หลังจากที่เรารู้จักวิธีการเลือกกองทุนรวมหุ้นแบบ Active กันไปแล้ว ใน EP นี้เราจะมาดูวิธีการเลือก กองทุนรวมหุ้นแบบ Passive กันต่อว่ามีวิธีการเลือกอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างจาก Active ตรงไหน และเราจะเน้นเลือกหุ้นไทยก่อนเป็นหลักเหมือนเช่นเดิม
กองทุนรวมหุ้นแบบ Passive เหมาะกับคนที่ต้องการลงทุนให้เหมือนกับตลาด หรือมาตรฐานชี้วัด (Benchmark) มากที่สุด
จาก EP ที่แล้ว กองทุนรวมหุ้นแบบ Active ที่ดีต้องพยายามเอาชนะมาตรฐานชี้วัด (Benchmark) แต่สำหรับกองทุนหุ้นแบบ Passive จะแตกต่างกัน เป้าหมายของกองทุนแบบ Passive ก็คือ การทำผลตอบแทนให้เหมือนกับตลาดมากที่สุด
โดยการลงทุนแบบ Passive จะเชื่อว่า “ตลาด” มีประสิทธิภาพและราคาหุ้นทุกตัวอยู่ในราคาที่สมเหตุสมผล ทำให้ไม่มีนักลงทุนคนไหนสามารถสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดได้ การลงทุนแบบลอกเลียนตลาดจะเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
และการลงทุนแบบเลียนแบบจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการพยายามเอาชนะตลาด ทำให้กองทุนแบบ Passive จะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าแบบ Active นั่นเอง
ดังนั้น การเลือกลงทุนกองทุนหุ้นแบบ Passive จะต้องเลือกให้ดีว่าเราจะเลือกลงทุนในตลาดแบบไหน หรือจะลอกเลียนดัชนีตัวไหนเป็นหลัก จากนั้นก็พิจารณากองทุนที่สามารถลอกเลียนได้ในแบบที่นโยบายวางเอาไว้ในทุกช่วงเวลา
สำหรับใน EP นี้เราจะมาดูวิธีการเลือก กองทุนรวมหุ้นแบบ Passive ที่ลงทุนในหุ้นไทยเป็นหลักกันก่อน ซึ่งเราจะใช้เว็บไซต์ www.morningstarthailand.com เหมือนเช่นเคย
ขั้นตอนการเลือกกองทุนผ่านเว็บไซต์ Morningstar
หลักการเลือกกองทุนก็จะคล้ายกับการเลือกกองทุนหุ้นแบบ Active ใน EP ก่อนหน้านี้เลย แต่จะเปลี่ยนตรงที่ “ประเภทกองทุนแบ่งตาม AIMC” จะต้องเลือกเป็น “SET 50 Index Fund” ที่ถือว่าเป็นดัชนียอดฮิตสำหรับการลงทุนแบบ Passive ในตลาดหุ้นไทย และเราจะเลือกพิจารณาจาก Morningstar Rating อีกเช่นเคย
ในกรณีของ “SET 50 Index Fund” จะมีสูงสุด 4 ดาวเพียง 1 กองทุนเท่านั้น (ณ วันที่ 10 มีนาคม 2566) ในกรณีนี้ เราสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของกองทุนเพื่อทำความเข้าใจกองทุนเพิ่มเติมได้เลย
โดยจุดหลักของการเลือกใช้งานกองทุน ก็คือ จะต้องเหมือนกับตลาดหรือดัชนีมากที่สุด ซึ่งพอเราได้รายชื่อของกองทุนที่น่าสนใจแล้วให้ไปเปิด Fund Fact Sheet เพื่อเทียบผลตอบแทนกันอีกครั้งว่าเหมือนและใกล้เคียงกับดัชนีจริง ๆ หรือไม่ ซึ่งพี่ทุยจะพาไปดูต่อว่า เมื่อเรากดเข้าไปที่กองทุนแล้วหน้าตาของตารางผลตอบแทนจะมีลักษณะเป็นแบบไหนกัน
ตัวอย่าง ผลการดำเนินงานย้อนหลังแบบปักหมุด (% ต่อปี)
พี่ทุยขอสมมติกองทุนขึ้นมาสัก 1 กองทุน นั่นก็คือ กองทุนเอบีซี เซ็ท 50 จะเห็นได้ว่ามีผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัดในทุกช่วงเวลา โดยสามารถดูได้จากตารางที่ช่อง “กองทุน” (ผลตอบแทนของกองทุน) เปรียบเทียบกับ “ดัชนีชี้วัด” (มาตรฐานชี้วัดหรือ Benchmark) นั่นเอง
และหากมีหลากหลายกองทุนที่สามารถลอกเลียนดัชนีได้ดีพอ ๆ กันหรือใกล้เคียงกัน พี่ทุยแนะนำว่าจะต้องพิจารณา “ค่าธรรมเนียมของกองทุน” เพิ่มเติมด้วยทุกครั้ง ถ้ากองทุนไหนที่มีการคิดค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า กองทุนนั้นก็ย่อมดีกว่านั่นเอง
แต่ถ้ายังมีกองทุนหุ้นแบบ Passive ที่สามารถทำผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกัน แถมค่าธรรมเนียมก็อยู่ในระดับใกล้กันอีก พี่ทุยก็แนะนำว่าให้เลือกกองทุนที่มีขนาดใหญ่กว่าเสมอ
เพราะนั่นหมายความว่า กองทุนนั้นมีระบบการจัดการสำหรับเงินในพอร์ตของกองทุนได้ดี ซึ่งโดยปกติแล้วยิ่งกองทุนใหญ่ มีเม็ดเงินจำนวนมาก จะมีความยากในการบริหารจัดการมากกว่า ซึ่งถ้าหากกองทุนนี้มีผลงานที่เท่ากับกองทุนอื่น ๆ แต่มีขนาดกองทุนที่ใหญ่กว่า แสดงว่าผลงานของกองทุนนี้ดีกว่ากองทุนอื่น ๆ นั่นเอง
จะเห็นได้ว่าการเลือกลงทุนกองทุนรวมแบบ Passive นั้นง่ายกว่า Active มาก ๆ เลย
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เราจะต้องเลือกดัชนีที่เราต้องการลงทุนให้ดี เพราะข้อจำกัดของกองทุนแบบ Passive คือ ถ้าหากเราเลือกดัชนีผิด ก็เหมือนเป็นการปิดโอกาสในการทำกำไรของเราไปเลย แทบจะไม่ต้องห่วงผลจากการลงทุนแบบ Passive ได้เลย
ใน EP ถัดไป พี่ทุยจะพาไปดูกองทุนที่เป็นลูกผสมระหว่างกองทุนรวมตราสารหนี้และกองทุนรวมหุ้นอย่าง “กองทุนรวมผสม” ว่าคืออะไร แล้วมีวิธีในการเลือกลงทุนอย่างไรกันบ้าง
ถ้ายังไม่เหนื่อย ยังไหวกันอยู่ ตามมาลุยกันต่อได้เลย!
ย้อนกลับไปอ่าน EP ก่อนหน้านี้
อ่าน EP ต่อไป
ติดตามซีรีส์กองทุน เลือกลงทุนง่ายนิดเดียว ตอนอื่น ๆ ได้ที่นี่
ขอขอบคุณทาง บลจ.ยูโอบี (UOBAM) ที่เข้ามาสนับสนุนการให้ความรู้ผ่าน “ซีรีส์กองทุนเลือกลงทุน ง่ายนิดเดียว” ในครั้งนี้ สำหรับใครที่สนใจอยากเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวม ทาง UOBAM มีกองทุนให้เลือกลงทุนหลากหลายนโยบายการลงทุน มีทั้งกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไปจนถึงกองทุนรวมที่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี ทั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ให้เลือกลงทุน
การซื้อขายสามารถทำได้สะดวก ผ่านช่องทางออนไลน์ในแอปฯ “UOBAM Invest Thailand”
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.uobam.co.th
ติดต่อฝ่ายบริการนักลงทุน โทร. 02-786-2222 หรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ บลจ. แต่งตั้ง
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวด้วย