สำหรับใครที่ได้ตามข่าว หุ้น PLUS ก็คงจะรู้ว่าน้องใหม่ตัวนี้เพิ่งจะ IPO เข้ามาช่วง Q2/2565 ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งต้องบอกว่ากระแสตอบรับจากนักลงทุนไม่ใช่เล่น ๆ เลย ใครที่กำลังเล็งหุ้นตัวนี้อยู่ล่ะก็ ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จัก PLUS กันสักหน่อย
หุ้น PLUS ประกอบธุรกิจอะไร ?
บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS เข้าสู่ธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารตั้งแต่ปี 2554 โดยเชื่อมั่นเเละเล็งเห็นโอกาสในน้ำผลไม้ของไทยในตลาดโลก
ปัจจุบัน PLUS ได้ส่งออกน้ำผลไม้ไปกว่า 106 ประเทศ และมีรายได้หลักมาจากการส่งออกน้ำผลไม้ ซึ่งน้ำผลไม้หลักที่ส่งออก คือ “น้ำมะพร้าว และน้ำนมมะพร้าว” และเครื่องดื่มอื่น ๆ ทั่วไป อย่างเครื่องดื่มรสผลไม้ผสมเม็ดแมงลัก, เครื่องดื่มรสผลไม้ผสมเมล็ดเชีย ชานมไข่มุกเพื่อสุขภาพ และเครื่องดื่มวิตามิน โดยรายได้มาจากทั้งการรับจ้างผลิต (OEM) การรับวิจัยและพัฒนาสูตรเพื่อผลิตสินค้าแบรนด์ลูกค้า (ODM) และขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทเอง (OBM)
PLUS ได้เข้า IPO ในช่วง Q2/2565 ที่ผ่านมาด้วยราคา 4.5 บาท จำนวน 170 ล้านหุ้น เพื่อนำเงินไปขยายโรงงาน เครื่องจักร และจ่ายคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน
ในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา PLUS ก็ยังสามารถทำให้กำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นได้จากการลด SKU โดยเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
ซึ่งในช่วงก่อนเข้า IPO ทาง PLUS ได้ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายให้ได้ 50% ในปี 2565 หรือก็คือตั้งเป้ายอดขายในปี 2565 ไว้ที่ระดับ 1,500 ล้านบาท โดยเมื่อดูรายได้ 9 เดือนในปี 2565 แล้วต้องบอกว่าเลยมีโอกาสที่จะทะลุเป้าได้พอสมควรเลยล่ะ แล้วหลังจากปี 2566 PLUS ก็ยังตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยอีกปีละ 30% ด้วย
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ (Q3/65)
1. Gross Profit Margin 31.11%
2. Net Profit Margin 13.86%
3. EPS 0.08 บาท
4. ROA 18.12%
5. ROE 25.48%
6. D/E 0.23 เท่า
อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เมื่อเทียบกับช่วงปี 2564 ถือว่าปรับตัวเพิ่มจาก 30.13% มาอยู่ที่ระดับ 31.11% จากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีมากขึ้น เงินบาทที่อ่อนค่าลง และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันจากระดับ 8.06% ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 13.86% และแน่นอนว่าเมื่อกำไรเพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลทำให้กำไรต่อหุ้น (EPS) เพื่มขึ้นจากเดิมที่ 0.04 บาทต่อหุ้น เป็น 0.08 บาทต่อหุ้นตามไปด้วย
ถ้าหากมาดูที่ Return on Asset (ROA) ก็จะเห็นได้ว่ามีระดับที่สูงขึ้นจาก 9.3 เท่าในปี 2564 ปรับขึ้นมาที่ระดับ 18.12 เท่า และจากการระดมเงินทุนจาก IPO ในช่วง Q2/2565 ปัจจุบัน Return on Equity (ROE) เท่ากับ 25.48 เท่า
และยังทำให้ PLUS มีส่วนของหุ้นที่เพิ่มมากขึ้น และยังสามารถคืนเงินกู้ได้บางส่วนด้วย จึงทำให้ปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของ PLUS อยู่ที่ระดับ 0.23 เท่า จากเดิมในปี 2564 อยู่ที่ระดับ 0.96 เท่า ซึ่งจะช่วยทำให้ความเสี่ยงด้านการดำเนินงานของกิจการลดลง และยังช่วยลดความเสี่ยงจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นได้อีกด้วย
นอกจากนี้ PLUS ยังมีความตั้งใจให้เป็นอีกหนึ่งหุ้นปันผลและหุ้นเติบโตสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือลงทุนในระยะยาว ด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลของ PLUS อยู่ในระดับไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี
อนาคตของ PLUS จะเป็นอย่างไรต่อไป ?
จะเห็นได้ว่า PLUS เองก็เป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจเลยนะ ทั้งมีพื้นฐานที่ดี งบการเงินแข็งแกร่ง และยังมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างน่าติดตาม แต่ก็มีอยู่ประมาณ 3 ประเด็นที่พี่ทุยคิดว่าใครที่สนใจเก็บ PLUS เข้าพอร์ตจะต้องจับตาดู
1. สามารถเติบโตและขยายช่องทางได้ตามที่คาดหวังหรือไม่ ?
แน่นอนว่าธุรกิจเองต้องมีการขยายฐานลูกค้าเก่า เพิ่มลูกค้าใหม่ รวมถึงมีการทำการตลาด Online และ Offline พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อขยายตลาด ผลักดัน และเพิ่มรายได้ให้บริษัท ซึ่งด้วยอัตราการเติบโตที่ PLUS ตั้งไว้ในปี 2566 เป็นต้นไปที่จะอยู่ที่ระดับ 30% ต่อปีนั้นนับว่าถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจทีเดียว แต่อย่างไรก็ต้องติดตามว่าจะสามารถทำได้ตามที่คาดหวังไว้หรือไม่
2. การ Lockdown ของจีน
อีกหนึ่งลูกค้าสำคัญของ PLUS เลยก็คือจีน ซึ่งจีนเอง ณ ปัจจุบันการดำเนินนโยบาย Zero Covid จึงทำให้มีการปิดเมืองเป็นช่วง ๆ ถ้าหากมีตรวจสอบเชื้อ ซึ่งแน่นอนว่าการที่จีนมีปิด ๆ เปิด ๆ เมืองแบบนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งสินค้าเข้าไปในประเทศจีนด้วยเช่นกัน
3. การหดตัวของเศรษฐกิจ (Recession)
เนื่องจากสินค้าหลักของ PLUS คือน้ำผลไม้ ที่ถือว่าเป็นอาหารและเครื่องดื่มที่สภาวะเศรษฐกิจสามารถส่งผลต่อความต้องการสินค้าโดยตรง ซึ่งถ้าหากทั่วโลกเข้าสู่ Recession ก็จะทำให้ความต้องการในการบริโภคในภาพรวมลงทั่วโลกได้
อ่านเพิ่ม