กองทุนรวม คือ

กองทุนรวม คืออะไร มีกี่ประเภท มือใหม่น่าลงทุนมั้ย ?

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • กองทุนรวม คือ คนที่ต้องการลงทุน นำเงินมารวมกันแล้วก็มอบหมายให้กับคน ๆ หนึ่งไปลงทุนแทน
  • คนที่นำเงินไปลงทุนแทน จะเรียกเขาว่า “ผู้จัดการกองทุน” ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ความชำนาญ ความรู้ในการลงทุน
  • ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนอะไรนั้นก็คือขึ้นอยู่กับว่า “นโยบายการลงทุน” ของกองทุนรวมนั้นเป็นอย่างไร

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่นักลงทุนหน้าใหม่มักกระโจนลงมาเริ่มลงทุน ก็คงไม่พ้นการลองซื้อกองทุนสักกอง เพราะเขากันว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ วันนี้พี่ทุยเลยพาทุกคนไปรู้จักว่า กองทุนรวม คืออะไร กันแน่ น่าสนใจลงทุนก่อนเทรดเอง จริงหรือเปล่า ไปฟังกัน

กองทุนรวม คืออะไร ?

ถ้าจะเริ่มอธิบายความหมายของ กองทุนรวม โดยทันทีอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสับสนว่าคืออะไร จึงอยากจะเริ่มที่ว่า กองทุนรวมถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาอะไรจะช่วยทำให้เห็นภาพมากขึ้น

กองทุนรวมถูกออกแบบและสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาให้กับคนที่

1. อยากลงทุน แต่ไม่มีเวลาติดตาม

2. อยากลงทุน ยังไม่มีความรู้และประสบการณ์ในการลงทุนที่เพียงพอ

3. อยากลงทุน แต่ยังมีเงินไม่มาก

กองทุนรวม คือ แหล่งที่คนที่มีปัญหาข้างต้น นำเงินมารวมกันแล้วก็มอบหมายให้กับคน ๆ หนึ่งไปลงทุนแทน โดยคนที่นำเงินไปลงทุนแทนนั้นเราจะเรียกเขาว่า “ผู้จัดการกองทุน” ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ความชำนาญ ความรู้ในการลงทุนมาอย่างยาวนาน ที่จะคอยเป็นคนทำหน้าที่ดูแลพอร์ตลงทุนให้กับเรา

ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนอะไรนั้นก็คือขึ้นอยู่กับว่า “นโยบายการลงทุน” ของกองทุนรวมนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเราอยากลงทุนในหุ้น ก็เลือกกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น

หรือถ้าไม่ชอบความเสี่ยงที่สูงจนเกินไปก็อาจจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ก็ได้เช่นกัน เราสามารถเลือกลงทุนกองทุนรวมได้ตามความต้องการในการลงทุนของตัวเราเอง

ที่สำคัญคือกองทุนรวมนั้นใช้เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำ บางกองทุนเริ่มต้นลงทุนแค่ 1 บาท ก็สามารถลงทุนได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเงินเป็นแสนเป็นล้านถึงจะเริ่มต้นลงทุนได้ เมื่อเราลงทุนในกองทุนรวม เราจะได้รับหน่วยลงทุน (Unit Trust) มาถือไว้แทน

รูปแบบผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนรวม

แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก

1. เงินปันผล (Dividend) จะได้ก็ต่อเมื่อเราลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลเท่านั้น เราสามารถดูนโยบายการลงทุนต่าง ๆ ได้จากหนังสือชี้ชวน (Fund Fact Sheet)

2. กำไรส่วนเกินมูลค่าลงทุน (Capital Gain) ผลตอบแทนส่วนนี้จะได้รับเมื่อขายคืนหน่วยลงทุน (Unit Trust) แล้วราคาของหน่วยลงทุนนั้นมีค่ามากกว่าตอนที่เราซื้อ ซึ่งเราสามารถดูมูลค่าหน่วยลงทุนได้จาก NAV

ประเภทของกองทุนรวม

แบ่งตามความเสี่ยง 8 ระดับ

ความเสี่ยงระดับที่ 1 : กองทุนรวม ตลาดเงินในประเทศ

กองทุนประเภทนี้จะลงทุนในตลาดเงิน เป็นการกู้เงินระยะสั้นของสถาบันต่าง ๆ โดยทั่วไปตราสารหนี้พวกนี้อายุจะไม่เกิน 1 ปี ทำให้ความเสี่ยงต่ำมาก เพราะให้สถาบันต่าง ๆ กู้เงิน เช่น ธนาคาร รัฐบาล เป็นต้น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อมั่นและมั่นคงสูงอยู่แล้ว

ความเสี่ยงระดับที่ 2 : กองทุนรวม ตลาดเงินต่างประเทศ

อันนี้จะเหมือนกับประเภทที่ 1 แต่อาจจะมีบางส่วนลงทุนในต่างประเทศได้ ตรงนี้ก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาด้วย แต่กองทุนรวมประเภทนี้ ส่วนใหญ่ก็จะทำการลดความเสี่ยงค่าเงินไว้อยู่แล้ว

ความเสี่ยงระดับที่ 3 : กองทุนรวม พันธบัตรรัฐบาล

กองทุนนี้จะไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ง่าย ๆ ก็คือ ให้รัฐบาลกู้นั่นแหละ แต่จะเป็นระยะที่ยาวขึ้น ส่วนใหญ่จะมากกว่า 1 ปีขึ้นไป แล้วก็จะมีความผันผวนเรื่องราคามากกว่าพวกกองทุนรวมตลาดเงิน

ความเสี่ยงระดับที่ 4 : กองทุนรวมตราสารหนี้

จะแตกต่างจากระดับที่ 3 ตรงที่ว่า กองทุนรวมจะไปลงทุนตราสารหนี้ที่เป็นของเอกชน หรือที่เราเรียกตราสารหนี้พวกนี้ว่า “หุ้นกู้” นั้นเอง

ความเสี่ยงระดับที่ 5 : กองทุนรวมผสม

เป็นกองทุนที่ลงทุนผสม ระหว่างตราสารหนี้และตราสารทุน (หุ้น) ซึ่งสัดส่วนการลงทุนว่าจะลงทุนอะไรเท่าไหร่บ้างก็ต้องไปดู “นโยบายการลงทุน” ของกองทุนอีกครั้งนึง

ความเสี่ยงระดับที่ 6 : กองทุนรวมตราสารทุน

ลงทุนหุ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ พี่ทุยว่ากองทุนรวมความเสี่ยงระดับที่ 6 เนี้ยแหละน่าจะเป็นกองทุนที่คุ้นหูที่สุดแล้ว เพราะว่าพวก LTF ที่เราซื้อกันเมื่อก่อน รวมถึง SSF และ SSFX ที่ออกมาในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็มีความเสี่ยงระดับ 6 

ความเสี่ยงระดับที่ 7 : กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม

สำหรับกองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นเนี่ยแหละ แต่เป็นหุ้นที่จงเจาะอุตสาหกรรม เช่น เน้นลงทุนกลุ่มโรงพยาบาล หรือเฉพาะกลุ่มพลังงาน เป็นต้น กองทุนรวมประเภทนี้ต้องอาศัยความเข้าใจในอุตสาหกรรมนั้นมากเป็นพิเศษ ที่ถูกจัดอยู่ในระดับที่ 7 ก็เพราะว่าจะใช้ความรู้มากกว่าระดับที่ 6 นั่นเอง

ความเสี่ยงระดับที่ 8 : กองทุนรวมทางเลือก

กองทุนสุดท้ายนี้ ต้องใช้ความเข้าใจค่อนข้างเยอะและเฉพาะทางมากกว่าระดับที่ 7 ขึ้นไปอีก จะเป็นการลงทุนในตลาดทางเลือกต่าง ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงพวกโครงสร้างพื้นฐาน น้ำมัน ทองคำ ฯลฯ

ทำไมมือใหม่ควรเลือกลงทุนกับกองทุนรวม

จะเห็นได้ว่ากองทุนรวมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุน มีสินทรัพย์หลายประเภทให้เลือกลงทุนเลย ซึ่งพี่ทุยคิดว่า กองทุนรวมเป็นการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับมือใหม่อยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยก็ช่วยทำให้เราเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายมากขึ้น

5 สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อนซื้อกองทุนรวม

แต่พี่ทุยจะบอกว่าก่อนซื้อกองทุนรวมทุกครั้ง มี 5 สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อน เพื่อให้การลงทุนของเราประสบความสำเร็จร่ำรวยกันอย่างยิ่งใหญ่ นั่นก็คือ

1. รู้ว่าเป้าหมายการเงินของตัวเองคืออะไร ?

เนื่องจากกองทุนรวมมีมากมายหลายกองทุน แน่นอนว่านโยบายการลงทุนก็มีความแตกต่างกัน ตั้งแต่การลงทุนในเงินฝาก ตลาดเงิน ตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารหนี้ระยะยาว หรือจะเป็นหุ้น กองทุน น้ำมัน อสังหาริมทรัพย์ก็มีให้เราเลือกลงทุนทั้งนั้น

ถ้าเราไม่รู้ว่าเป้าหมายการลงทุนของเราเป็นอย่างไร เราไม่มีทางที่จะเลือกกองทุนรวมที่เหมาะสมกับตัวเราได้เลย

2. รู้ว่า กองทุนรวม มีนโยบายการลงทุนอย่างไร ?

หลังจากที่เรารู้แล้วว่าเป้าหมายการเงินของเราเป็นอย่างไร จากนั้นเราก็เลือกกองทุนรวมที่มีนโยบายที่เข้ากับเป้าหมายการเงินของเราเลย เช่น ถ้าเรารู้ว่าเงินกองนี้จะใช้ในอีก 6 เดือนข้างหน้ากองทุนรวมที่เหมาะสมอาจจะเป็น กองทุนรวมตลาดเงินหรือว่าตราสารหนี้ระยะสั้น ๆ

แต่ถ้าเราบอกว่าเราต้องการเก็บเงินเพื่อเป้าหมายเกษียณ เก็บยาว ๆ ไปเลย 20-30 ปี พี่ทุยว่าการใช้กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น หรือว่าจะใช้พวก RMF เลยก็น่าสนใจเพราะเราจะได้ประโยชน์ในเรื่องภาษีด้วย

3. รู้ว่ากองทุนรวมเก็บค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ ?

บางคนอาจจะเคยได้ยินเฉพาะค่าธรรมเนียมหุ้น แต่สำหรับค่าธรรมเนียมกองทุนก็มีเช่นเดียวกัน ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่หลาย ๆ คนมักจะลืม อย่าลืมว่าการที่เรามีมืออาชีพคอยบริหารเงินให้กับเรา คนทำงานก็ต้องกินข้าวกินน้ำเช่นกัน นั่นแปลว่าต้องมีค่าจ้างของคนที่มาบริหารให้กับเรา

ค่าธรรมเนียมส่งผลกระทบต่อการลงทุนตรงที่ว่าผลตอบแทนที่เราได้รับจริงนั้นจะเท่ากับ ผลตอบแทนที่กองทุนรวมทำได้ หักลบกับค่าธรรมเนียมก่อนเสมอ ดังนั้นอย่าลืมดูค่าธรรมเนียมเสมอเพราะจะทำให้ผลตอบแทนเราได้น้อยลง

4. รู้ว่าการซื้อขายกองทุนรวมไม่ได้ซื้อแบบ Real-Time

อันนี้พี่ทุยเรียกว่าเป็นข้อจำกัดของการลงทุนในกองทุนรวมเลยละกัน เพราะว่าเวลาที่เราจะซื้อกองทุนรวม สมมติว่าเราซื้อวันนี้ ราคาของหน่วยลงทุน (NAV) ที่เราได้รับนั้นจะเป็นราคาเมื่อตลาดปิด ณ วันนั้น ๆ จะไม่ได้สะดวกหรือว่าได้ราคา Real-Time แบบการซื้อหุ้นที่เราคุ้นเคยกัน

นั่นแปลว่าการลงทุนผ่านกองทุนรวมจะมีดีเลย์อย่างน้อยๆก็ 1 วัน ทำให้ถ้าใครจะใช้กองทุนรวมลงทุนแบบคิดว่าตลาดจะขึ้นหรือลงเพราะข่าวที่ออกมา พี่ทุยว่าอาจจะไม่ทันการสักเท่าไหร่

ดังนั้นพี่ทุยมักจะแนะนำให้ใช้กองทุนรวมเป็นการลงทุนระยะยาวซะมากกว่า เพราะนอกจากเรื่องของค่าธรรมเนียมก็มีเรื่องของจังหวะที่เราเข้าออกรวดเร็วแบบหุ้นไม่ได้

5. รู้ว่าการลงทุนในกองทุนต้องติดตามการลงทุนเช่นกันกับการลงทุนอื่นๆ

เรื่องติดตามการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอะไรก็ตาม สิ่งที่ต้องทำก็คือติดตามการลงทุนอย่างสม่ำเสมอว่าการลงทุนนั้นเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือเปล่า ยังดีอยู่มั้ย?

แม้แต่กองทุนรวมที่มีมืออาชีพคอยบริหารเงินให้กับเราก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าเราวางเงินเราไว้ชิล ๆ ไม่ต้องทำอะไรได้ เพราะอย่าลืมว่ากองทุนรวมในตลาดมีมากมาย แค่เฉพาะในไทยก็หลายร้อยหลายพันกองทุนรวมแล้ว

ถ้ากองทุนรวมที่เราลงทุนอยู่ทำผลตอบแทนได้ไม่ดี หรือว่าแพ้กองทุนอื่น ๆ เยอะ สิ่งที่เราควรทำก็คือย้ายการลงทุนของเราไปที่กองทุนกองใหม่

เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรบ้างที่เราควรรู้ก่อนลงทุนกองทุนรวม อย่าลืมเอาไปปรับใช้ก่อนการลงทุนเสมอ เพราะพี่ทุยเห็นหลาย ๆ ครั้ง เวลาซื้อกองทุนรวมมักจะซื้อเพราะมีคนนู้นคนนี้ช่วยให้ลงก็เทลงทุนตามไป พี่ทุยถามว่ารู้มั้ยว่ากำลังลงทุนอะไรอยู่ ส่วนมากก็จะตอบไม่รู้กันเสียอย่างงั้น

สำหรับมือใหม่หัดลงทุน ถ้าจะตอบว่าไม่รู้ก็อย่าเพิ่งใจหายกันไป หลังจากที่รู้แล้วว่าสิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อกองทุนรวม มีอะไรบ้าง พี่ทุยแนะนำให้อ่านขั้นตอนการเลือกกองทุนรวมสำหรับมือใหม่เพื่อความเข้าที่มากขึ้น และเสริมสร้างความรู้ให้มากขึ้น

การลงทุนที่เสี่ยงที่สุด ก็คือ การลงทุนที่เราไม่รู้อะไรเลยว่าเรากำลังลงทุนอะไรอยู่ สุดท้ายพอขาดทุนก็บอกว่าการลงทุนไม่ดี กลับไปฝากเงินกับธนาคารเหมือนเดิมดีกว่า

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply