ช่วงเดือน มี.ค. – เม.ย. 2566 หลายธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป เจอศึกหนัก รวมถึง หุ้น Deutsche Bank ที่ร่วงหนักถึง 9% ในวันที่ 24 มี.ค. 2023 จากพิษต้นทุน CDS พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี แล้วเจ้า CDS หรือ Credit default swap คืออะไร ทำไมนักลงทุนอย่างเราต้องทำความรู้จัก
และ CDS ทำไมจึงมีอิทธิพล ทำให้หุ้นร่วงได้ไปเชื่อมโยงอะไรกับเรื่องป่วน ๆ ในภาคธนาคาร วันนี้ พี่ทุยจะมาอธิบายให้ฟัง
CDS คืออะไร
CDS เป็นคำเรียกย่อ มาจากคำว่า “Credit default swap” เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ที่ถูกสร้างขึ้น โดยเป็นตราสารอนุพันธ์ ที่ผู้ขาย CDS สัญญาจะชดเชยเงินให้ผู้ซื้อ ในกรณีที่ ลูกหนี้ หรือ ผู้ออกตราสารหนี้ ซึ่งมีฐานะเป็นลูกหนี้ของผู้ซื้อ CDS ผิดนัดชำระหนี้ หรือมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อหนี้
พูดง่าย ๆ คือ ซื้อ CDS ก็เหมือนจ่ายประกันหนี้ ถ้าอยู่ ๆ ลูกหนี้เบี้ยวขึ้นมา แต่เราทำประกันความเสี่ยงด้วยการซื้อ CDS เอาไว้ ผู้ที่ออก CDS ก็จะรับภาระจ่ายเงินชดเชยให้เราตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ จากการที่เราถูกเบี้ยวหนี้
ทั้งนี้ CDS เกิดขึ้นช่วงปี 1990s และถูกใช้มากขึ้นช่วงต้นของปี 2000s โดยยอด CDS ทั้งหมด พุ่งสูงในปีที่เกิดวิกฤติการเงินโลก ปี 2007 อยู่ที่ 62.2 ล้านล้านดอลลาร์
พี่ทุยต้องบอกว่า CDS ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อตราสารหนี้ เพราะว่ามีผู้ออกตราสารหนี้จำนวนมาก ที่ออกตราสารหนี้ระยะยาวมาก เช่น ตราสารหนี้มีอายุถึง 30 ปี และด้วยเวลาที่ยาวเช่นนี้ ผู้ซื้อตราสารหนี้อาจจะไม่แน่ใจว่า พอไปถึง 30 ปีข้างหน้า ผู้ออกตราสารหนี้จะมีความสามารถใช้คืนหนี้ได้จริงรึเปล่า
ดังนั้น ผู้ซื้อตราสารหนี้ ก็จะไปซื้อ CDS จากผู้ขาย โดยจ่ายเป็นค่าธรรมเนียม หรือที่เรียกว่าค่า Premium ให้ ตลอดอายุการถือครอง ส่วนผู้ขาย CDS จะรับผิดชอบจ่ายเงินชดเชยให้ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการจ่ายตามมูลค่าที่ตราไว้ของหนี้ บวกกับดอกเบี้ยที่ผู้ออกตราสารหนี้ ต้องจ่ายระหว่างทาง กรณีเกิดเหตุการณ์ที่กระทบการชำระหนี้
Credit default swap ถูกใช้ประโยชน์ยังไง
CDS ถูกใช้ประโยชน์ใน 2 ลักษณะ คือ
1. การเก็งกำไร ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ
1) Speculator คือ การเก็งกำไรมูลค่า CDS
2) Arbitrage คือ การทำกำไรแบบไม่มีความเสี่ยง จากช่องว่างของราคาสินทรัพย์ระหว่างตลาด โดยอาจจะซื้อตราสารหนี้ในตลาดหนึ่ง แล้วไปซื้อ CDS ที่อ้างอิงตราสารหนี้ตัวเดียวกันในตลาด CDS
2. การใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ โดยส่วนใหญ่ธนาคารจะซื้อ CDS เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากผู้กู้ผิดนัดชำระ ขณะที่ บริษัทประกัน กองทุนเพื่อการเกษียณ และผู้ถือหลักทรัพย์รายอื่นๆ จะซื้อ CDS เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเครดิตของตราสารหนี้ที่ซื้อมา
CDS มีกี่รูปแบบ
CDS มีทั้งหมด 3 รูปแบบ ดังนี้
1. Single-credit CDS เป็นการรับประกันหนี้รายการเดียวแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ตราสารหนี้ของบริษัทเดียว ธนาคารเดียว หรือหน่วยงานรัฐเดียว
2. Multi-credit CDS เป็นการรับประกันแบบพอร์ตสินเชื่อที่กำหนดขึ้นเองโดยการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย (รับประกันตราสารหลายรายการ แบบพอร์ต)
3. CDS index เป็นดัชนีอ้างอิง CDS ที่มีอายุตั้งแต่ 1-10 ปี โดยที่มีกลุ่ม CDS 5 ปี เป็นกลุ่มที่มีการซื้อขายมากที่สุด
เหตุการณ์แบบไหนบ้างที่ทำให้ผู้ขาย Credit default swap ต้องจ่ายชดเชยให้ผู้ซื้อ
- ล้มละลาย – เมื่อผู้ออกตราสารหนี้ หรือลูกหนี้ที่อ้างอิงมีหนี้สินล้นพ้นตัว ล้มละลาย จนไม่สามารถจ่ายหนี้ได้
- เกิดความล้มเหลวในการชำระเงิน – เมื่อตราสารที่อ้างอิงล้มเหลวในการจ่ายดอกเบี้ยหรือชำระคืนเงินต้น เมื่อครบกำหนดชำระ
- มีการปรับโครงสร้างหนี้ – เมื่อการกำหนดภาระหนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ผู้ปล่อยสินเชื่อ หรือผู้ถือตราสารหนี้ ได้รับผลกระทบทางลบ
- มีการเร่งรัดหนี้สินผูกพัน หรือผิดนัดชำระภาระผูกพัน – กรณีที่หนี้ภาระผูกพันของผู้ออกตราสารหนี้ครบอายุก่อนวันครบกำหนดในกำหนดการเดิม
- การเลื่อนชำระหนี้ – กรณีผู้ออกตราสารหนี้ปฏิเสธการชำระหนี้ การชำระดอกเบี้ยและรายการหนี้หลัก
ภาพรวมตลาด CDS ช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ หากย้อนไปดูข้อมูลในปี 2022 ที่ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) รวบรวมไว้ พบว่า มูลค่าตลาด CDS ทั่วโลก ช่วงครึ่งแรกของปี 2022 อยู่ที่ 9.32 ล้านล้านดอลลาร์ +5.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +10% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2021
โดยถ้าแยกตามประเภทของ CDS พบว่า เป็นยอดคงค้าง Single-name CDS 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ +12.7% เทียบเดือน มิ.ย. 2021 ส่วน Multiple-name CDS มียอดคงค้าง 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ +1.2%
ขณะที่ ยอดซื้อขายโดยรวมของตลาด CDS ทั่วโลก ครึ่งแรกของปี 2022 อยู่ที่ 211,400 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น Single-name CDS 108,500 ล้านดอลลาร์ และ Multiple-name CDS 102.9 ล้านดอลลาร์
ยอดคงค้าง CDS ครึ่งแรกของปี 2022
ที่มา : bis.org
ขณะที่ S&P Global นำเสนอข้อมูลภาพรวมตลาดล่าสุดว่า แนวโน้มตลาด CDS ในปี 2023 นี้ น่าจะเติบโตแข็งแกร่ง เป็นผลมาจากทิศทางตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนที่อ่อนแอ ต่อเนื่องมาจากช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา
โดยบางช่วงในปี 2022 มียอดการซื้อขายในตลาด CDS สูงถึง 30 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นผลจาก อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มีผลทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น จำนวนผู้ออกตราสารหนี้ใหม่ ๆ ในตลาดจึงลดลง และเมื่อตลาดขาดตราสารหนี้ใหม่ ๆ สภาพคล่องลดลง จึงผลักดันให้นักลงทุนเข้าไปสู่การซื้อขายดัชนี CDS เพื่อเดิมพันกับโอกาสการเกิดการผิดนัดชำระหนี้
สำหรับการซื้อขายในตลาด CDS ที่ได้รับความนิยมสูง ก็คือ การทำสัญญาขายล่วงหน้า (Short) ในตลาด iTraxx ของยุโรปและไปทำสัญญาซื้อล่วงหน้า (Long) ในตลาด CDX ของสหรัฐฯ เพื่อเก็งกำไรจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทำผลงานได้ดีกว่ายุโรป
ขณะที่ค่าธรรมเนียมความเสี่ยงระหว่างตลาด iTraxx และ CDX นั้น ต่างกันมาก ตั้งแต่ช่วงที่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นผลจาก บริษัทยุโรปที่นำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย มีต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นมาก ซึ่งก็ไปกดดันทำให้ค่าธรรมเนียมส่วนต่างใน iTraxx ของยุโรปสูงกว่าค่าธรรมเนียมส่วนต่างในตลาด
CDX ของสหรัฐฯ
ส่วนเหตุการณ์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ CDS ในเดือน มี.ค. 2023 หลังจากที่ Credit Suisse ธนาคารยุโรปที่มีอายุยาวนาน 167 ปี เกิดปัญหาและถูก UBS ซื้อกิจการไป บวกกับเหตุการณ์ธนาคารภูมิภาคในสหรัฐฯ ที่ต้องปิดตัวลง ทำให้นักลงทุนก็เริ่มเป็นกังวลมากขึ้นว่า อาจจะมีธนาคารแห่งอื่นที่อาการไม่ดีตามมาอีก
พอเป็นเช่นนี้ก็เลยส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและราคาตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารชื่อดังในยุโรป จากนั้นจึงส่งผลกระทบชิ่งตามมา ทำให้ค่าธรรมเนียม CDS สูงขึ้นไปด้วย เพราะคนกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น โดยพบว่า CDS สำหรับประกันหนี้ของ Deutsche Bank ต้นทุนปรับขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ International Swaps and Derivatives Association (ISDA) ระบุว่า หากย้อนไปเทียบกับช่วงหลังวิกฤตการเงินโลกหมาด ๆ ในปี 2008 แล้ว ตลาด CDS ในปัจจุบัน ก็ยังมีมูลค่าที่ลดลงไปมาก และตลาดนี้ ยังถือว่ามีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้น ตลาดแลกเปลี่ยนเงิน และตลาดตราสารหนี้โลก
ทำไมนักลงทุนต้องสนใจตลาด CDS
แม้ว่า ตลาด CDS จะมีขนาดเล็กมาก และเป็นตลาดที่มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเป็นกลุ่มผู้ถือตราสารหนี้ โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน แต่นักลงทุนทั่วไป ก็ควรให้ความสนใจกับข่าวคราวความเคลื่อนไหวของตลาด CDS เช่นกัน เพราะตัวเลขค่าธรรมเนียมการประกันการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณที่สะท้อนความกังวลที่นักลงทุนมีต่อเศรษฐกิจ หรือกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ที่มีฐานะเป็นลูกหนี้ได้
สำหรับข่าวคราวล่าสุดที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาด CDS ที่นักลงทุนต้องจับตา ก็คือ เรื่องราวเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่เวลานี้ หนี้สาธารณะใกล้จะชนเพดานเข้าไปทุกที ซึ่ง J.P.Morgan ก็ออกมาเตือนให้ระมัดระวัง ถึง “ความเสี่ยงที่อาจจะยังไม่ชัดเจน” ในการผิดนัดชำระหนี้ทางเทคนิคบนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากการที่สหรัฐฯ ไม่สามารถเลื่อนหรือเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันก่อนที่หนี้จะชนเพดาน
ขณะที่ นักลงทุนในตลาดก็กังวลในประเด็นนี้ จึงส่งผลให้ค่าประกันความเสี่ยงของหนี้สหรัฐฯ ที่มีกำหนดชำระคืนในอีก 12 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ไป ตามที่สื่อในสหรัฐฯ รายงาน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2023
พี่ทุยมองว่า ข่าวเพดานหนี้คงจะมีผลกระทบกับ CDS ทำให้ค่าประกันสูงขึ้นไปจนกว่า เรื่องนี้จะมีแนวทางที่ชัดเจนออกมาว่า ตกลงจะเพิ่มเพดานหนี้ หรือจะแก้ปัญหายังไงก่อนที่จะถึงเวลาหนี้ชนเพดานจริง ๆ แต่ถ้าแก้ปัญหาช้า ปล่อยให้ชนเพดานหนี้ไปก่อน ค่า CDS ที่สูงทำสถิติ ก็อาจจะมีการทำสถิติใหม่อีกรอบ
เอาเป็นว่า พี่ทุยแนะนำให้ทำความเข้าใจกับเรื่องราวของ CDS เอาไว้ เพราะเชื่อว่าในปี 2023 ที่มีความวุ่นวายในภาคสถาบันการเงินของซีกโลกตะวันตก แถมมีเรื่องราวเพดานหนี้สหรัฐฯ เราอาจจะได้เห็นเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับ CDS กันอีกในช่วงที่เหลือของปี 2023
และสำหรับคนที่เข้าใจตลาดนี้ดี รวมถึงเป็นนักลงทุนที่มีความสามารถไปลงทุนในต่างประเทศเอง ก็อาจจะไปลองค้นหาโอกาสลงทุนในตลาด CDS ได้
แต่พี่ทุยขอเตือนไว้ก่อนว่า นี่เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะตราสารมีความซับซ้อน ดังนั้น ไม่เจ๋งจริง อยู่นิ่ง ๆ กับตลาดนี้ดีกว่า
อ่านเพิ่ม