อสังหาฯ 2568 ช่วงนี้หลายคนคงเห็นข่าวแล้วคงอดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ …หลาย บริษัทอสังหาฯ ไทย เริ่มเจอปัญหา “ขาดสภาพคล่อง” จ่ายหนี้ไม่ไหว
บางเจ้าเริ่มผิดนัดชำระหนี้
บางรายต้องประกาศขายที่ดิน
รีบระบายสต๊อก บางคนตั้งคำถามว่า…
เกิดอะไรขึ้นกับตลาดอสังหาฯ ไทย ?
แล้วเรื่องนี้… กระทบอะไรต่อเศรษฐกิจบ้าง ?
จากตัวเลข อสังหาฯ ไทย ไตรมาส 1 อสังหา 2568 บอกอะไรเราบ้าง ?
ล่าสุดตัวเลข ไตรมาส 1 จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) บอกว่า…
- ยอดโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ ลดลง -10.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แปลว่า ผู้คนตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
- ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ของสถาบันการเงิน ลดลง -10% เช่นกัน บ่งชี้ว่าธนาคารปล่อยกู้ลดลง หรือผู้กู้เองไม่ผ่านเกณฑ์หรือไม่กล้ากู้
- อัตราดูดซับ (Absorption Rate) ซึ่งสะท้อนความเร็วในการขายของโครงการอสังหาฯ อยู่ที่ระดับเพียง 1.5% ต่อเดือนเท่านั้น
ถ้ายังขายได้ในอัตรานี้ ต้องใช้เวลาถึง 64 เดือน หรือเกือบ 5 ปีครึ่ง กว่าจะขายสินค้าคงค้างได้หมด
พูดง่าย ๆ คือ “บ้านสร้างเสร็จแล้ว แต่ไม่มีคนซื้อ” หรือพูดอีกแบบคือ “ของค้างเพียบ แต่คนซื้อหาย!”
แล้วถามว่า อสังหา 2568 แย่ กระทบใครบ้าง ?
คนจำนวนมากอาจเข้าใจว่า ตลาดอสังหาฯ แย่จะกระทบแค่ผู้ประกอบการหรือคนที่ซื้อ-ขายบ้านเท่านั้น แต่ความจริงแล้วผลกระทบลุกลามเป็นวงกว้างไปมากกว่านั้น:
-แรงงานก่อสร้าง จำนวนมากอาจต้องหยุดงานหรือตกงาน เพราะไม่มีโครงการใหม่ ๆ เกิดขึ้น
-ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว ฯลฯ ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
-รายได้ภาครัฐ ก็หาย เช่น ค่าธรรมเนียมโอน ภาษีที่ดิน ภาษีจากผู้ประกอบการที่ลดลงตามยอดขาย
-ภาคการเงิน ก็โดนไปเต็ม ๆ เพราะลูกหนี้บางรายอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ ส่งผลต่อ NPL (หนี้เสีย)
และทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมช้าลง เพราะอสังหาฯ เป็นหนึ่งในฟันเฟืองใหญ่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
นึกภาพง่าย ๆ ว่า เศรษฐกิจไทยเป็นเหมือนโดมิโนต่อกัน พอ “อสังหาฯ” สะดุด ก็ล้มทับกันไปเรื่อย ๆ
แต่ในวิกฤต… ก็มี “โอกาส”
ถึงตลาดอสังหาฯ จะดูมืดมน แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับคนที่เตรียมตัวมาดี โดยเฉพาะนักลงทุนที่ถือเงินสด มีหนี้น้อย และมองเกมยาว เช่น:
-โครงการดี ๆ ที่ต้องการขายด่วน อาจยอมลดราคาเพื่อแลกกับสภาพคล่อง
-ที่ดินที่เคยมีราคาสูง ก็อาจถูกปล่อยขายแบบลดราคาพิเศษ
-แม้แต่ “แบรนด์” ของคู่แข่งที่ขาดสภาพคล่อง ก็อาจถูกเทกโอเวอร์ได้ในราคาถูก
นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่คนพร้อมอาจ “เก็บของดีราคาถูก” ได้ ถ้ามองออกและตัดสินใจเร็วพอ
แล้ว “ตัวจริง” ในวงการอสังหาฯ ต้องเป็นแบบไหน ?
พี่ทุยลองสรุปให้แบบเข้าใจง่าย 3 ข้อ 👇
1. ถือเงินสดไว้เยอะ ๆ
ธุรกิจอสังหาฯ เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินสดจำนวนมาก ทั้งต้นทุนที่ดิน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง ฯลฯ ถ้าไม่มีเงินสด หรือหมุนเงินไม่ทัน = ไปไม่รอด ดังนั้นใครที่เก็บเงินไว้ได้ตั้งแต่ช่วงดอกเบี้ยต่ำที่ผ่านมา ถือว่าได้เปรียบอย่างมาก
2. ไม่ลุยเกินตัว
หวังยอดขายมหาศาล แต่พอเจอสภาพเศรษฐกิจไม่เป็นใจ ของขายไม่ออก กลับกลายเป็นภาระจนเจ๊งได้ ใครที่โตแบบค่อยเป็นค่อยไป ลงทุนเท่าที่จำเป็น มีวินัยในการใช้เงิน = มีโอกาสรอดระยะยาวมากกว่า
3. รู้จักปรับตัว
ตลาดเปลี่ยนเร็ว ผู้บริโภคก็เปลี่ยนเร็วเช่นกัน บางบริษัทเริ่มหันจากคอนโด มาทำบ้านแนวราบ เพราะกำลังซื้อยังพอมี หรือจับกลุ่มเฉพาะ เช่น บ้านสำหรับผู้สูงอายุ บ้านเพื่อปล่อยเช่า นักลงทุน ฯลฯ ใครปรับตัวได้เร็ว = ไปต่อได้ไกล
ส่วนนักลงทุนอย่างเรา…
ในช่วงที่ตลาดกำลัง “คัดของดี” แบบนี้ นักลงทุนที่มีมุมมองระยะยาวควรจับตาให้ดีว่า:
🔎 ใครที่กำลังร่วงจากเวที เพราะโครงสร้างธุรกิจไม่แข็งแรง
🔎 ใครที่ราคาหุ้นลงมาแรง ทั้งที่ปัจจัยพื้นฐานยังดีอยู่
ถ้าคุณมีกระสุนพร้อม นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเริ่มต้น “เลือกของดี” โดยเฉพาะอสังหาฯ ที่:
-บริหารดี
-ปรับตัวไว
-มีเงินสดแน่น
เพราะ “ของดีราคาถูก” มักจะมีให้เห็นแค่ช่วงตลาดไม่เป็นใจแบบนี้แหละ!
ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ Facebook
หรืออ่านบทความเพิ่มเติมได้
อสังหาฯ ไทย 2567 ซบเซา บ้านมือสองขายดีกว่าบ้านใหม่
รวม ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 ทุกธนาคาร ประจำเดือน เมษายน