สรุปเงื่อนไข ลดหย่อนภาษีด้วย SSF พร้อม 5 ขั้นตอนคัดเลือกกองทุน

สรุปเงื่อนไข ลดหย่อนภาษีด้วย SSF พร้อม 4 ขั้นตอนคัดเลือกกองทุน | Tax Saving Series 2023 EP3

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • SSF หรือ  Super Saving Funds กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว โดยสามารถนำจำนวนเงินที่ซื้อกองทุน SSF มาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 
  • SSF สามารถนำมาลดหย่อนภาษีไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี โดยสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท แต่เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท / ไม่มีขั้นต่ำ / ไม่ต้องซื้อทุกปี แต่ต้องถือไม่น้อยกว่า 10 ปี และใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ปี  2563-2567 โดยซื้อปีไหน ก็ลดหย่อนปีนั้น
  • การเลือกกองทุน SSF สามารถทำได้ด้วย 4 ขั้นตอนง่าย ๆ จากเครื่องมือ Morningstar rating และ Fund Percentile

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ เราจ่ายภาษีน้อยลง และเพิ่มโอกาสให้เงินลงทุนก้อนนั้นได้เติบโตขึ้นด้วย ซึ่ง 1 ในสินทรัพย์ที่น่าสนใจคือ ลดหย่อนภาษีด้วย SSF แล้วเราจะซื้อ SSF ยังไงให้คุ้มค่าที่สุด คงหนีไม่พ้นการเลือกกองทุนที่ทำให้เงินเราสามารถโตได้ในอนาคต วันนี้ พี่ทุยจะมาแชร์ 4 ขั้นตอนคัดเลือกกองทุนยังไงให้ได้กองทุนที่ดี เติบโตในอนาคต 

SSF คืออะไร ทำไมถึงเป็นเครื่องมือลดหย่อนภาษีที่น่าลงทุน 

ชื่อเต็ม ๆ ของ SSF คือ Super Saving Funds กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว โดยเป็นกองทุนที่มีความพิเศษกว่ากองทุนรวมทั่วไป คือ สามารถนำจำนวนเงินที่ซื้อกองทุน SSF มาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 

โดยมีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ได้ทุกประเภท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนดัชนี ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ 

สรุปเงื่อนไข ลดหย่อนภาษีด้วย SSF 2566 

  1. สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี โดยสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ได้แก่ กองทุน RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
  2. ไม่กำหนดขั้นตํ่าในการซื้อ และไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
  3. ถือไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ (วันชนวัน)
  4. การลดหย่อนแบบปีต่อปี ซื้อปีไหน ก็ลดหย่อนปีนั้น 
  5. ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ปี 2563-2567

ใครที่เหมาะกับ ลดหย่อนภาษีด้วย SSF

ก่อนจะเลือกลงทุน SSF ควรพิจารณาก่อนว่าเราเหมาะกับสินทรัพย์ตัวนี้แค่ไหน ไม่ใช่แค่เพราะจะหาลดหย่อนภาษีเท่านั้น แต่การลงทุนควรเหมาะสมกับแผนการเงินเราด้วย 

SSF เหมาะกับคนที่ต้องการลงทุนเพื่อการออมระยะยาวและอายุต่ำกว่า 45 ปี เนื่องจากหากอายุ 45 – 50 ปี แนะนำว่าควรเลือกลงทุน RMF มากกว่า เพราะ RMF ต้องถือไม่น้อยกว่า 5 ปี และขายได้เมื่ออายุ 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเท่านั้น 

ทั้งนี้ กองทุน SSF ไม่ได้บังคับซื้อทุกปี ทำให้เราสามารถปรับแผนการเงินได้ และยังมีข้อดีคือ มีกองที่ให้เงินปันผลอีกด้วย 

เทคนิคการเลือก SSF ด้วย Morningstar rating และ Fund Percentile

เมื่อเราตัดสินใจอยากลงทุนในกองทุน SSF แล้ว คำถามต่อมาคือ “กองทุน SSF กองไหนดี น่าลงทุน ?”

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า กองทุนรวมแบ่งยังไงบ้าง 

  1. กองทุนรวมแบบ Active Fund ผู้จัดการกองทุนทำผลตอบแทน “เหนือตลาด”
  2. กองทุนรวมแบบ Passive Fund ผู้จัดการกองทุนทำผลตอบแทนให้ “เหมือนกับดัชนี” มากที่สุด

อ่านเพิ่ม

5 ขั้นตอนการคัดเลือกกองทุน SSF 

1. เลือกสินทรัพย์ที่เราต้องการลงทุนเนื่องจาก SSF เป็นอีกกองทุนที่ไม่ได้มีการจำกัดนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเป็นหลัก สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุน SSF ต้องรู้ก่อนว่าเราต้องการลงทุนสินทรัพย์ใด เนื่องจากการคัดเลือกกองทุนจำเป็นต้องเปรียบเทียบและคัดจากกองทุนประเภทเดียวกันเท่านั้น 

2. เมื่อเรารู้แล้วว่าต้องการลงทุนสินทรัพย์ประเภทใด จากนั้นเข้าที่ www.morningstarthailand.com และไปที่ตัวเลือก “ค้นหากองทุน” 

3. วิธีการคัดเลือกจะคล้ายกับการคัดเลือกกองทุนรวมแบบทั่วไปโดยจะไปที่ฟังก์ชัน “ประเภทกองทุนแบ่งตาม AIMC” และในกรณีนี้จะสมมติว่าเราต้องการลงทุนในตลาดหุ้นไทยทั่วไปเป็นหลัก ก็สามารถเลือก “Equity General” แต่สำหรับการเลือก SSF สิ่งหนึ่งที่เพิ่มมาก็คือเราต้องไปที่ฟังก์ชัน “กองทุนประหยัดภาษี” และเลือก SSF เพิ่มเติมเข้าไปด้วยเพื่อเป็นคัดกรองเฉพาะกองทุน SSF ที่มีนโยบายการลงทุนแบบ “Equity General” เท่านั้น

สรุปเงื่อนไข ลดหย่อนภาษีด้วย SSF พร้อม 5 ขั้นตอนคัดเลือกกองทุน

4. จากนั้นคลิกที่ คำว่า Morningstar Rating เพื่อให้จัดเรียงกองทุนตาม Morningstar Rating ยิ่งได้รับดาวที่สูงยิ่งแปลว่าผลดำเนินการในอดีตทำได้น่าสนใจ โดยแนะนำว่าให้เลือกโฟกัสที่กองทุนที่มี 4 -5 ดาว Morningstar Rating เป็นหลัก

สรุปเงื่อนไข ลดหย่อนภาษีด้วย SSF พร้อม 5 ขั้นตอนคัดเลือกกองทุน

ซึ่งจากการเรียงลำดับจะมีกองทุน SSF ที่ได้ Morningstar Rating 4-5 ดาวเพียง 6 กองเท่านั้น (ณ วันที่ 1 ธ.ค. 2566) โดยกองทุนที่ลงท้ายด้วย SSFX คือกองทุนพิเศษที่ถูกจัดตั้งมาให้ลดหย่อนภาษีพิเศษในช่วงปี 2563 เท่านั้น 

ดังนั้น เราจะโฟกัสเฉพาะกองทุนที่เป็น SSF ที่มีให้เลือกเพียง 6 กองทุน

5. เอาข้อมูลทั้ง 6 กอง ไปหาข้อมูล Fund percentile ที่เว็ป https://www.wealthmagik.com/

Fund percentile คืออะไร ? 

Fund percentile คือ เครื่องมืออย่างหนึ่งสำหรับเปรียบเทียบกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์เดียวกัน โดยจะเป็นการจัดอันดับกองทุน ในแต่ละช่วงเวลาและผลตอบแทนกับมาตราวัดที่เราต้องการวัด เช่น ผลตอบแทน ความผันผวน จะมีหลักการใช้ Fund percentile สำหรับการคัดเลือกกองทุน คือ 

  1. ด้านผลตอบแทน ค่า Percentile ยิ่งน้อย ผลตอบแทนยิ่งสูง
  2. ด้านความผันผวน ค่า Percentile ยิ่งน้อย ความเสี่ยงต่ำ 

ตัวอย่าง กองทุน AAA-BBB-SSF พิจารณาจากผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 3 ปี โดยดูที่ช่วง Percentile โดยที่กองนี้อยู่ช่วง 1-5% หมายความว่า ถ้ากองทุนรวมมี 100 กองทุน กองนี้ติดอันดับ Top 5 เราก็ดู Fund percentile ในด้านของ ผลตอบแทนย้อนหลัง ทั้ง 6 กองว่าเป็นยังไง 

คำแนะนำ คือ พยายามเลือกกองทุนที่มีผลตอบแทนย้อนหลังอยู่อันดับ Top 25 

สรุปเงื่อนไข ลดหย่อนภาษีด้วย SSF พร้อม 5 ขั้นตอนคัดเลือกกองทุน

ทั้งนี้ อีกสิ่งที่ควรดูคือ Standard Deviation หรือการวัดความเสี่ยง โดยกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดี ค่า Standard Deviation จะสูงไปด้วยเพราะว่า Standard Deviation จะวัดความแกว่งของราคา ดังนั้น การที่ราคาแกว่งขึ้นไป ทำผลตอบแทนได้ดีมาก ๆ ค่า Standard Deviation  ก็จะสูง ก็จะถูกจัด Tier ว่ากองทุนนั้นมีความเสี่ยงที่สูงด้วย 

ขอขอบคุณทาง Krungthai NEXT Invest ที่เข้ามาสนับสนุนการให้ความรู้ผ่าน “ซีรีส์ #สรุปภาษีปี 2566” ในครั้งนี้

และใหม่ล่าสุด! สำหรับกองทุนที่ใช้ลดหย่อนภาษีเพิ่มได้อีก 100,000 บาท ทำให้ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุดได้ถึง 600,000 บาท  นั่นก็คือ กองทุนThai ESG ที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ไทยที่เข้าเกณฑ์ ESG 

โดยทาง บลจ.กรุงไทย มีแนะนำ 3 กองทุน ด้วยกัน คือ 

  1. KTAG70/30-ThaiESG ไม่หวือหวา เน้นกระจายความเสี่ยงในตราสารหนี้เฉลี่ยไม่เกิน 30%
  2. KTESG50-ThaiESG จับเทรนด์หุ้นตัวท็อปกลุ่ม ESG 50 ตัว
  3. KTAG-ThaiESG เน้นลงทุนในหุ้นเกรด A บริหารแบบ Active ยืดหยุ่นปรับพอร์ตได้ทุกภาวะตลาด

 ลงทุนง่ายๆผ่าน NEXT Invest บนแอปฯ Krungthai NEXT หรือ ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา

หากใครสนใจอยากศึกษาเพิ่มเติมและเปิดบัญชีลงทุน ที่นี่เลย  [https://info.krungthai.com/rgq8] 

ตอนนี้มีโปรฯเปิดบัญชีด้วยนะ รับฟรี! Starbucks e-Voucher 100 บาท* ตั้งแต่ 23 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2566 

*จำกัด 20,000 สิทธิ์แรก เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile