แล้ว PMI คืออะไร ทำไมในช่วงที่ผ่าน หลายคนที่ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด จะได้ยินกันบ่อย อีกทั้งคงพอทราบกันมาบ้างว่า มีองค์กรเศรษฐกิจระหว่างประเทศหลายหน่วยงาน ได้ออกมาบอกตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2563 นี้ และปีหน้าปี 2564 อย่าง IMF ที่ออกมาคาดการณ์ล่าสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจโลกปี 2563 จะติดลบที่ 4.4% ดีกว่ารอบก่อนหน้าในเดือนมิถุนายนที่เคยคาดไว้ว่าจะติดลบที่ 4.9%
ซึ่งนับว่ามีมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกดีขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โลกเผชิญกับไวรัสโควิด-19 และในปี 2564 นั้นทาง IMF ก็คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ที่ 5.2%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกของ IMF หรือหน่วยงานอื่น ๆ นั้นมักจะออกมาให้มุมมองปีละประมาณ 4 ครั้งในช่วงต้นของแต่ละไตรมาส ซึ่งในมุมของนักลงทุนหรือผู้ที่อยากติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอาจรู้สึกไม่ทันใจกันบ้าง แต่หากต้องการตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว และมีความถี่ที่มากกว่า ซึ่งตัวชี้วัดสำคัญตัวหนึ่งจำเป็นต้องทราบไว้เลยนั่นคือ “ดัชนี PMI”
ดัชนี PMI คืออะไร ?
ดัชนี PMI ย่อมาจาก Purchasing Managers Index หรือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ
เป็นตัวชี้วัดหรือดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ (Economic leading indicator) ที่นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ทั่วโลกให้ความสำคัญมาก เพื่อดูทิศทางและแนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของโลกในปัจจุบันและอนาคต
โดยดัชนี PMI จัดทำโดย IHS Markit บริษัทที่จัดทำข้อมูลการสำรวจภาคธุรกิจมากที่สุดของโลก ครอบคลุมทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนามากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก แต่ในบางประเทศก็จะมีหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนร่วมจัดทำด้วย เช่น สหรัฐอเมริกา และจีน เป็นต้น
ซึ่งดัชนี PMI แบ่งได้เป็น 2 ดัชนีย่อย นั่นคือ 1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) และ 2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Non-Manufactuting PMI หรือ Services PMI) โดยความถี่ในการเผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน
ดัชนี PMI ดูทิศทางเศรษฐกิจโลกได้อย่างไร ?
อย่างที่พี่ทุยบอกไปข้างต้นว่าดัชนี PMI จัดทำด้วยจากการสำรวจ (Survey) โดยจะทำการสำรวจธุรกิจเอกชนมากกว่า 20,000 บริษัท โดยการสอบถามไปยังผู้จัดการฝ่ายซื้อในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสภาพธุรกิจในปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต 5 เรื่อง ได้แก่ คำสั่งซื้อสินค้าใหม่ (New Orders) ผลผลิต (Output) การจ้างงาน (Employment) สินค้าคงคลัง (Stock) และเวลาที่ใช้ขนส่งวัตถุดิบ (Suppliers’ Delivery Time) หลังจากที่ได้รับข้อมูลจากผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแล้วก็จะนำมารวบรวมและจัดทำเป็นดัชนีต่อไป โดยมีความหมายและการตีความของดัชนีดังนี้ เช่น
- หากผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อตอบแบบสอบถามว่าคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ “เพิ่มขึ้น” หมายถึง เดือนปัจจุบันมียอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่เข้ามามากกว่าเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ค่าดัชนีจะอยู่สูงกว่าระดับ 50
- หากผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อตอบแบบสอบถามว่าคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ “คงที่” หมายถึง เดือนปัจจุบันมียอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่เข้ามาเท่าเดิมเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ค่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 50
- หากผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อตอบแบบสอบถามว่าคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ “ลดลง” หมายถึง เดือนปัจจุบันมียอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่เข้ามาน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ค่าดัชนีจะอยู่ต่ำกว่าระดับ 50
หากอธิบายให้เห็นภาพมากขึ้น อย่างเช่น หากผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเห็นสัญญาณหรือคาดว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในระยะข้างหน้าราว 2-3 เดือน ก็จะเร่งสั่งซื้อสินค้าและวัตถุดิบเพิ่มเติมเพื่อรองรับการผลิตที่มากขึ้น หรือหากมียอดคำสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น ก็อาจมีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น ค่าดัชนี PMI ก็จะอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งสะท้อนได้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาวะธุรกิจในอนาคตมีแนวโน้มขยายตัว
ในทางตรงกันข้าม หากผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเห็นสัญญาณอะไรบางอย่างที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มแย่ลง ก็อาจจะลดกำลังการผลิต ชะลอการสั่งซื้อวัตถุดิบเข้ามา และระบายสต็อกของที่มีอยู่ หรือหากอยู่ในภาวะวิกฤต จนถึงขั้นลดการจ้างงานลง (อย่างเช่นช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก) ค่าดัชนี PMI ก็จะอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนได้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาวะธุรกิจในอนาคตอาจจะเผชิญกับแนวโน้มขาลง
ฉะนั้นแล้วระดับของค่าดัชนี PMI ที่ได้จากการสำรวจโดยตรงจากบริษัททั่วโลก เพียงพอที่จะสามารถบอกถึงแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจและภาวะธุรกิจได้ ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนที่ต้องการจะติดตามการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็ว
แล้วค่าดัชนี PMI ในปัจจุบันเป็นอย่างไร ?
ดัชนี PMI ของโลก (Global PMI) ที่ออกมาล่าสุดเป็นตัวเลขของเดือนตุลาคม 2563 พบว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิต (Global Manufacturing PMI) อยู่ที่ระดับ 53.0 เพิ่มขึ้นมากกว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และทำสถิติสูงสุดในรอบ 29 เดือน ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของโลก (Global Services PMI) ก็ทำสถิติสูงสุดเช่นเดียวกันในรอบ 19 เดือน ที่ระดับ 52.9
ตัวเลขดัชนี PMI ของโลกที่ประกาศออกมาล่าสุดว่าทำสถิติสูงสุดในรอบหลายเดือนนั้น อาจกำลังบอกเราว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากไข้หลังจากติดไวรัสโควิด-19 มาตลอดทั้งปี ซึ่งสอดคล้องกับหลายองค์กรระหว่างประเทศที่ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกปีนี้ดีขึ้น
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็มาจากที่หลายประเทศทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อให้เครื่องจักรทางเศรษฐกิจกลับมาทำงานได้อีกครั้ง ผนวกกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เต็มสูบจากนโยบายการเงินและมาตรการทางการคลัง ดังนั้น การติดตามตัวเลขดัชนี PMI อย่างใกล้ชิดก็จะทำให้นักลงทุนอย่างเราได้พอเห็นภาพหน้าตาของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไปได้ดีและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ติดตามคำศัพท์การเงินอื่น ๆ ได้ที่นี่
Comment