Credit default swap (CDS) คืออะไร ทำไมนักลงทุนต้องสนใจ

Credit default swap (CDS) คืออะไร ทำไมนักลงทุนต้องสนใจ

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • CDS เป็นคำเรียกย่อ มาจากคำว่า “Credit default swap” หรือคือ ตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันการผิดนัดชำระหนี้ ผู้ซื้อจะซื้อ CDS เอาไว้ เผื่อกรณีผู้ออกตราสารหนี้หรือลูกหนี้เบี้ยวหนี้ ก็ยังได้รับเงินชดเชย จากผู้ออก CDS ซึ่งมีฐานะเหมือนเป็นผู้รับประกันความเสี่ยง
  • การใช้ CDS เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 1990s และใช้มากที่สุดในช่วงปี 2007 ที่เกิดวิกฤติการเงินโลก ขณะที่ปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่ดอกเบี้ยปรับขึ้นแรง จนทำให้ผู้ออกตราสารหนี้ มีการออกตราสารใหม่น้อยลง พบว่า มีการเข้ามาเก็งกำไรในตลาด CDS มากขึ้น  
  • นักลงทุนควรรู้จักกับ CDS เพราะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจต่าง ๆ เช่น ล่าสุดตลาดกังวลเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่ใกล้ชนเพดานเข้ามาทุกที ก็ทำให้ค่าประกันการผิดนัดชำระหนี้ในสหรัฐฯ พุ่งขึ้น

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ช่วงเดือน มี.ค. – เม.ย. 2566 หลายธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป เจอศึกหนัก รวมถึง หุ้น ​Deutsche Bank ที่ร่วงหนักถึง 9% ในวันที่ 24 มี.ค. 2023 จากพิษต้นทุน CDS พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี แล้วเจ้า CDS หรือ Credit default swap คืออะไร ทำไมนักลงทุนอย่างเราต้องทำความรู้จัก

และ CDS ทำไมจึงมีอิทธิพล ทำให้หุ้นร่วงได้​ไปเชื่อมโยงอะไรกับเรื่องป่วน ๆ ในภาคธนาคาร วันนี้ พี่ทุยจะมาอธิบายให้ฟัง 

CDS คืออะไร

CDS เป็นคำเรียกย่อ มาจากคำว่า “Credit default swap” เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ที่ถูกสร้างขึ้น โดยเป็นตราสารอนุพันธ์ ที่ผู้ขาย CDS สัญญาจะชดเชยเงินให้ผู้ซื้อ ในกรณีที่ ลูกหนี้ หรือ ผู้ออกตราสารหนี้ ซึ่งมีฐานะเป็นลูกหนี้ของผู้ซื้อ CDS ผิดนัดชำระหนี้ หรือมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อหนี้ 

พูดง่าย ๆ คือ ซื้อ CDS ก็เหมือนจ่ายประกันหนี้ ถ้าอยู่ ๆ ลูกหนี้เบี้ยวขึ้นมา แต่เราทำประกันความเสี่ยงด้วยการซื้อ CDS เอาไว้ ผู้ที่ออก CDS ก็จะรับภาระจ่ายเงินชดเชยให้เราตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ จากการที่เราถูกเบี้ยวหนี้   

ทั้งนี้ CDS เกิดขึ้นช่วงปี 1990s และถูกใช้มากขึ้นช่วงต้นของปี 2000s โดยยอด CDS ทั้งหมด พุ่งสูงในปีที่เกิดวิกฤติการเงินโลก ปี 2007 อยู่ที่ 62.2 ล้านล้านดอลลาร์  

พี่ทุยต้องบอกว่า CDS ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อตราสารหนี้ เพราะว่ามีผู้ออกตราสารหนี้จำนวนมาก ที่ออกตราสารหนี้ระยะยาวมาก เช่น ตราสารหนี้มีอายุถึง 30 ปี​ และด้วยเวลาที่ยาวเช่นนี้ ผู้ซื้อตราสารหนี้อาจจะไม่แน่ใจว่า พอไปถึง 30 ปีข้างหน้า ผู้ออกตราสารหนี้จะมีความสามารถใช้คืนหนี้ได้จริงรึเปล่า

ดังนั้น ผู้ซื้อตราสารหนี้ ก็จะไปซื้อ CDS จากผู้ขาย โดยจ่ายเป็นค่าธรรมเนียม หรือที่เรียกว่าค่า Premium ให้ ตลอดอายุการถือครอง ส่วนผู้ขาย CDS จะรับผิดชอบจ่ายเงินชดเชยให้ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการจ่ายตามมูลค่าที่ตราไว้ของหนี้ บวกกับดอกเบี้ยที่ผู้ออกตราสารหนี้ ต้องจ่ายระหว่างทาง กรณีเกิดเหตุการณ์ที่กระทบการชำระหนี้  

Credit default swap ถูกใช้ประโยชน์ยังไง

CDS ถูกใช้ประโยชน์ใน 2 ลักษณะ คือ

1. การเก็งกำไร ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ 

1) Speculator คือ การเก็งกำไรมูลค่า CDS 

2) Arbitrage คือ การทำกำไรแบบไม่มีความเสี่ยง จากช่องว่างของราคาสินทรัพย์ระหว่างตลาด โดยอาจจะซื้อตราสารหนี้ในตลาดหนึ่ง แล้วไปซื้อ CDS ที่อ้างอิงตราสารหนี้ตัวเดียวกันในตลาด CDS 

2. การใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ โดยส่วนใหญ่ธนาคารจะซื้อ CDS เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากผู้กู้ผิดนัดชำระ ขณะที่ บริษัทประกัน กองทุนเพื่อการเกษียณ และผู้ถือหลักทรัพย์รายอื่นๆ จะซื้อ CDS เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเครดิตของตราสารหนี้ที่ซื้อมา

CDS มีกี่รูปแบบ

CDS มีทั้งหมด 3 รูปแบบ ดังนี้ 

1. Single-credit CDS เป็นการรับประกันหนี้รายการเดียวแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ตราสารหนี้ของบริษัทเดียว ธนาคารเดียว หรือหน่วยงานรัฐเดียว 

2. Multi-credit CDS เป็นการรับประกันแบบพอร์ตสินเชื่อที่กำหนดขึ้นเองโดยการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย (รับประกันตราสารหลายรายการ แบบพอร์ต) 

3. CDS index เป็นดัชนีอ้างอิง CDS ที่มีอายุตั้งแต่ 1-10 ปี โดยที่มีกลุ่ม CDS 5 ปี เป็นกลุ่มที่มีการซื้อขายมากที่สุด 

เหตุการณ์แบบไหนบ้างที่ทำให้ผู้ขาย Credit default swap ต้องจ่ายชดเชยให้ผู้ซื้อ

  • ล้มละลาย – เมื่อผู้ออกตราสารหนี้ หรือลูกหนี้ที่อ้างอิงมีหนี้สินล้นพ้นตัว ล้มละลาย จนไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ 
  • เกิดความล้มเหลวในการชำระเงิน – เมื่อตราสารที่อ้างอิงล้มเหลวในการจ่ายดอกเบี้ยหรือชำระคืนเงินต้น เมื่อครบกำหนดชำระ
  • มีการปรับโครงสร้างหนี้ – เมื่อการกำหนดภาระหนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ผู้ปล่อยสินเชื่อ หรือผู้ถือตราสารหนี้ ได้รับผลกระทบทางลบ
  • มีการเร่งรัดหนี้สินผูกพัน หรือผิดนัดชำระภาระผูกพัน – กรณีที่หนี้ภาระผูกพันของผู้ออกตราสารหนี้ครบอายุก่อนวันครบกำหนดในกำหนดการเดิม
  • การเลื่อนชำระหนี้ – กรณีผู้ออกตราสารหนี้ปฏิเสธการชำระหนี้ การชำระดอกเบี้ยและรายการหนี้หลัก

ภาพรวมตลาด CDS ช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ หากย้อนไปดูข้อมูลในปี 2022 ที่ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) รวบรวมไว้ พบว่า มูลค่าตลาด CDS ทั่วโลก ช่วงครึ่งแรกของปี 2022 อยู่ที่ 9.32 ล้านล้านดอลลาร์ +5.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +10% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2021

โดยถ้าแยกตามประเภทของ CDS พบว่า เป็นยอดคงค้าง Single-name CDS 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ +12.7% เทียบเดือน มิ.ย. 2021 ส่วน Multiple-name CDS มียอดคงค้าง 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ +1.2% 

ขณะที่ ยอดซื้อขายโดยรวมของตลาด CDS ทั่วโลก ครึ่งแรกของปี 2022 อยู่ที่ 211,400 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น Single-name CDS 108,500 ล้านดอลลาร์ และ Multiple-name CDS 102.9 ล้านดอลลาร์

ยอดคงค้าง CDS ครึ่งแรกของปี 2022

ยอดคงค้าง CDS ครึ่งแรกของปี 2022

ที่มา : bis.org 

ขณะที่ S&P Global ​นำเสนอข้อมูลภาพรวมตลาดล่าสุดว่า แนวโน้มตลาด CDS ในปี 2023 นี้ น่าจะเติบโตแข็งแกร่ง เป็นผลมาจากทิศทางตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนที่อ่อนแอ ต่อเนื่องมาจากช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา

โดยบางช่วงในปี 2022 มียอดการซื้อขายในตลาด CDS สูงถึง 30 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นผลจาก อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มีผลทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น จำนวนผู้ออกตราสารหนี้ใหม่ ๆ ในตลาดจึงลดลง และเมื่อตลาดขาดตราสารหนี้ใหม่ ๆ สภาพคล่องลดลง จึงผลักดันให้นักลงทุนเข้าไปสู่การซื้อขายดัชนี CDS เพื่อเดิมพันกับโอกาสการเกิดการผิดนัดชำระหนี้ 

สำหรับการซื้อขายในตลาด CDS ที่ได้รับความนิยมสูง ก็คือ การทำสัญญาขายล่วงหน้า (Short) ในตลาด iTraxx ของยุโรปและไปทำสัญญาซื้อล่วงหน้า (Long) ในตลาด CDX ของสหรัฐฯ เพื่อเก็งกำไรจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทำผลงานได้ดีกว่ายุโรป

ขณะที่ค่าธรรมเนียมความเสี่ยงระหว่างตลาด iTraxx และ CDX นั้น ต่างกันมาก ตั้งแต่ช่วงที่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นผลจาก บริษัทยุโรปที่นำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย มีต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นมาก ซึ่งก็ไปกดดันทำให้ค่าธรรมเนียมส่วนต่างใน iTraxx ของยุโรปสูงกว่าค่าธรรมเนียมส่วนต่างในตลาด

CDX ของสหรัฐฯ

CDX ของสหรัฐฯ

ส่วนเหตุการณ์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ CDS ในเดือน มี.ค. 2023 หลังจากที่ Credit Suisse ธนาคารยุโรปที่มีอายุยาวนาน 167 ปี เกิดปัญหาและถูก UBS ซื้อกิจการไป บวกกับเหตุการณ์ธนาคารภูมิภาคในสหรัฐฯ ที่ต้องปิดตัวลง ทำให้นักลงทุนก็เริ่มเป็นกังวลมากขึ้นว่า อาจจะมีธนาคารแห่งอื่นที่อาการไม่ดีตามมาอีก 

พอเป็นเช่นนี้ก็เลยส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและราคาตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารชื่อดังในยุโรป จากนั้นจึงส่งผลกระทบชิ่งตามมา ทำให้ค่าธรรมเนียม CDS สูงขึ้นไปด้วย เพราะคนกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น โดยพบว่า CDS สำหรับประกันหนี้ของ Deutsche Bank ต้นทุนปรับขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี   

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ International Swaps and Derivatives Association (ISDA) ระบุว่า หากย้อนไปเทียบกับช่วงหลังวิกฤตการเงินโลกหมาด ๆ ในปี 2008 แล้ว ตลาด CDS ในปัจจุบัน ก็ยังมีมูลค่าที่ลดลงไปมาก และตลาดนี้ ยังถือว่ามีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้น ตลาดแลกเปลี่ยนเงิน และตลาดตราสารหนี้โลก 

ทำไมนักลงทุนต้องสนใจตลาด CDS

แม้ว่า ตลาด CDS จะมีขนาดเล็กมาก และเป็นตลาดที่มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเป็นกลุ่มผู้ถือตราสารหนี้ โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน แต่นักลงทุนทั่วไป ก็ควรให้ความสนใจกับข่าวคราวความเคลื่อนไหวของตลาด CDS เช่นกัน เพราะตัวเลขค่าธรรมเนียมการประกันการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณที่สะท้อนความกังวลที่นักลงทุนมีต่อเศรษฐกิจ หรือกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ที่มีฐานะเป็นลูกหนี้ได้ 

สำหรับข่าวคราวล่าสุดที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาด CDS ที่นักลงทุนต้องจับตา ก็คือ เรื่องราวเพดานหนี้สหรัฐฯ​ ที่เวลานี้ หนี้สาธารณะใกล้จะชนเพดานเข้าไปทุกที  ซึ่ง J.P.Morgan ก็ออกมาเตือนให้ระมัดระวัง ถึง “ความเสี่ยงที่อาจจะยังไม่ชัดเจน” ในการผิดนัดชำระหนี้ทางเทคนิคบนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ​ จากการที่สหรัฐฯ​ ไม่สามารถเลื่อนหรือเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันก่อนที่หนี้จะชนเพดาน 

ขณะที่ นักลงทุนในตลาดก็กังวลในประเด็นนี้ จึงส่งผลให้ค่าประกันความเสี่ยงของหนี้สหรัฐฯ ที่มีกำหนดชำระคืนในอีก 12 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ไป ตามที่สื่อในสหรัฐฯ รายงาน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2023

พี่ทุยมองว่า ข่าวเพดานหนี้คงจะมีผลกระทบกับ CDS ทำให้ค่าประกันสูงขึ้นไปจนกว่า เรื่องนี้จะมีแนวทางที่ชัดเจนออกมาว่า ตกลงจะเพิ่มเพดานหนี้ หรือจะแก้ปัญหายังไงก่อนที่จะถึงเวลาหนี้ชนเพดานจริง ๆ แต่ถ้าแก้ปัญหาช้า ปล่อยให้ชนเพดานหนี้ไปก่อน ค่า CDS ที่สูงทำสถิติ ก็อาจจะมีการทำสถิติใหม่อีกรอบ 

เอาเป็นว่า พี่ทุยแนะนำให้ทำความเข้าใจกับเรื่องราวของ CDS เอาไว้ เพราะเชื่อว่าในปี 2023 ที่มีความวุ่นวายในภาคสถาบันการเงินของซีกโลกตะวันตก แถมมีเรื่องราวเพดานหนี้สหรัฐฯ เราอาจจะได้เห็นเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับ CDS กันอีกในช่วงที่เหลือของปี 2023 

และสำหรับคนที่เข้าใจตลาดนี้ดี รวมถึงเป็นนักลงทุนที่มีความสามารถไปลงทุนในต่างประเทศเอง ก็อาจจะไปลองค้นหาโอกาสลงทุนในตลาด CDS ได้ 

แต่พี่ทุยขอเตือนไว้ก่อนว่า นี่เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะตราสารมีความซับซ้อน ดังนั้น ไม่เจ๋งจริง อยู่นิ่ง ๆ กับตลาดนี้ดีกว่า

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile