วิเคราะห์ “หุ้น BTS” ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทย

วิเคราะห์ หุ้น BTS ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทย

6 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “หุ้น BTS” ประกอบธุรกิจระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถโดยสารด่วน พิเศษบีอาร์ที ธุรกิจสื่อโฆษณาของกลุ่ม VGI รวมไปถึงธุรกิจพัฒนา อสังหาริมทรัพย์
  • รายได้จากการดำเนินงานรวม ในปี 2563/64 จำนวน 34,938 ล้านบาท ลดลง 6.0% ในส่วนกำไรสุทธิ จำนวน 4,576 ล้านบาท ลดลง 43.9%
  • BTS มีแผนธุรกิจสำหรับ 10 ปีข้างหน้าด้วย“กลยุทธ์ 3M” ซึ่งเป็นการบูรณาการ แพลตฟอร์มธุรกิจ MOVE, MIX และ MATCH ของ BTS เข้าไว้ด้วยกัน
  • โครงการรถไฟฟ้าสีส้มที่ยังไม่มีกรอบเวลาประมูลที่ชัดเจน และโครงการต่าง ๆ ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามในอนาคต

 


รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

หากพูดถึง BTS หลาย ๆ คนคงนึกถึงการเดินทางที่สะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย วันนี้พี่ทุยจะพาทุกคนมาเจาะลึกกับ หุ้น BTS หรือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จะมีความน่าสนใจและน่าลงทุนแค่ไหน พี่ทุยได้ทำสรุปมาให้นักลงทุนได้เข้าใจง่าย ๆ กัน

หุ้น BTS ทำอะไร ?

บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น BTS ประกอบธุรกิจระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที ธุรกิจสื่อโฆษณาของกลุ่ม VGI รวมไปถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการดําเนินธุรกิจใน 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ Move, Mix และ Match มีภาพรวมในการดำเนินธุรกิจดังนี้

1. ธุรกิจ Move (ขนส่ง)

เป็นผู้ให้บริการการเดินทางแบบ door-to-door แก่ผู้โดยสารด้วยรูปแบบการเดินทางที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นทางราง ทางถนน ทางน้ำหรือทางอากาศ ด้วยโครงข่ายรถไฟฟ้าในปัจจุบันของ BTS ขยายตัวเพิ่มขึ้นครอบคลุมระยะทางรวม 135.0 กม. นอกจากนี้ยังได้ขยายความสนใจไปยังระบบคมนาคมขนส่งอื่น ๆ อาทิ รถโดยสาร เรือโดยสาร ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและสนามบิน 

2. ธุรกิจ Mix (สื่อและการวิเคราะห์ข้อมูล)

เป็นแพลตฟอร์มด้านการตลาดที่เต็มด้วยไปชุดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และสามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจได้ โดยแพลตฟอร์มนี้เกิดขึ้นจากการผสมผสานระหว่าง Offline-to-Online (O2O) Solutions ของวีจีไอ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และ Data marketplace ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัทฯ การทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มบริษัทนี้ นับเป็นการนำทรัพยากรที่เรามีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่แพลตฟอร์มของ VGI (สื่อโฆษณาและชําระเงินออนไลน์) และโลจิสติกส์

3. ธุรกิจ Match (ลงทุนในพันธมิตรทางธุรกิจ)

เป็นหน่วยธุรกิจที่มุ่งเน้นในการสร้างโอกาสทางธุรกิจและแสวงหา synergy ใหม่ ๆ ผ่านการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของกันและกัน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เปิดให้พันธมิตรที่เราเชิญเข้ามาในเครือข่ายของเราเข้ามาใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม MOVE และ MIX

วิเคราะห์ “หุ้น BTS” ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทย

โครงสร้างรายได้ ปี 2563/64 ของบริษัท

วิเคราะห์ “หุ้น BTS” ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทย

ในปี 2563/64 รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯ มาจาก

รายได้จากธุรกิจ MOVE คิดเป็น 89.9% ของรายได้จากการดำเนินงาน ซึ่งเป็นรายได้จากการให้บริการเดินรถในส่วนต่อขยายสายสีลมและสายสุขุมวิท ส่วนต่อขยาย สายสีเขียวใต้และเหนือ และสายสีทอง รายได้ค่าโดยสารของรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT รายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและจากการจัดหารถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง รายได้งานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

รองลงมาคือ รายได้จากธุรกิจ MIX คิดเป็น 7.5% ของรายได้จากการดำเนินงาน โดยรายได้มาจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ร้านค้าและให้บริการสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส กลางแจ้ง อาคารสำนักงาน ด้านดิจิทัล รายได้จากแรบบิท รีวอร์ดสและอื่น ๆ

ในส่วนของรายได้ จากธุรกิจ MATCH คิดเป็น 2.6% ของรายได้จากการดำเนินงาน ซึ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ รายได้ค่าเช่าและค่าบริการจาก ธุรกิจอาคารที่พักอาศัย และรายได้จากโครงการสนามกอล์ฟธนาซิตี้และสปอร์ตคลับ รายได้ จากธุรกิจร้านอาหาร รับเหมาก่อสร้าง และอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดำเนินงานลดลง 6.0% จากปี 2562/63 สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากธุรกิจ MIX และธุรกิจ MATCH ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ผลการดำเนินงาน BTS ปี 2561/62 – 2563/64 ของ “หุ้น BTS”

วิเคราะห์ “หุ้น BTS” ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทย

ก่อนอื่นเลยพี่ทุยอยากจะบอกว่า ปกติแล้วงบของบริษัทอื่น ๆ เห็นได้ว่า จะเป็นปีที่ชัดเจนเลย เช่น ปี 2562 ปี 2563 ซึ่งเป็นการสะท้อนว่าเป็นการดูงบตามรอบประจำปีของบริษัท

แต่ของ BTS นั้นจะแตกต่างกันไป เพราะมีการนับรอบงบประมาณที่แตกต่างกัน อย่างข้อมูลที่เป็น 2562/63 จะเป็นข้อมูลของงบวันที่ 1 เม.ย. 2562 – 31 มี.ค. 2563 นั่นเอง

รายได้ตามกลุ่มธุรกิจของ หุ้น BTS

วิเคราะห์ “หุ้น BTS” ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทย

รายได้จากการดำเนินงานรวม ในปี 2563/64 จำนวน 34,938 ล้านบาท ลดลง 6.0% หรือ 2,232 ล้านบาท จากปีก่อน โดยการลดลงส่วนใหญ่มาจากการลดลงของรายได้จาก การดำเนินงานธุรกิจ MIX (รวมถึงรายได้ที่ลดลงจากการยกเลิกการควบรวมงบการเงินของ MACO โดยวีจีไอ) และธุรกิจ MATCH ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

กำไรสุทธิ จำนวน 4,576 ล้านบาท ลดลง 43.9% หรือ 3,585 ล้านบาทจากปีก่อน ร่วมถึง อัตรากำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในปี 2563/64 คือ 10.8% ก็ลดลงเช่นกัน เมื่อเทียบกับ 18.4% ในปี 2562/63 สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก

1) ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น

2) ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวลดลงในธุรกิจ MIX และธุรกิจ MATCH ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ ระบาดของโควิด-19

จุดแข็งที่น่าสนใจของ หุ้น BTS

1. รถไฟฟ้าบีทีเอสเป็นผู้นำในระบบ การเดินทางที่มีคุณภาพและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนกรุงเทพฯ

จุดเด่นของรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่ว่าจะเป็นความรวดเร็ว ตรงต่อเวลา สะอาด มีความปลอดภัยสูง อัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม รวมถึงเส้นทางที่ผ่านจุดสำคัญในย่านศูนย์กลางของธุรกิจการค้า

2. เป็นผู้นำส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 จากผู้ให้บริการทั้งหมด 3 ราย

รถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นผู้นำส่วนแบ่งทางการตลาด ที่ 57% ในขณะที่ BEM มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นลำดับที่สองที่ 37% และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มีส่วนแบ่งทางการตลาด 6%

3. ดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลาย

ระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา บีทีเอส กรุ๊ป ได้ลงทุนและร่วมมือกับบริษัทชั้นนำต่าง ๆ ในหลากหลายธุรกิจ ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และไม่ได้จดทะเบียน เพื่อสรรค์สร้างผลประโยชน์ที่จะได้รับทั้งสองฝ่าย รวมทั้งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ บริษัทฯ และพันธมิตรทางธุรกิจต่างเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กัน โดยมีเป้าหมายในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปพร้อม ๆ กัน

4. ธุรกิจมีคู่แข่งน้อยราย

ปัจจุบันบมจ. BTS Holdings และ บมจ.BEM เป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าเพียงสองรายใน ประเทศไทย

5. มีสถานะที่มั่นคงในธุรกิจสื่อโฆษณา

บริษัทดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านบริษัทย่อยคือ บมจ. วี จี ไอ (VGI) ซึ่งมีความได้เปรียบในการแข่งขันสูงเนื่องจากเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาในขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส และพื้นที่เชิงพาณิชย์ในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพียงรายเดียว นอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวยังขยายธุรกิจไปสู่สื่อโฆษณานอกบ้านในรูปแบบอื่น ๆ ผ่านการซื้อหุ้นในหลาย ๆ กิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสื่อโฆษณาอีกด้วย

6.ติดอันดับดัชนีความยั่งยืน ”DJSI” 3 ปีซ้อน

บมจ. BTS Holdings ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ “DJSI” ต่อเนื่องปีที่ 3 ขึ้นแท่น “ผู้นำ” กลุ่มอุตสาหกรรม คมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม “ระดับโลก” พร้อมติดหุ้นยั่งยืนติดต่อกันมาเป็นปีที่ 2 นับเป็นบริษัทด้านคมนาคมขนส่งทางรางแห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์

อัตราส่วนทางการเงินของหุ้น BTS

ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562/63 เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปรับตัวลดลงในธุรกิจ MIX และธุรกิจ MATCH ประกอบกับส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น

ในส่วนของ “กำไรต่อหุ้น (EPS)” ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บ่งบอกถึงบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ต่ำลงเมื่อเปรียบเทียบกับงบปี 2562/63 โดยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.35 บาท/หุ้น จากงบปี 2562/63 อยู่ที่ 0.65 บาท/หุ้น

P/BV Ratio มีค่าที่สูงกว่า 1 บ่งบอกถึงนักลงทุนมองเห็นแนวโน้มในอนาคตว่าบริษัทฯจะเติบโตจนมีกำไรสะสมกลับมาช่วยทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต จากโครงการต่าง ๆ ในอนาคต ประกอบกับฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ

หากมาดูที่ P/E Ratio นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก “กำไรต่อหุ้น (EPS)” ที่ลดลงแต่ราคาหุ้นไม่ปรับลงตามผลประกอบการที่ลดลง เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นว่ากำไรมีโอกาสเติบโตในอนาคต เมื่อผลประกอบการในอนาคตออกมากำไรเพิ่มมากขึ้น P/E ของ BTS ก็จะลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมนั่นเอง

D/E Ratio เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจาก BTS เป็นกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง จึงทำให้ D/E RATIO ในงบปี 2563/64 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 1.79 เท่า บ่งบอกถึงบริษัทมีหนี้สินรวมมากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น

ROA และ ROE  ตามหลักการแล้วยิ่งสูง ยิ่งถือว่าบริษัทนั้นสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากดูในงบปี 2563/64 แล้วพบว่า ทั้งสองอัตราส่วนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากกำไรสุทธิที่ลดลงนั่นเอง

ในส่วนของ DIVIDEND YIELD อยู่ที่ 3.69% สังเกตได้ว่า BTS มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอทุกปี โดยบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ตามงบการเงินเฉพาะกิจการ โดยคำนึงถึงแผนการดำเนินงานในอนาคต ความต้องการใช้เงินลงทุน ผลการดำเนินงาน สภาพคล่อง และสถานะการเงินของบริษัท

เป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ BTS

BTS มีแผนธุรกิจสำหรับ 10 ปีข้างหน้าด้วย “กลยุทธ์ 3M” ซึ่งเป็นการบูรณาการ แพลตฟอร์มธุรกิจ MOVE, MIX และ MATCH ของ BTS เข้าไว้ด้วยกัน

ธุรกิจ MOVE BTS ตั้งเป้าที่จะก้าวไปให้ไกลกว่าธุรกิจขนส่งทางราง สู่ผู้ให้บริการด้านการเดินทางที่สมบูรณ์ ด้วยการขนส่งผู้โดยสารตั้งแต่เดินทางออกจากบ้านจนกลับถึงบ้าน (door-to-door) ผ่านรูปแบบการเดินทางที่หลากหลาย 

ในส่วนธุรกิจ MIX คือการผสมผสานข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธ์ เฉพาะตัวของ BTS และข้อมูลเชิงลึกเข้าไว้กับบริการ O2O Solutions ของวีจีไอ 

และสำหรับธุรกิจ MATCH นั้น BTS ได้เปิดให้พันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มและเครือข่ายของ MOVE และ MIX เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกัน โดยกลยุทธ์ 3M นี้ จะช่วยให้ BTS สามารถขยายธุรกิจ สู่ตลาดใหม่ ๆ ภายใต้แนวทางการดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

อนาคตของ BTS จะเป็นอย่างไร มีประเด็นอะไรที่ต้องติดตาม ?

1. การขยายสัมปทาน

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย BTS ได้ส่งหนังสือให้กับบริษัท กรุงเทพธนาคม เพื่อขอให้ชำระค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรวมไปถึงค่าติดตั้งระบบการเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ภายใน 60 วัน ซึ่งเนื่องจากทางกรุงเทพมหานคร ระบุว่าไม่มีเงินจ่ายหนี้ดังกล่าว ความเป็นไปได้หนึ่งเพื่อแก้ปัญหาคือการอนุมัติขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นเวลา 30 ปี ถึง 2602 และให้ส่วนแบ่งรายได้กับ กรุงเทพธนาคม

2. สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ปัจจุบัน ยังมีผลกระทบต่อกลุ่มบริษัท

เกิดการชะลอตัวในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และมีผลกระทบต่อหลายธุรกิจและ อุตสาหกรรม รวมถึงกิจกรรมทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด

3. โครงการรถไฟฟ้าสีส้มที่ยังไม่มีกรอบเวลาประมูลที่ชัดเจน

บริษัทฯ ร่วมกับ บีทีเอสซี และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในนามของ “กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์” เพื่อร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) (“โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม”) ระยะทางรวม 35.9 กม. โดยที่มีสัดส่วนการลงทุน 38% 42% และ 20% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม โครงการรถไฟฟ้าสีส้ม ยังไม่มีกรอบเวลาประมูลที่ชัดเจน หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้รับคําฟ้องกรณี BTS เป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้ว่า รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือก กรณียกเลิก การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม

4. ความเสี่ยงของรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง

ปัจจุบันภาพรวมงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง คืบหน้าประมาณ 70 – 80% โดยงานโยธาก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างดำเนินงานติดตั้งระบบรถไฟฟ้า และเก็บรายละเอียดตกแต่งสถานี รวมไปถึงทดสอบการเดินรถ อย่างไรก็ตาม สายสีเหลืองที่เดิมจะเปิดให้บริการปลายปี 2564 และสายสีชมพูเดิมจะเปิด มี.ค. – เม.ย.ปี 2565 คงต้องเลื่อนออกไปก่อน จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานก่อสร้างนั่นเอง

5. ลูกหนี้ภาครัฐ

กทม. เป็นหนี้บีทีเอสจำนวน 33,222 ล้านบาท ประกอบด้วยหนี้ O&M (Operation and Maintenance) หรือค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา 12,218 ล้านบาท และหนี้ E&M (Electrical and Mechanical) หรือค่าขบวนรถไฟฟ้า อาณัติสัญญาณ สื่อสาร และระบบตั๋ว 21,004 ล้านบาท โดยระหว่างหาข้อสรุป BTS ได้ย้ายหนี้เหล่านี้ไปบันทึกไว้ในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile