ การที่กองทุนไหนได้ดาวเยอะๆ ก็เหมือนเป็นเครื่องยืนยันว่ากองทุนนั้นๆ มีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับกองทุนอื่นที่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกัน ซึ่งการจัดเรทติ้งจะแบ่งทั้งหมด 5 ระดับ หรือ 5 ดาวด้วยกัน ดังนั้น การเลือกกองทุนที่ได้ดาวจาก Morningstar ก็เท่ากับว่าเราได้ลงทุนในกองทุนที่มีประสิทธิภาพดีนั่นเอง
แต่… อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจลงทุนด้วย Indicator นี้แค่อย่างเดียวนะ เพราะ Morningstar ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กองทุนที่เคยได้ 5 ดาว วันดีคืนดีก็อาจจะร่วงเหลือ 3 หรือ 1 ดาวก็มีให้เห็นเยอะแยะ ฉบับการจัดอันดับด้วยดาวก็เป็นแค่หน่วยวัดแบบหยาบๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น พี่ทุยแนะนำให้ดูตัวแปรอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจด้วยจะดีที่สุดนะ
แล้วทำไมต้อง Nasdaq กับ S&P500 ?
ถ้าถามว่าทำไมหลายคนถึงนิยมลงทุนใน S&P500 กับ NASDAQ ก็เพราะว่าการลงทุนใน 2 ดัชนีนี้เหมือนกับการได้ลงทุนในบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียงของอเมริกาไปพร้อม ๆ กันเลยครับ
- S&P500 จะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งก็เปรียบเสมือนการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงไปในหลายๆ ธุรกิจ
- NASDAQ จะเน้นไปที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความผันผวนสูงกว่า S&P500 ด้วยเช่นกันครับ
ดังนั้น การจะเลือกลงทุนใน S&P500 หรือ NASDAQ จึงขึ้นอยู่กับว่าเรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
ตอนนี้เรามาดูกันดีกว่าว่ากองทุนหุ้นตัวจี๊ดที่ได้
Morningstar 4-5 ดาว ตอนนี้มีอะไรบ้าง? และแต่ละกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีเป็นยังไง (อัปเดตข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ค. 68)
กองทุน Morningstar ฝั่ง S&P500
กองทุนกลุ่มนี้จะเน้นลงทุนในดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทในสหรัฐอเมริกา มีกองทุนเด่นๆ ที่น่าสนใจตามนี้เลย:
- SCBS&P500E: ให้ผลตอบแทน 14.17% และได้คะแนน 5 ดาว
- K-US500X-A(A): ให้ผลตอบแทน 13.77% และได้คะแนน 4 ดาว
- TUSEQ-UH: ให้ผลตอบแทน 13.18% และได้คะแนน 5 ดาว
- SCBRMS&P500: ให้ผลตอบแทน 13.15% และได้คะแนน 4 ดาว กองทุนนี้ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะ
- SCBS&P500: ให้ผลตอบแทน 13.02% และได้คะแนน 4 ดาว
- ES-US500: ให้ผลตอบแทน 12.72% และได้คะแนน 4 ดาว
- TISCOUS-A: ให้ผลตอบแทน 12.44% และได้คะแนน 4 ดาว
กองทุน Morningstar ฝั่ง NASDAQ
มาดูกองทุนที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ กันบ้าง
- SCBNDQ(E): ให้ผลตอบแทน 19.52% และได้คะแนน 5 ดาว
- SCBNDQ(A): ให้ผลตอบแทน 19.20% และได้คะแนน 5 ดาว
- BCAP-USND100: ให้ผลตอบแทน 19.14% และได้คะแนน 4 ดาว
- KKP NDQ100-H: ให้ผลตอบแทน 19.00% และได้คะแนน 4 ดาว
- TLUSNDQ-H-A: ให้ผลตอบแทน 18.66% และได้คะแนน 4 ดาว
- K-USXNDQ-A(A): ให้ผลตอบแทน 18.62% และได้คะแนน 5 ดาว
- SCBRMNDQ(A): ให้ผลตอบแทน 18.10% และได้คะแนน 4 ดาว กองทุนนี้ก็ลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน
จะเห็นได้ชัดเลยว่ากองทุนฝั่ง NASDAQ ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีสูงกว่าฝั่ง S&P500 ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะหุ้นเทคโนโลยีส่วนใหญ่มีการเติบโตสูง แต่ก็ต้องระวังเพราะความผันผวนก็อาจจะสูงกว่าด้วยนะ
และสิ่งสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจก็คือ
ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคตเสมอไปนะ! ก่อนตัดสินใจลงทุนจริง อย่าลืมศึกษาข้อมูลของแต่ละกองทุนให้ละเอียด และพิจารณาความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ด้วย ขอให้ทุกคนลงทุนแบบปังๆ !
ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ Facebook
อ่านบทความอื่น ๆ