6 กองทุน ETF จ่ายปันผลทุกเดือน สร้างรายได้เสริมให้เงินทำงาน

6 กองทุน ETF จ่ายปันผลทุกเดือน

   Money Buffalo

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

เวลาพูดถึงกองทุนรวม หลายคนอาจจะคิดว่าต้องลงทุนแล้วรอรับปันผลปีละไม่กี่ครั้ง แต่จริง ๆ แล้วยังมีกองทุนอีกแบบที่น่าสนใจมาก ๆ คือ กองทุน ETF (Exchange Traded Fund) ซึ่งมีบางกองออกแบบมาเพื่อ “จ่ายปันผลทุกเดือน” เหมือนเราได้รายได้เสริมเข้าบัญชีสม่ำเสมอ หรือ กองทุน ETF จ่ายปันผลทุกเดือน

สิ่งที่น่าสนใจคือบางกองทุนให้ปันผลเฉลี่ยต่อปีเกิน 10% เลยทีเดียว เรียกได้ว่า ถ้ามีเงินลงทุน 100,000 บาท ก็มีโอกาสได้รับเงินปันผลเฉลี่ยเดือนละพันกว่าบาท เหมือนมีเงินไหลเข้ามาทุกเดือนโดยไม่ต้องเหนื่อยทำงานเพิ่ม

ETF คืออะไร ทำไมถึงน่าสนใจ ?

ETF หรือ Exchange Traded Fund คือกองทุนรวมที่สามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จุดเด่นคือมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่ากองทุนรวมทั่วไป และสามารถเลือกลงทุนได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ดัชนี อสังหาฯ หรือแม้แต่พันธบัตร

สำหรับ ETF ที่เน้น “ปันผลรายเดือน” ส่วนใหญ่จะมีการใช้กลยุทธ์ทางการเงิน เช่น Covered Call (ซื้อหุ้นพร้อมขายออปชัน) หรือการลงทุนใน REITs และพันธบัตร เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

6 กองทุน ETF จ่ายปันผลทุกเดือน สร้างรายได้เสริมให้เงินทำงาน

6 กองทุน ETF จ่ายปันผลทุกเดือน

1. XYLD – สายโตตามดัชนี แต่ปันผลแรง

กองทุนนี้อิงกับดัชนี S&P500 ซึ่งถือเป็นดัชนีใหญ่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมบริษัทชั้นนำเกือบทั้งหมด แต่จุดที่แตกต่างคือ XYLD ใช้กลยุทธ์ Covered Call คือซื้อหุ้นในดัชนีมาไว้ แล้วนำสิทธิ์การซื้อขายหุ้นนั้นไปขายต่อ (Option Premium) ทำให้ได้รายได้เพิ่มขึ้นมาอีกทาง ผลลัพธ์คือสามารถจ่ายปันผลแรง เฉลี่ยสูงถึง 13.23% ต่อปี

ข้อควรระวัง: เวลาตลาดหุ้นพุ่งแรง กองนี้อาจเก็บกำไรไม่เต็มที่ เพราะขายสิทธิ์ไปแล้ว
เหมาะกับ: นักลงทุนที่อยากเน้นกระแสเงินสดสม่ำเสมอทุกเดือน ยอมแลกกับการที่พอร์ตอาจไม่โตแรงตามตลาด

2. QYLD – สายเทค ปันผลแรงเหมือนกัน

QYLD ใช้กลยุทธ์เหมือน XYLD แต่ไปอิงกับ Nasdaq-100 ดัชนีที่เต็มไปด้วยหุ้นเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Amazon, Netflix, Nvidia หรือ Microsoft ข้อดีคือหากเราเชื่อในอนาคตของหุ้นเทค QYLD จะทำให้ได้ทั้งปันผลแรง และยังได้มีเอี่ยวกับหุ้นนวัตกรรม

ปันผลเฉลี่ย: ประมาณ 13.40% ต่อปี
ข้อควรระวัง: หุ้นเทคขึ้นแรงก็จริง แต่เวลาตลาดปรับฐาน ก็มักจะร่วงแรงกว่าดัชนีอื่น ทำให้ราคากองมีความผันผวนสูง
เหมาะกับ: คนที่อยากได้ปันผลหนัก ๆ และมีมุมมองบวกต่อหุ้นเทคโนโลยี

3. JEPI – สายสมดุล เหมาะกับคนไม่อยากลุ้นหนัก

JEPI เป็นอีกหนึ่งกองที่ลงทุนในหุ้น S&P500 เช่นกัน แต่แตกต่างจาก XYLD ตรงที่เน้น การจัดการความเสี่ยงให้ผันผวนน้อยกว่า จึงไม่หวือหวาเท่า XYLD หรือ QYLD แต่ก็ดูแลพอร์ตให้ไม่เหวี่ยงมาก

ปันผลเฉลี่ย: ประมาณ 8.44% ต่อปี

ข้อควรระวัง: ปันผลไม่แรงเท่ากอง Covered Call แบบดุดัน
เหมาะกับ: นักลงทุนที่อยากได้เงินปันผลใช้ทุกเดือน แต่ก็อยากสบายใจ ไม่อยากเห็นพอร์ตติดลบหนักเวลาเจอตลาดผันผวน

4. KBWY – สายอสังหาฯ ต้องเลิฟ

กองนี้ลงทุนใน REITs (Real Estate Investment Trusts) ของสหรัฐฯ เป็นการกระจายลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า หรืออพาร์ตเมนต์ ทำให้ผู้ลงทุนได้ฟีลเหมือนมีรายได้ค่าเช่ามาเข้ากระเป๋า

ปันผลเฉลี่ย: ราว 9.42% ต่อปี
ข้อควรระวัง: ราคากองทุน REITs มักอ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ย ถ้าดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับขึ้นแรง ราคากองมีสิทธิถูกกดดัน
เหมาะกับ: คนที่ชอบการลงทุนอสังหาฯ แต่ไม่อยากซื้อเองให้วุ่นวาย

5. HYD – พันธบัตรดอกเบี้ยสูง

กอง HYD ลงทุนใน High-Yield Bond หรือพันธบัตรเอกชนที่มีความเสี่ยงสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล แต่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่า จึงสามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอทุกเดือน

ปันผลเฉลี่ย: ประมาณ 4.43% ต่อปี
ข้อควรระวัง: แม้จะดูมั่นคงกว่า ETF หุ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงด้านเครดิต (ถ้าผู้ออกพันธบัตรผิดนัดชำระหนี้)
เหมาะกับ: นักลงทุนที่อยากได้รายได้ต่อเนื่อง เหนือกว่าฝากเงินธนาคาร แต่ยังไม่อยากลุ้นหนักแบบลงทุนหุ้นเต็มตัว

6. BIL – ปลอดภัยสุด ๆ

สายอุ่นใจต้อง BIL เพราะกองนี้ลงทุนใน ตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ ระยะสั้น 1–2 เดือน ซึ่งขึ้นชื่อว่าปลอดภัยสุด ๆ เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้ออก พูดง่าย ๆ ก็คือโอกาสผิดนัดชำระหนี้แทบไม่มี

ปันผลเฉลี่ย: ราว 4.39% ต่อปี
ข้อดี: เสี่ยงต่ำมาก เงินต้นค่อนข้างปลอดภัย
ข้อเสีย: ผลตอบแทนไม่แรงเท่ากองอื่น ๆ
เหมาะกับ: คนที่อยากพักเงิน หรือคนที่เน้นความปลอดภัย อยากนอนหลับสบายไม่เครียด

แล้ว ETF ปันผลรายเดือนเหมาะกับใคร?

  • คนที่อยากมีรายได้เสริมประจำ เช่น นักลงทุนที่อยากได้เงินเข้ามาใช้จ่ายทุกเดือน

  • ผู้ที่ใกล้เกษียณ ต้องการกระแสเงินสดต่อเนื่องโดยไม่อยากเสี่ยงลงทุนหุ้นเต็มพอร์ต

  • คนที่รับความเสี่ยงได้หลากหลาย เพราะ ETF มีตั้งแต่สายเสี่ยงสูงปันผลแรง (XYLD, QYLD) ไปจนถึงสายปลอดภัย (BIL)

ข้อควรระวัง

ถึงแม้การลงทุนแบบนี้จะดูน่าสนใจ แต่ก็ต้องเข้าใจว่า “ปันผลแรง มักมาพร้อมความเสี่ยงสูง” กองที่ให้ผลตอบแทน 10%+ อาจมีความผันผวนแรงมาก นักลงทุนต้องรับมือได้ ในขณะที่กองที่ปลอดภัยกว่า ปันผลก็มักจะต่ำลง

สรุป

กองทุน ETF ที่จ่ายปันผลทุกเดือน ช่วยให้นักลงทุนมีรายได้ต่อเนื่องเหมือนเงินเดือนพิเศษ และยังเลือกปรับสไตล์การลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็น สายเสี่ยงหวังผลตอบแทนสูง หรือ สายปลอดภัยขออุ่นใจ สุดท้ายพี่ทุยอยากฝากว่า การลงทุนทุกแบบมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด อย่าลืมศึกษาแต่ละกองให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ แล้วเลือกสิ่งที่เหมาะกับเป้าหมายการเงินของเราเอง

หมายเหตุ: ข้อมูลจาก Dime วันที่ 04/09/2568

 

 

ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ Facebook

อ่านหัวข้ออื่นเพิ่มเติม

4 กองทุนมาแรง ปี 2025

 

 

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile