ค่าลดหย่อนภาษี เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างหนึ่งที่ถูกนำมาคำนวณภาษี หักออกจากเงินได้อีกหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว เพื่อให้ได้เงินสุทธิที่น้อยลง โดยมีการหักลดหย่อนกรณีต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป สรุปได้ดังนี้
ค่าลดหย่อนภาษี 2566 สำหรับบุคคลธรรมดา
ค่าลดหย่อนมีหลากหลายรายการ มีทุยขอแบ่งเป็นหมวดดังนี้
หมวดลดหย่อนสำหรับตัวเอง
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส (ไม่มีเงินได้) 60,000 บาท
- ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ให้หักลดหย่อนรวมกันได้ ไม่เกิน 120,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตร ได้คนละ 30,000 บาท (มีเงื่อนไข)
- บุตรชอบด้วยกฎหมาย หักลดหย่อนได้ไม่จำกัดจำนวน
- บุตรบุญธรรม หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 คน
- กรณีมีบุตรชอบด้วยกฎหมายที่มีชีวิตอยู่จำนวนตั้งแต่ 3 คน จะนำบุตรบุญธรรมมาหักอีกไม่ได้
- บุตรที่นำมาหักลดหย่อนต้องไม่มีเงินได้ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป และเข้าหลักเกณฑ์ เป็นผู้เยาว์, บุตรมีอายุไม่เกิน 25 ปี และกำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยหรืออุดมศึกษา, เป็นผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถอันอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู
- ค่าลดหย่อนบิดามารดา คนละ 30,000 บาท
- บิดามารดา อายุ 60 ปีขึ้นไป และมีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท
- ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ละคราวไม่เกิน 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนอุปการะคนพิการหรือคนทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท
หมวดประกัน
7. เบี้ยประกันชีวิต หักค่าลดหย่อนเท่ากับที่จ่ายจริงและไม่เกิน 100,000 บาท
- หากคู่สมรสมีการประกันชีวิต และความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อน สำหรับเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
8. เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ของผู้มีเงินได้และคู่สมรส หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท (บิดามารดาไม่มีเงินได้พึงประเมิน)
9. เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท
- แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้
10. เงินสมทบประกันสังคม หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาท
ค่าลดหย่อนที่หักได้ ประกันชีวิต + ประกันแบบสะสมทรัพย์ + ประกันสุขภาพ + ประกันอุบัติเหตุเฉพาะความคุ้มครองสุขภาพ = ไม่เกิน 100,000 บาท
หมวดเกษียณอายุ
11. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หักลดหย่อนเท่ากับที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง
12. ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ หักค่าลดหย่อนในอัตรา 15% ของเงินได้ที่นำมาเสียภาษีเงินได้ในแต่ละปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี
- ทั้งนี้ ต้องเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น
13. เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
14. เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในอัตราไม่เกิน 30% สูงสุด 500,000 บาท
15. เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
หมายเหตุ ค่าลดหย่อนดังนี้รวมกัน หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
- เงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
- เงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
- เงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ
- เงินที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
- และเงินที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
ค่าลดหย่อนที่หักได้ ประกันชีวิตแบบบำนาญ + กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) + กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) + กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน + กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) + กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) + กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) = ไม่เกิน 500,000 บาท
16. เงินที่ซื้อกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน TESG หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในอัตราไม่เกิน 30% สูงสุด 100,000 บาท
หมวดบริจาค
17. เงินบริจาค
- เงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา/กีฬา/พัฒนาสังคม หักลดหย่อนได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
- เงินบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) หักลดหย่อนได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
- เงินบริจาคทั่วไป หักลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น
- เงินบริจาคแก่พรรคการเมือง หักลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
18. เงินลงทุนธุรกิจวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) หักลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
ค่าลดหย่อนภาษี หมวดพิเศษ
19. ดอกเบี้ยกู้ยืมอสังหาริมทรัพย์ หักค่าลดหย่อนตามจำนวนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
20. ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ช้อปดีมีคืน หักลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับใบกำกับภาษีแบบเต็มทั้งรูปแบบกระดาษและอิเล็กทรอนิกส์ และลดหย่อนได้ถึง 40,000 บาท สำหรับใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์
ยิ่งเรามีค่าลดหย่อนภาษีมาก ก็จะยิ่งช่วยลดเงินได้สุทธิได้มาก ช่วยทำให้เราเสียภาษีน้อยลงได้ ทำให้ฐานภาษีน้อยลง ดังนั้นช่วงปลายปีแบบนี้ใครอยากหาตัวลดหย่อนภาษีเพิ่ม ก็สามารถเลือกซื้อ ประกันชีวิต กองทุน SSF และ กองทุน RMF ได้
ขอขอบคุณทาง Krungthai NEXT Invest ที่เข้ามาสนับสนุนการให้ความรู้ผ่าน “ซีรีส์ #สรุปภาษีปี 2566” ในครั้งนี้
สำหรับใครที่อยากลงทุนระยะยาวพร้อมลดหย่อนภาษีปลายปีแบบนี้ อีกหนึ่งทางเลือก นั่นก็คือ การซื้อกองทุน SSF/RMF และหากใครที่ยังไม่รู้จะซื้อกองทุนตัวไหน หรือยังไม่ค่อยมั่นใจเพราะตลาดลงทุนผันผวนอยู่ ขอแนะนำตัวนี้เลย รับรองว่าตอบโจทย์แน่นอน Krungthai World Class Series (KTWC) จาก บลจ. กรุงไทย ที่ตอนนี้เค้ามีชนิดเพื่อนการออม หรือ SSF ให้เลือกลดหย่อนภาษีด้วย
กองทุน KTWC มีทั้งหมด 3 Series นั่นก็คือ DEFENSIVE / MODERATE / GROWTH โดยเป็นกองทุนผสมที่มีการกระจายใน 2 สินทรัพย์หลักคือ ตราสารหนี้และหุ้น มี 3 สไตล์การลงทุนให้เลือกได้ตามระดับความเสี่ยงตั้งแต่ระดับ ต่ำ กลาง สูง
นอกจากนั้น ยังได้ความร่วมมือสุด Exclusive จากทีมผู้จัดการกองทุนจาก Fidelity อีกหนึ่ง บลจ. ระดับโลก ที่จะเข้ามาช่วยคัดเลือกกองทุนที่เข้ามาอยู่ในพอร์ต เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้ Best of The Best ของกองทุนที่เหมาะกับในแต่ละสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ลงทุนง่ายๆผ่าน NEXT Invest บนแอปฯ Krungthai NEXT หรือ ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา
หากใครสนใจอยากศึกษาเพิ่มเติมและเปิดบัญชีลงทุน ที่นี่เลย [https://info.krungthai.com/rgq8 ]
ตอนนี้มีโปรฯ เปิดบัญชีด้วยนะ รับฟรี! Starbucks e-Voucher 100 บาท* ตั้งแต่ 23 พ.ย. – 31 ธ.ค. 66
*จำกัด 20,000 สิทธิ์แรก เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด