เป็นที่รู้กันว่าใครก็ตามที่มีรายได้ต้องเสียภาษี แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่า เราต้องเสียภาษีเท่าไร ? คำนวณภาษี ยังไงให้จ่ายครบถ้วน ไม่โดนเรียกเก็บย้อนหลัง เครื่องมืออย่างหนึ่งที่เพื่อน ๆ ต้องรู้จัก นั่นคือ “สมการภาษี” เครื่องมือที่จะเปลี่ยนเรื่องภาษีที่เข้าใจยาก ให้กลายเป็นเรื่องง่าย มือใหม่ก็สามารถเข้าใจได้ ช่วยให้ยื่นภาษีถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรกได้เลย
คำนวณภาษี ด้วยสมการภาษี
สมการภาษี คือ “เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ”
จะเห็นได้ว่า เงินได้ทั้งหมด ไม่เท่ากับ เงินได้สุทธิ นั้นก็หมายความว่า หากเพื่อน ๆ มีรายได้ทั้งปีเท่าไหร่ก็ตาม อย่าเพิ่งเอาตัวเองเลขนั้นไปคำนวณภาษี ต้องมาหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนก่อน
เงินได้ คืออะไร มาจากไหนบ้าง ?
เงินได้ คือ เงินหรือรายได้ที่เราได้รับมาตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น เงินเดือน โบนัสจากงานประจำ ดอกเบี้ย เงินปันผลจากการลงทุน หรือจากช่องทางอื่น ๆ เช่น ค่าปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้าน คอนโด ค่ารับงานออกแบบภาพนิ่ง ภาพเครื่องไหวต่าง ๆ และขายของทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เป็นต้น
ทุกอย่างที่เป็นเงินที่เราได้รับมาล้วนเป็นรายได้ทั้งสิ้น โดยทางสรรพากรได้จัดแบ่งเงินได้เป็น 8 ประเภท ตั้งแต่ 40 (1) – 40 (8) เพื่อแยกที่มาและรูปแบบการหักค่าใช้จ่ายที่ที่แตกต่างกัน
ค่าใช้จ่ายอะไรที่ใช้ คำนวณภาษี ?
ค่าใช้จ่าย เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการคำนวณภาษี และสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างหนึ่งที่กฏหมายกำหนดไว้ สำหรับหักเป็นต้นทุนในการทำงาน เพื่อให้ได้เงินได้หรือรายได้สุทธินั้นมาคิดภาษี
โดยการหักค่าใช้จ่ายแบ่งเป็น 2 แบบ คือ การหักแบบเหมา และ การหักค่าใช้จ่ายตามจริง โดยมีอัตราการหักค่าใช้จ่ายมากหรือน้อยตามแต่ละประเภทของเงินได้
ตัวอย่าง การหักแบบเหมา
เงินได้ประเภท 40 (1) คือ เงินได้จากเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส เบี้ยเลี้ยง
เงินได้ประเภท 40 (2) คือ เงินได้จากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ฯลฯ
ค่าใช้จ่ายที่สามารถหักได้คือ หักค่าใช้จ่าย 50% ไม่เกิน 100,000 บาท หากมีเงินได้ประเภทที่ 1 และ 2 ให้นำเงินได้ทั้ง 2 ประเภทรวมกันแต่หักได้ไม่เกิน 100,000 บาท
ตัวอย่าง การหักค่าใช้จ่ายตามจริง
เงินได้ประเภท 40 (7) คือ เงินได้จากการรับเหมาก่อสร้าง
ค่าใช้จ่ายที่สามารถหักได้คือ ตามจริงหรืออัตราเหมา 60% โดยหากถ้าต้องการหักตามจริง ต้องมีใบกำกับภาษีถูกต้อง ครบทุกรายจ่าย ยื่นให้สรรพากรตรวจสอบ (อ่านการหักค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ที่นี่)
ค่าลดหย่อน คืออะไร ?
ค่าลดหย่อน หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า ค่าลดหย่อนภาษี คือ รายการที่กฏหมายกำหนดไว้ให้สามารถนำไปหักออกจากได้ หลักจากที่หักค่าใช้จ่ายแล้ว เพื่อช่วยให้เราเสียภาษีน้อยลง
โดยจะมีสิทธิที่ได้รับตามสถานะของเรา อย่าง “สิทธิลดหย่อนส่วนตัว” – 60,000 บาท เป็นอัตราเหมาว่าคน 1 คนจะมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่อปี ซึ่งค่าลดหย่อนส่วนนี้เป็นพื้นฐานสำหรับทุกคนที่มีรายได้ แต่หากใครสมรสก็จะมี ค่าลดหย่อนคู่สมรส – 60,000 บาท สำหรับคนที่มีคู่สมรสก็เหมือนดูแลอีก 1 ชีวิต ก็ให้เพิ่มเป็นอัตราเหมาขั้นต่ำไปอีก 60,000 บาท
นอกจากค่าลดหย่อนภาษีตามสถานะแล้ว ยังมีค่าลดหย่อนภาษีอื่น ๆ อีกจากมาตราการรัฐอย่างช้อปดีมีคืน ดอกเบี้ยเพื่อที่อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งประกันต่าง ๆ ซึ่งแต่ละปีจะไม่เหมือนกัน ต้องคอยอัปเดตเรื่อย ๆ
ก่อนจะเข้าการคำนวณภาษี อีกสิ่งที่เพื่อน ๆ ต้องรู้คือ อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไทยมีฐานการเสียภาษีแบบขั้นบันได ดังนี้
จะเห็นว่า หากมี “รายได้สุทธิไม่ถึง 150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี หรือก็คือไม่เสียภาษีนั้นเอง” แต่หากมีรายได้เพิ่มขึ้นก็จะเสียภาษีตั้งแต่อัตรา 5% ไปจนถึง 35 % ที่เป็นอัตราภาษีสูงสุด
ดังนั้น เราก็ต้องมาดูว่า รายได้สุทธิเราตกอยู่ที่ขั้นบันไดไหน
ตัวอย่างการคำนวณภาษีจากสมการภาษี
จากสมการภาษี “เงินได้สุทธิ = เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน”
พี่ทุย มีเงินได้จากเงินเดือน 600,000 บาท
ไม่ได้สมรส มีประกันชีวิตตัวเอง 25,000 บาท จ่ายประกันสังคมทั้งปี 9,000 บาท ไม่ได้ซื้อ SSF RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีฟ หรือประกันอื่น ๆ
หัก ค่าใช้จ่ายเงินได้ประเภท 40 (1) -100,000 บาท
หัก ลดหย่อนส่วนตัว -60,000 บาท
แล้วหัก ลดหย่อนประกันชีวิตตัวเอง -25,000 บาท
ดังนั้น เงินได้สุทธิ = 600,000 – 100,000 – 60,000 – 25,000 = 415,000 บาท
รายได้ 600,000 บาท เสียภาษีเท่าไหร่ ?
หลังจากได้รายได้สุทธิจากสมการภาษี 415,000 บาท ก็จะไปดูอัตราภาษีแต่ละขั้นว่าเสียเท่าไหร่บ้าง ดังนี้
การคิดจะนำยอดรายได้สุทธิ 415,000 มาคำนวณภาษีแยกย่อยทีละขั้น ไม่ใช่ การที่ 415,000 อยู่ในช่วง 300,001 ถึง 500,000 ที่อัตราภาษี 10 % ก็เอาทั้งก้อนคำนวณไปเลย
1 ถึง 150,000 = 150,000 บาท ได้รับการยกเว้น
150,001 ถึง 300,000 = 150,000 บาท เสียภาษี 5% = 150,000 x 5% = 7,500 บาท
300,001 ถึง 500,000 = 115,000 บาท เสียภาษี 10% = 115,000 x 10% = 11,500 บาท
ดังนั้น พี่ทุยรายได้ 600,000 บาท จะเสียภาษีเท่ากับ 7,500 + 11,500 = 19,000 บาท
จะเห็นว่า พี่ทุยใช้ลดหย่อนภาษีเพียงแค่ 2 อย่างเท่านั้น คือ ค่าลดหย่อนตัวเอง กับ ประกันชีวิตตัวเอง และอย่างหมวดประกันชีวิต สูงสุดที่ 100,000 บาท ยังเหลือช่องว่างอีกหลายหมื่น และเหลือค่าลดหย่อนอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ใช้สิทธิ ซึ่งทั้งหมดนั้นจะช่วยให้พี่ทุยจ่ายภาษีน้อยลงได้ โดยหากวางแผนภาษีดี ๆ พี่ทุยจะจ่ายภาษีไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ ติดตามทริคใช้ลดหย่อนภาษียังไงให้เสียภาษีน้อยที่สุด คลิกอ่านใน EP ต่อ ๆ ไปได้ข้างล่างนี้เลย …
อ่านบทต่อไป
ขอขอบคุณทาง Krungthai NEXT Invest ที่เข้ามาสนับสนุนการให้ความรู้ผ่าน “ซีรีส์ #สรุปภาษีปี 2566” ในครั้งนี้
ในช่วงปลายปีแบบนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาทางเลือกลดหย่อนภาษี และลงทุนระยะยาวด้วย ชั่วโมงนี้แนะนำนี่เลย KT-VIETNAM-SSF และ KT-VIETNAM RMF จาก บลจ. กรุงไทย ที่มีโอกาสเติบโตสูง แต่ราคายังไม่แพง
จุดเด่นของกองนี้ คือ ที่จะ ทาง บลจ. กรุงไทยจะเข้าลงทุนหุ้นเวียดนามโดยตรงที่ตอนนี้เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี VN30 ที่เป็นดัชนีหลักของตลาดหุ้นเวียดนามเป็นหลัก และด้วยทีม Fund Manager ที่มีประสบการณ์อย่างยาวนานกับตลาดเวียดนาม จากผลงานเดิมคือกองทุนสุดปังอย่าง KT-CLMVT ทำให้มีผลการดำเนินงานที่น่าสนใจ พร้อมเติบโตไปกับเศรษฐกิจเวียดนามได้
ลงทุนง่าย ๆ ผ่าน NEXT Invest บนแอปฯ Krungthai NEXT หรือ ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา
หากใครสนใจอยากศึกษาเพิ่มเติมและเปิดบัญชีลงทุน ที่นี่เลย
ตอนนี้มีโปรฯ เปิดบัญชีด้วยนะ รับฟรี! Starbucks e-Voucher 100 บาท* ตั้งแต่ 23 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2566
*จำกัด 20,000 สิทธิ์แรก เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด