หลายคนอาจคิดว่า “เจ้าของอสังหาฯ” ต้องเป็นเศรษฐีเท่านั้น ต้องมีเงินหลักล้านถึงจะซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ปล่อยเช่าได้…แต่พี่ทุยอยากบอกว่า เดี๋ยวนี้ เรามีเงินแค่หลักพัน ก็เป็นเจ้าของห้าง โรงแรม หรือคลังสินค้าได้แล้วนะ ! เพราะในโลกการลงทุนยุคนี้ มีสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เรากลายเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แบบ “ไม่ต้องซื้อเอง” แถมยัง “ไม่ต้องบริหารเอง” ด้วยซ้ำ นั่นก็คือ… กอง REIT
REIT คืออะไร ? ทำไมถึงเหมาะกับคนที่อยากมี Passive Income
REIT (Real Estate Investment Trust) หรือภาษาไทยเรียกว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ คือ กองทุนที่ระดมทุนจากนักลงทุนหลาย ๆ คน (รวมถึงเรา) แล้วเอาเงินไปลงทุนในอสังหาฯ เช่น
อาคารสำนักงาน
ศูนย์การค้า
โรงแรม
คลังสินค้า
พื้นที่โลจิสติกส์
รายได้จากอสังหาฯ เหล่านี้ เช่น ค่าเช่า ค่าดำเนินงาน จะถูกนำมา “ปันผล” กลับมาให้ผู้ลงทุนตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน พูดง่าย ๆ คือ เราเหมือนเป็น “หุ้นส่วนเจ้าของอสังหา” แบบไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นั่งรอรับผลตอบแทน
ทำไม REIT ถึงน่าสนใจในช่วงนี้ ?
พี่ทุยมองว่า ช่วงนี้ REIT เป็นอีกสินทรัพย์ที่น่าจับตา เพราะ…
- จ่ายปันผลสม่ำเสมอ หลายกองมีนโยบายจ่ายทุกไตรมาส เหมือนเราได้เงินเดือนพิเศษทุก 3 เดือน
- ลงทุนเริ่มต้นน้อย บางกองซื้อได้ในหลักร้อย พันบาทเท่านั้น คนงบน้อยก็เริ่มลงทุนได้
- เหมาะกับคนไม่อยากดูกราฟ ใครที่ไม่ชอบเทรด ไม่ชอบลุ้น ไม่อยากวิเคราะห์งบหุ้นรายตัว REIT ก็เป็นทางเลือกที่ Passive กว่ามาก
- ดอกเบี้ยเริ่มเป็นขาลง การมีสินทรัพย์ที่จ่ายกระแสเงินสดต่อเนื่องอย่าง REIT ช่วยสร้างความมั่นคงให้พอร์ตในภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอนได้ดี
พี่ทุยคัดมาให้ ! 3 กอง REIT ปันผลสูง ปี 2568
1.ALLY – เจ้าของ Community Mall รอบกรุงเทพฯ
- อัตราปันผล: 12.04% ต่อปี (ย้อนหลัง)
- ประเภททรัพย์: ศูนย์การค้าแบบ Community Mall และ Mixed-use
- ทำเลหลัก: กรุงเทพฯ และปริมณฑล
- ลูกค้าหลัก: ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเสื้อผ้า ร้านบริการใกล้บ้าน
- เหมาะกับคนที่มองว่าพฤติกรรมคนยังชอบเดินห้างใกล้บ้าน ร้านอาหาร คาเฟ่ จะยังเติบโตต่อเนื่องหลังโควิด
2. LHHOTEL – เจ้าของโรงแรม Grande Centre Point
- อัตราปันผล: 12.00% ต่อปี
- ประเภททรัพย์: โรงแรมระดับ 4–5 ดาว
- จำนวนโรงแรม: 5 แห่ง
- ทำเล: ราชดำริ, สุขุมวิท, อโศก, และทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ
พี่ทุยมองว่าหลังการท่องเที่ยวฟื้น โรงแรมระดับบนที่มีบริการดี มีชื่อเสียงในต่างชาติแบบนี้ยังมีอนาคต
3. WHAIR – โลจิสติกส์-คลังสินค้า ยุค E-Commerce
- อัตราปันผล: 10.08% ต่อปี
- ประเภททรัพย์: คลังสินค้า, ศูนย์กระจายสินค้า, อาคารสำนักงาน
- ทำเล: นิคมอุตสาหกรรม, ใกล้สนามบิน
- ลูกค้าหลัก: ธุรกิจโลจิสติกส์, ขนส่ง, อีคอมเมิร์ซ
- โลกออนไลน์โตเท่าไหร่ คลังสินค้าก็ยิ่งสำคัญ WHAIR คือผู้เล่นที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของการส่งสินค้า
แล้วจะเริ่มลงทุน REIT ได้ยังไง ?
- เปิดบัญชีกองทุนรวม หรือพอร์ตหุ้น กับโบรกเกอร์ที่รองรับ REIT
- เลือกกอง REIT ที่เราสนใจ จากชื่อกองทุน เช่น ALLY, LHHOTEL, WHAIR
- ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม จาก Fund Fact Sheet, เว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทุน
- เริ่มต้นซื้อหน่วยลงทุน ตามจำนวนเงินที่เราสะดวก
- รอรับปันผลตามรอบ โดยทั่วไปจะจ่ายทุกไตรมาส
ข้อควรระวังในการลงทุน REIT
- ปันผลไม่การันตี: ขึ้นกับผลดำเนินงานจริง
- ราคาหน่วยลงทุนอาจผันผวน
- บางกองอาจมีความเสี่ยงเรื่องทำเล หรืออุตสาหกรรมเฉพาะ (เช่น โรงแรมที่อิงนักท่องเที่ยว)
- อย่าลืมกระจายการลงทุน อย่าทุ่มทั้งหมดในกองเดียว
สุดท้ายนี้ พี่ทุยมองว่า การลงทุนในกอง REIT ทำให้เราเหมือนมี “เงินเดือนพิเศษ” เข้าทุกไตรมาส พี่ทุยมองว่าในยุคที่ดอกเบี้ยเริ่มกลับตัวเป็นขาลง และเศรษฐกิจยังผันผวนอยู่แบบนี้ การมีสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำให้เราถือว่า “อุ่นใจ” มาก เพราะ REIT ส่วนใหญ่จะจ่ายปันผลทุก 3 เดือน เหมือนเราได้ เงินเดือนเสริม โดยที่ไม่ต้องไปนั่งเฝ้ากราฟ หรือเทรดรายวันให้ปวดหัว
ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ Facebook
อ่านบทความอื่น ๆ
LHHOTEL กองรีทโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เตรียมลงทุนโรงแรมใหม่พัทยา