ช่วงปลายปี 2565 CEO ขององค์กรชั้นนำระดับโลกหลายแห่ง อย่าง JPMorgan, General Motors, Walmart เป็นต้น เตือนให้เตรียมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566 ที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะชะลอการใช้จ่าย ดังนั้น เมื่อมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย สิ่งที่ตามมาคือ โอกากเกิดเงินฝืดที่เพิ่มขึ้น แล้ว เงินฝืด คืออะไร ทำไมมาพร้อมเศรษฐกิจถดถอย พี่ทุยไปหาคำตอบมาให้แล้ว
เงินฝืด คืออะไร ?
“เงินฝืด” (Deflation) คือ การลดลงของระดับราคาทั่วไปของสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งตรงข้ามกับเงินเฟ้ออย่างสิ้นเชิง
โดยเงินฝืดจะเกิดขึ้นเมื่ออัตราเงินเฟ้อ หรือ “ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ติดลบ” นั่นหมายความว่าระดับราคาทั่วไปกำลังถูกลง หรือกล่าวง่าย ๆ ว่า เงินในมือของเรามีมูลค่าเพิ่มขึ้น ณ ช่วงเวลานั้นนั่นเอง
ผลกระทบ เงินฝืด
เราอาจจะเคยได้ยินกันว่าระบบเศรษฐกิจที่ดีควรจะมีเงินเฟ้ออ่อน ๆ ทั้ง ๆ ที่เงินเฟ้อทำให้มูลค่าเงินลดลง แต่เงินฝืดทำให้มูลค่าเงินเพิ่ม แล้วทำไมนักเศรษฐศาสตร์หลายคนถึงไม่ชอบภาวะเงินฝืด นั่นเป็นเพราะว่า
1. ภาวะเงินฝืดจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากทำให้ “ความต้องการสินค้าและบริการลดลง” ผู้ผลิตก็ต้องลดราคาสินค้าลง เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับผู้บริโภค
เมื่อผู้บริโภคเห็นเช่นนั้น ก็อาจชะลอการซื้อ โดยหวังว่าจะได้รับโปรโมชันต่าง ๆ ที่ดีกว่านี้ในอนาคต เพราะ แน้วโน้มสินค้ากำลังอยู่ในขาลง ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ สามารถนำไปสู่การลดลงของการผลิตและการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้
2.ภาวะเงินฝืดจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าที่แท้จริงของหนี้ หรือพูดง่าย ๆ ว่า เจ้าหนี้สบาย แต่ลูกหนี้ซวย เนื่องจากเงินฝืดทำให้คนในภาพรวมมี “รายได้ลดลง” เนื่องจาก คนไม่ซื้อสินค้า ทำให้ราคาสินค้าทุกอย่างลดลง ธุรกิจรายได้ลดลง ปรับลดค่าจ้างลง
แต่ “หนี้” ที่มียังก้อนเท่าเดิม เพราะ หนี้ไม่ได้ปรับลดตามเงินเฟ้อหรือเงินฝืด นั่นทำให้บุคคลและธุรกิจชำระหนี้ได้ยากขึ้น ถ้าบริษัทหรือประชาชน จ่ายหนี้ธนาคารไม่ไหว ก็จะเกิด “หนี้เสีย” ขึ้นอย่างมหาศาล ความเสี่ยงเกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เริ่มจากภาคการเงินก็มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นตามมาได้
สาเหตุ เงินฝืด ทำไมมาพร้อมเศรษฐกิจถดถอย
ในความเป็นจริง การเกิดเศรษฐกิจถดถอย (Recession) อาจเป็นสัญญาณแรกที่นำไปสู่เศรษฐกิจซบเซา และนำไปสู่ภาวะเงินฝืดในที่สุด
เพราะ เมื่อเกิดภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ หรือ “GDP ติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส” นั่นหมายความว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง ผู้คนรายได้ลดลง จึงนำเงินมาจับจ่ายใช้สอยลดลง
ภาคธุรกิจเมื่อเห็นคนเริ่มซื้อสินค้าและบริการลดลง ก็ทำการผลิตลดลง เพราะ ผลิตมาก ก็ขายไม่หมด ของค้างสต็อก เมื่อเป็นดังนั้น ธุรกิจก็จะเริ่มลดราคาสินค้าลงเพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้กับลูกค้า แต่เศรษฐกิจในตอนนี้ที่การจ้างงานก็ไม่เพิ่ม เพราะ ของขายไม่ได้ ธุรกิจไม่จ้างานเพิ่ม คนไม่ค่อยมีรายได้ ก็ไม่ซื้อสินค้า นั่นทำให้เศรษฐกิจอาจเกิดเงินฝืด หรือ ราคาสินค้าลดลงต่อเนื่องได้ในที่สุดนั่นเอง
ภาวะเงินฝืด ลงทุนอะไรดี ?
1. เงินสด
หลายคนคงเคยได้ยินสำนวนที่ว่า “Cash is King” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเงินฝืด เงินสดยิ่งมีความสำคัญ เพราะ ในภาวะเงินฝืด “อำนาจซื้อของเงิน” ในวันนี้มีค่ามากกว่าในอนาคต ดังนั้น ผู้ลงทุน จึงควรเก็บเงินสดไว้บางส่วน เพื่อที่สามารถนำเงินลงทุนดังกล่าวไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ได้ทันท่วงที
2. ตราสารหนี้
ผู้ลงทุนควรลงทุนในตราสารหนี้ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอให้กับผู้ลงทุนได้ และในภาวะเงินฝืดธนาคารกลาง จะลดอัตราดอกเบี้ยทำให้ ผลตอบแทน (Yield) ของตราสารหนี้ลดลงซึ่งส่งผลต่อราคาของตราสารหนี้ที่จะเพิ่มขึ้น จึงส่งผลดีกับผู้ถือตราสารหนี้
ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนควรเลือกลงทุนใน “พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน” ที่มีความมั่นคงและได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับสูง และมีอายุครบกำหนดในระยะยาวมากกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น เนื่องจากจะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า
ควรหลีกเลี่ยง การลงทุนในตราสารหนี้ที่เป็น High Yield Bond เพราะ หากเศรษฐกิจไม่ดี ตราสารหนี้ประเภทนี้ จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk) สูง
3. หุ้นสามัญ
โดยทั่วไปแล้วในช่วงเศรษฐกิจไม่ค่อยดี การทำธุรกิจจะเป็นไปค่อนข้างยาก แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจแต่ละประเภทก็จะได้รับผลกระทบ ที่แตกต่างกันไป
หากต้องการลงทุนในหุ้นสามัญควรเลือกหุ้นของธุรกิจที่ผลิตสินค้าจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ธุรกิจอาหาร ธุรกิจโรงพยาบาล เป็นต้น และลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานกิจการมั่นคงสามารถ ดำเนินธุรกิจอยู่รอดท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และมีระดับการจ่ายปั้นผลที่สูงและสม่ำเสมอ (High Quality Dividend Paying Stock) หรือ การเลือกหุ้นที่เป็นหุ้นแบบ Defensive Stock
อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยง การลงทุนในธุรกิจที่ผลิตสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น ธุรกิจเครื่องประดับ ธุรกิจบันเทิง เป็นต้น เพราะ ผลการดำเนินงานของบริษัทจดเบียนจะต่ำลง และบางบริษัทอาจประสบกับภาวะขาดทุน ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงได้
4. ทองคำ
เป็นอีกสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อการลงทุนในภาวะเงินฝืด แต่ผู้ลงทุนจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัย อื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น เนื่องจากทองคำเป็น สินทรัพย์ที่อ้างอิงราคาทองคำในตลาดโลก
และสิ่งที่ไม่ควรลงทุนในเวลาเกิดเงินฝืด คือ “อสังหาริมทรัพย์” เนื่องจากในภาวะเงินฝืด ราคาของอสังหาริมทรัพย์จะลดลงอย่างมาก ซึ่งหากลงทุนอาจทำให้ขาดทุนจากการลงทุนได้
เงินฝืดแก้ไขยังไง ?
โดยหลัก ๆ แล้ว เมื่อเกิดเงินฝืด องค์กรที่รับผิดชอบ และต้องแก้ไขเรื่องนี้ คือ รัฐบาลและธนาคารกลาง
ธนาคารกลางควรใช้ “นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้เศรษฐกิจขยายตัว เช่น
1. การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คือ เมื่ออัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลดลง ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากปรับตัวลง เกิดแรงจูงใจกู้ยืมเงินมากขึ้นและฝากเงินน้อยลง ทำให้เกิดการลงทุน การจ้างงานเพิ่มขึ้น
2.การซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือเอกชน เพื่อฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ภาครัฐบาลและเอกชน เป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธนาคารพาณิชย์เพื่อนำมาปล่อยกู้กระตุ้นเศรษฐกิจ ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เกิดการบริโภค ลงทุนภายในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
3.การลดสัดส่วนเงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์ ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีเงินสดส่วนเกินที่สามารถนำไปปล่อยกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ตาม หากภาวะเงินฝืดรุนแรงและต่อเนื่อง รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการคลังแบบผ่อนคลาย เช่น การเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาล หรือการให้ความช่วยเหลือทางการเงินโดยตรงแก่บุคคลและธุรกิจ เพื่อกระตุ้นอุปสงค์และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจนั่นเอง
แล้วในสถานการณปัจจุบันควรทำอย่างไร
สถานการณ์ปัจจุบัน เกี่ยวกับเงินฝืดยังไง ?
ปี 2565 เป็นช่วงที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายกลายเป็นขาขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่มีใครที่สามารถทำให้ GDP เติบโตไปพร้อมกับการมีเงินเฟ้อที่ดีได้
ดังนั้น ในปัจจุบันเมื่อเงินเฟ้อมากเกินไป ธนาคารกลางจึงต้องเลือกนโยบายการเงินแบบเข้มงวด โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดึงเงินในระบบให้ลดลง ลดการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ ลดการจับจ่ายใช้สอยของภาคครัวเรือน
นั่นทำให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวลง และมีความเสี่ยงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ เพราะ ความต้องการบริโภคลดลง นั่นอาจนำไปสู่ภาวะเงินฝืดได้ ถ้าแก้ไขปัญหา ได้ไม่ทันท่วงที
หรือ อย่างโชคดีที่สุด เมื่อเงินเฟ้อกลับลงไปยังกรอบเป้าหมายแล้ว เศรษฐกิจโลกอาจจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะสั้น ๆ และสามารถกระตุ้นให้กลับไปได้ โดยไม่เกิดเงินฝืด ซึ่งพี่ทุยก็หวังให้เป็นอย่างหลังนั่นเอง
อ่านคำศัพท์การเงินเพิ่มเติมได้ ที่นี่