5 เรื่อง เข้าใจผิดเกี่ยวกับกองทุนรวม ที่นักลงทุนต้องรู้ | ซีรีส์กองทุน EP2

5 เรื่อง เข้าใจผิดเกี่ยวกับกองทุนรวม ควรรู้ก่อนลงทุน | ซีรีส์กองทุน EP2

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • กองทุนรวมเป็นหนึ่งในสินทรัพย์การลงทุนยอดนิยมที่มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีเรื่องที่ถูกเข้าใจผิดอยู่ไม่น้อย ทั้งเรื่องที่กองทุนรวมไม่มีการการันตีผลตอบแทน และมีความเสี่ยงตามสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนด้วย
  • การลงทุนผ่านกองทุนรวม ควรกระจายการลงทุนในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น ๆ
  • การคัดเลือกกองทุนรวมห้ามมองแค่ผลตอบแทนในอดีตเพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาถึงปัจจัยอื่นอีกด้วย

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

หลังจากที่เรารู้กันไปแล้วว่าการลงทุนในกองทุนรวมมีข้อดีอะไรบ้าง ทำไมถึงเป็นเครื่องมือการลงทุนยอดนิยมของนักลงทุน พี่ทุยพามาดูในอีกด้านของกองทุนรวมบ้างดีกว่าว่ามีอะไรที่เรื่อง เข้าใจผิดเกี่ยวกับกองทุนรวม ที่นักลงทุนแบบเรา ๆ ต้องรู้กันก่อน

5 เรื่อง เข้าใจผิดเกี่ยวกับกองทุนรวม

1. กองทุนรวมการันตีผลตอบแทน

ความเข้าใจผิดแรก หรือเรียกว่าเป็นความเข้าใจผิดอันดับต้น ๆ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษากองทุนรวมเลยก็ว่าได้ ที่มักคิดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมนั้นการันตีผลตอบแทน ลงทุนไปยังไงก็ได้กำไรแน่ ๆ ซึ่งความเป็นจริงคือกองทุนรวม “ไม่มีการการันตี” ผลตอบแทนให้กับนักลงทุน

2. กองทุนรวมไม่มีความเสี่ยง

หลายคนอาจจะเข้าใจว่า เมื่อเราให้นักลงทุนมืออาชีพที่เรียกว่า “ผู้จัดการกองทุน” ดูแลการลงทุนให้แล้ว มักจะคิดกันว่าไม่มีความเสี่ยง หรือถ้ามีก็คงจะเป็นความเสี่ยงที่ต่ำมาก แต่จริง ๆ แล้วไม่มีการลงทุนใดในโลกไม่มีความเสี่ยง ถ้าหากเราคิดว่าการลงทุนไม่มีความเสี่ยงเลย แปลว่าเรายังไม่เข้าใจการลงทุนนั้นดีพอนั่นเอง

โดยหลักการลงทุนของกองทุนรวมก็คือ การนำเงินไปซื้อสินทรัพย์การลงทุนตาม “นโยบายการลงทุน” ของกองทุนนั้น ถ้าหากสินทรัพย์ที่ไปลงทุนมีการปรับตัวลง ก็จะนำผลขาดทุนกลับมาให้กองทุนเช่นกัน

3. ลงทุนในกองทุนรวมต้องเข้าออกไว เน้นทำกำไรระยะสั้น

อีกหนึ่งเรื่องเข้าใจผิดที่พบเจอได้เสมอก็คือ คิดว่าการลงทุนผ่านกองทุนรวมต้องเน้นเข้าไว ออกไว มีกำไรแล้วให้รีบขายเพื่อจับจังหวะตลาด ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจผิดที่อันตรายมาก ๆ เพราะว่าโดยทั่วไปแล้ว กองทุนรวมมีสิ่งที่เรียกว่า “ค่าธรรมเนียม” โดยเวลาที่เราซื้อหรือขายหน่วยลงทุนอาจจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมไปด้วย

อย่างเช่น เราซื้อกองทุนรวมด้วยเงิน 10,000 บาท แล้วกองทุนนั้นกำหนดไว้ว่ามี “ค่าธรรมเนียมการซื้อ (Front-End Fee)” ที่ 1.5% แปลว่าเงินที่เรานำไปลงทุนจริง ๆ เท่ากับ 9,850 บาทเท่านั้น ซึ่งหมายถึงว่าเราจะต้องรอให้กองทุนสร้างผลตอบแทนอย่างน้อยประมาณ 1.5% เพื่อให้เรากลับมาเท่าทุน ดังนั้น การลงทุนในกองทุนรวมควรเน้นกระจายการลงทุนในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น เพราะในทุกคำสั่งซื้อหรือขายหน่วยลงทุน เราอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการซื้อขายในทุกรายการนั้นด้วยนั่นเอง

4. NAV ยิ่งต่ำเท่ากับราคายิ่งถูก แปลว่ายิ่งดี

หลักการทั่วไปในการลงทุนคือการ “ซื้อถูก ขายแพง” หรือการซื้อแล้วไปขายให้แพงกว่าให้ได้ ด้วยหลักการนี้ทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจว่าการที่มูลค่าต่อหน่วยของกองทุน หรือ NAV ต่ำ หมายถึงยิ่งดี ราคาถูก แต่ในความเป็นจริงแล้ว NAV ไม่ว่าจะต่ำหรือสูง ไม่สามารถบอกได้เลยว่ากองทุนนั้นเป็นกองทุนที่ดีหรือไม่

โดยทั่วไปแล้ว NAV จะถูกคำนวณจาก

“(มูลค่าทรัพย์สินตามราคาตลาด + ผลตอบแทนสะสม + เงินสด) – หนี้สินและค่าใช้จ่าย = มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV)”

และถ้าหากเราอยากได้ NAV ต่อหน่วยให้นำ NAV หารด้วย จำนวนหน่วยลงทุน

ดังนั้น พี่ทุยแนะนำว่า ถ้าหากเราอยากเปรียบเทียบกองทุนรวม เราควรเปรียบเทียบกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนแบบเดียวกันหรือคล้ายกัน และดูว่ากองทุนรวมไหนทำผลตอบแทนได้ดี มีความเสี่ยงเหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรารับได้และควรศึกษาค่าธรรมเนียมของกองทุนนั้น ๆ มากกว่าการดูที่ NAV ของกองทุนรวมเพียงอย่างเดียว

5. ลงทุนในกองทุนรวมเน้นดูผลตอบแทนในอดีตเท่านั้น

การดูผลตอบแทนในอดีตเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการคัดเลือกกองทุนรวมเท่านั้น ถ้าหากเราดูเพียงผลตอบแทนย้อนหลัง การลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงอย่างกองทุนรวมหุ้น จะน่าลงทุนมากกว่าการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ เพราะผลตอบแทนมักจะสูงกว่าในระยะยาว

แต่ในการลงทุนยังมีอีกหลากหลายปัจจัยที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในการลงทุนที่แตกต่างกัน อย่างเช่น บางคนไม่สามารถลงทุนระยะยาวระดับ 10 ปีขึ้นไปได้ อยากลงทุนแค่ระยะสั้น ๆ เพียง 1-2 ปี เพราะฉะนั้นการเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ตอบโจทย์มากนัก นอกจากนี้การลงทุนในกองทุนหุ้นยังมีความเสี่ยงและความผันผวนของราคาที่สูงกว่ากองทุนตราสารหนี้มาก การที่ผลตอบแทนสูง ก็ทำให้มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้เรายังต้องพิจารณาอีกด้วยว่ามืออาชีพหรือผู้จัดการกองทุนที่เราจะไว้ใจให้ดูแลเงินเขาเป็นใคร ? ผลงานในอดีตเป็นอย่างไร ? มีหลักการในการลงทุนตรงจริตหรือสอดคล้องกับตัวเรามากน้อยแค่ไหน

หลังจากที่เรียนรู้เรื่องกองทุนรวมไปแล้วว่ามีข้อดีอะไรบ้าง แล้วมีเรื่องอะไรที่นักลงทุนมือใหม่มักจะเข้าใจผิดกับกองทุนรวมกันไปแล้ว ใน EP3 พี่ทุยจะพาไปเจาะลึกกันว่า “นโยบายการลงทุน” ของกองทุนรวมมีกี่ประเภทให้นักลงทุนเลือกลงทุนได้บ้าง

อ่าน EP ต่อไป

ย้อนกลับไปอ่าน EP ก่อนหน้านี้

ติดตามซีรีส์กองทุน เลือกลงทุนง่ายนิดเดียว ตอนอื่น ๆ ได้ที่นี่

ขอขอบคุณทาง บลจ.ยูโอบี (UOBAM) ที่เข้ามาสนับสนุนการให้ความรู้ผ่าน “ซีรีส์กองทุน เลือกลงทุน ง่ายนิดเดียว” ในครั้งนี้

สำหรับใครที่สนใจอยากเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวม ทาง UOBAM มีกองทุนให้เลือกลงทุนหลากหลายนโยบายการลงทุน มีทั้งตลาดเงิน ตราสารหนี้ กองทุนรวมหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไปจนถึงกองทุนรวมที่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี ทั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ให้เลือกลงทุน การซื้อขายสามารถทำได้สะดวกผ่านช่องทางออนไลน์ในแอปฯ “UOBAM Invest Thailand”

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ www.uobam.co.th
ติดต่อฝ่ายบริการนักลงทุน โทร. 02-786-2222 หรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ บลจ. แต่งตั้ง 

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะกองทุน นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนการตัดสินใจลงทุน  ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวด้วย

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile