ทำไมทองคำเนื้อหอม ? ช่วงนี้จะเรียกว่า “ตื่นทอง” ก็ไม่ผิด เพราะเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นที่มีความผันผวนสูงแล้ว เรียกว่าทองคำทำผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าเกิดอะไรขึ้นกับราคาทองคำ ทำไมทั่วโลกถึงตื่นทอง แห่กันเก็บเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทองคำ ด้วยลักษณะของทองคำที่ได้รับการยอมรับมาหลายพันปีและถูกจัดเป็น “สินทรัพย์หลบภัย (Safe Haven)” ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลหรือธนาคารกลางใด ๆ ทำให้การเพิ่มเงินเฟ้อต่อเนื่องทั่วโลกเป็นผลกระทบเชิงบวกกับทองคำ แล้วถ้าเราย้อนดูราคาทองคำในอดีตจะไม่ตกลงไปตามเศรษฐกิจที่แย่
จากข้อมูลในอดีตจะเห็นได้ว่าเวลาที่เศรษฐกิจมีความผันผวน ราคาทองคำมักจะทำผลตอบแทนได้ดี ซึ่ง ณ เวลานี้ถ้าจะบอกว่าเป็นช่วงเศรษฐกิจดี คงไม่มีใครพูดแบบนั้นแน่ ๆ เรียกว่าทรง ๆ ซึม ๆ น่าจะเหมาะที่สุด ทำให้ทองคำเนื้อหอม
ยังไม่จบแค่นั้น ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่มีความวุ่นวายทั้งเชิงการค้าและภูมิศาสตร์ รวมถึงแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มขาลงในระยะยาวอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นสภาวะที่ดีต่อการเติบโตของราคาทองคำได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความต้องการเก็บทองกันอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกลางและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
แล้วด้วยฝั่งของ Supply ของทองคำที่มีปริมาณจำกัดและถูกผลิตขึ้นมาเพียง 1.5% – 2% ต่อปีเท่านั้น ยังเป็นที่ยอมรับทั่วโลก เมื่อความต้องการมากกว่าปริมาณของที่มี ราคาก็จะปรับขึ้นโดยธรรมชาตินั่นเอง
ทำไมทองคำเนื้อหอม ? ส่วนตัวพี่ทุยยังมองว่า “ราคาทอง” ณ เวลานี้ยังน่าสนใจและด้วยหลายปัจจัยรวม ๆ กันทำให้ทองคำน่าจะวิ่งต่อได้ไม่ยากเลย สำหรับใครที่อยากเก็บทองช่วงนี้ มาดูทางเลือกกันดีกว่าจะมีทางเลือกในการเก็บทองคำยังไงกันบ้าง
สำหรับการลงทุนพี่ทุยแนะนำว่าทางเลือกที่ง่ายและเหมาะกับการถือยาวที่สุดก็คือ “ทองคำแท่ง” เพราะไม่ต้องโดนค่าธรรมเนียมใด ๆ แต่ข้อจำกัดก็คือควรจะต้องมีที่เก็บที่เหมาะสม ปลอดภัย เพราะถ้าเกิดสูญหายขึ้นมาก็เหมือนกับขาดทุน 100% เงินหายทั้งก้อนเลย ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการเก็บทองคำแท่ง
สำหรับทองรูปพรรณอาจจะไม่เหมาะกับการลงทุนมากนักเพราะมีค่าเหน็จที่เทียบกับราคาทองตอนนี้แล้วประมาณ 3-4% ของราคาซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง แต่ถ้าใครชอบใส่ทองเป็นเครื่องประดับมากกว่าเก็บไว้เฉย ๆ ด้วยก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกได้เช่นกัน
การซื้อผ่านกองทุนทองคำ หรือ ETF ถือว่าเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด เพราะไม่ต้องถือทองคำจริง ไม่ต้องเสียเวลาหาที่เก็บ หรือเวลาขายแล้วต้องแบกไปขายที่ร้านทอง เดี๋ยวนี้ง่ายมากก็สามารถซื้อผ่านแอปได้เลย แถมเรายังสามารถเลือกลงทุนแบบป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Hedged) หรือไม่ป้องกัน (Unhedged) สำหรับใครที่อยากเก็งกำไรค่าเงินด้วยก็สามารถทำได้
แค่ข้อจำกัดก็คือเรื่องของ “ค่าธรรมเนียม” ที่จะมีอย่างต่อเนื่องเรื่อย ๆ แม้จะไม่เยอะในแต่ละปี แต่ถ้าเก็บระยะยาวหลาย ๆ ปีก็ถือว่าเป็นเม็ดเงินที่เยอะเช่นกัน ทั้งนี้กองทุนทองคำจะเหมาะกับคนที่ลงทุนระยะสั้นถึงกลางเท่านั้น
เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับ “นักเทรด” เพราะสามารถทำกำไรจากความผันผวนของราคาทองคำโดยไม่ต้องถือครองทองคำจริง ข้อดีคือทำกำไรได้ทั้งจากการขึ้นและลงของราคา และยังสามารถใช้เลเวอเรจ (Leverage) เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรตามระดับความเสี่ยงของตัวนักลงทุนเองได้เลย แต่การใช้เลเวอเรจนี้ก็มีความเสี่ยงสูง เพราะถ้าราคาทองคำเคลื่อนไหวผิดทิศทาง อาจทำให้ผลตอบแทนลดลงหากไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี
ส่วนเรื่องการเปิดบัญชี ณ ปัจจุบันจะต้องไปเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ต่างประเทศ เพราะในไทยยังไม่มีให้บริการ แม้ในตลาดทุนไทยเองจะมีให้ซื้อขายได้ แต่ก็ต้องบอกว่าคู่เทรดน้อย มีเวลาเปิดปิด รวมถึงการเลือกระดับความเสี่ยงก็ไม่สามารถทำได้
สำหรับใครที่กำลังมองหาโบรกที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ เปิดบริการมายาวนาน ได้รับใบอนุญาตจากต่างประเทศต่าง ๆ อย่าง Vantage โบรกเกอร์เทรดทองคำ ที่อยู่มานานกว่า 15 ปี มีใบอนุญาตจาก ASIC (Australian Securities & Investments Commission) และให้บริการบนแพลตฟอร์มการลงทุนที่เป็นที่ยอมรับระดับโลกเช่น MT4 MT5 และ TradingView นักลงทุนสามารถทำกำไรได้อย่างมั่นใจ นอกจากนั้นเรายังมีศูนย์การเรียนรู้ The Van Academy และรายการออนไลน์ต่างๆ มากมายอย่าง Wealth being podcast และ มัคคุเทรดที่จะพัฒนาทักษะการเทรดให้กับนักลงทุน พร้อมด้วยการสนับสนุนจากทีมงานที่พร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ ใครสนใจต้องการศึกษาเพิ่มเติม สามารถเข้าไปได้ที่ : Vantage
หากใครสนใจเรื่องการเทรดทองคำ หรือต้องการอ่านบทความอื่นเพิ่มเติม :