เมื่อพูดถึงการลงทุนหุ้น ทุกคนจะถามว่าตลาดหุ้นถูกหรือยัง? ซึ่งอัตราส่วน P/E เป็นสิ่งคุ้นเคยที่ถูกใช้หาความถูกแพงของตลาดหุ้นมาตลอด แต่ยังมีอีกเครื่องมือที่ใช้ดูความถูกแพงได้ไม่แพ้กันเลย คือ Earning yield gap แถมใช้ไม่ยากด้วย วันนี้พี่ทุยขอพาทุกคนไปรู้จักกับเครื่องมือนี้ พี่ทุยคิดว่าน่าจะมีหลายคนติดใจเอาไปใช้ดูตลาดหุ้นแน่นอน!!!
ทำไม Earning yield gap ถึงถูกเอามาใช้
ระยะหลังการประเมินมูลค่าตลาดหุ้นด้วย P/E โดยเฉพาะเมื่อเทียบย้อนหลังในอดีตไปประมาณ 10 ปี ทุกคนจะเจอกับปัญหา P/E สูงกว่าอดีตจนมองว่าตลาดหุ้นแพงตลอดเวลา แต่ตลาดหุ้นก็ยังขึ้นได้อีก กลายเป็นตกรถไปซะอย่างงั้น
เป็นเพราะที่ผ่านมาตลาดหุ้นถูกดันขึ้นด้วยเงินที่พิมพ์ออกมาจำนวนมหาศาล แถมด้วยภาวะดอกเบี้ยต่ำมาก ทำให้เงินไม่มีที่ที่ให้ผลตอบแทนมากพอ ก็เลยยิ่งไหลเข้าตลาดหุ้น ดัน P/E สูงกว่าอดีต
แต่เหล่านักลงทุนรายใหญ่มักไม่ได้ลงทุนแค่หุ้นอย่างเดียว ในพอร์ตจะมีสินทรัพย์อื่นด้วย ก็เลยเกิดการเปรียบเทียบว่าสินทรัพย์ไหนมีความน่าสนใจกว่าสินทรัพย์อื่นขนาดไหน หุ้นเลยโดนเทียบความน่าสนใจกับตราสารหนี้ด้วยวิธี Earning yield gap
Earning yield gap ต่างจาก P/E ยังไง
Earning yield gap เป็นวิธีหาความถูกแพงด้วยการเทียบผลตอบแทนจากการปันผลของหุ้น (สินทรัพย์เสี่ยงสูง) กับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยของพันธบัตร (สินทรัพย์ไม่มีความเสี่ยง) ซึ่งต่างจาก P/E ตรงที่ P/E จะเทียบกับหุ้นด้วยกันเอง ทั้งจะเทียบกับอดีตของตัวเอง หรือเทียบกับหุ้นอื่นที่คล้ายกัน แต่ไม่ได้เทียบกับสินทรัพย์อื่น
ดังนั้น Earning yield gap เลยใช้แทน P/E ได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดช่วงที่ P/E สูงหรือต่ำมากเมื่อเทียบกับอดีต ก็เลยต้องหาคำตอบว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น โดยเทียบผลตอบแทนกับสินทรัพย์อื่นด้วยวิธี Earning yield gap เพราะโลกการลงทุนมีสินทรัพย์อื่นด้วย เงินอาจไหลออกจากหุ้นไปสินทรัพย์อื่นที่น่าสนใจกว่าก็ได้
วิธีการคำนวณ Earning yield gap
Earning yield gap เป็นการเทียบผลตอบแทนจากการปันผลของหุ้น (Earning yield) กับผลตอบแทนที่ได้จากดอกเบี้ย (Bond yield) ของพันธบัตรรัฐบาล
พี่ทุยขอพามารู้จักกับ Earning yield กันก่อน จริง ๆ แล้ว Earning yield คือ ส่วนกลับของอัตราส่วน P/E หมายความว่า Earning yield = E/P
เช่น เดือน ต.ค. ดัชนี SET มี P/E อยู่ที่ 19.21 เท่า Earning yield = (1/19.21) x 100 = 5.20%
Earning yield คือ การสมมติว่ากำไร (Earning) ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าลงทุนตอนนี้แล้วบริษัทจ่ายปันผลจากกำไรทั้งหมด จะได้ผลตอบแทนจากปันผลกี่เปอร์เซ็นต์
ทีนี้นักลงทุนก็เอาไปเทียบกับผลตอบแทนสินทรัพย์ไม่มีความเสี่ยง ซึ่งนิยมใช้พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพื่อดูว่าตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนมากกว่าสินทรัพย์ไม่มีความเสี่ยง มากแค่ไหน มากพอจะย้ายเงินไปลงทุนหุ้นที่มีความเสี่ยงมากกว่าหรือไม่
Earning yield gap ก็คือส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างสินทรัพย์เสี่ยงกับสินทรัพย์ไม่มีความเสี่ยง คำนวณจาก Earning yield – Bond yield (พันธบัตรอายุ 10 ปี)
เช่น Earning yield ของดัชนี SET อยู่ที่ 4.62% ส่วน Bond yield พันธบัตรไทย อายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.17% Earning yield gap = 4.62-3.17 = 1.44%
วิธีการใช้ Earning yield gap ดูความถูกแพงของตลาดหุ้น
Earning yield gap ก็เป็นเพียงตัวเลขตัวหนึ่ง พอจะดูความถูกแพงของตลาดหุ้น ก็เหมือน P/E ที่ต้องเปรียบเทียบกับอดีตหรือกับตลาดหุ้นอื่น
นักลงทุนมักเทียบหาว่าตอนนี้ตลาดหุ้นน่าสนใจแล้วหรือยัง ก็เลยเริ่มเทียบ Earning yield gap กับค่าในอดีต
วิธีแรก คือ เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง อีกวิธี คือ ดูว่า Earning yield gap ของตลาดหุ้นไหนสูงกว่ากัน ซึ่งมักจะใช้ทั้ง 2 วิธีประกอบกัน
เช่น ถ้า Earning yield gap ปัจจุบันของดัชนี SET ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ก็แสดงว่าหุ้นดัชนี SET มีความน่าสนใจน้อยกว่าพันธบัตร จากนั้นก็ไปดูว่าเคยต่ำสุดแค่ไหน จะได้ดูว่าตลาดหุ้นมีความน่าสนใจเทียบพันธบัตรแตะระดับต่ำสุด เริ่มหันมาติดตามตลาดหุ้นเป็นระยะจนกว่า Earning yield gap จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังได้แล้วนะ
ในทางกลับกันถ้า Earning yield gap สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง แล้วไปแตะระดับสูงสุด จุดนั้นแปลว่าตลาดหุ้นมีความน่าสนใจมากเมื่อเทียบกับพันธบัตร นักลงทุนจะเริ่มหันมาลงทุนหุ้นอย่างสบายใจยิ่งขึ้น
แต่ถ้าสมมติว่าตลาดหุ้นมี Earning yield gap สูงกว่าค่าเฉลี่ย นักลงทุนเริ่มหันมาสนใจลงทุนหุ้น แล้วจะไปลงทุนตลาดหุ้นไหนดี ก็ต้องเทียบ Earning yield gap ระหว่างตลาดหุ้น เช่น เทียบดัชนี SET ของไทยกับดัชนี S&P 500 สหรัฐฯ ว่าดัชนีไหนมีค่า Earning yield gap สูงกว่ากัน ดัชนีนั้นก็จะมีความน่าสนใจมากกว่า
ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยถูกหรือแพง?
ลองเทียบ Earning yield gap กับค่าในอดีตย้อนหลัง 10 ปี ตอนนี้ดัชนี SET อยู่ที่ระดับ 1.44% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี แค่นี้พี่ทุยก็เริ่มคิดว่าดัชนี SET น่าสนใจน้อยกว่าพันธบัตร ยิ่ง Earning yield gap น้อยกว่านี้ยิ่งไม่น่าสนใจเมื่อเทียบพันธบัตร นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมดัชนี SET ถึงร่วงมาก่อนหน้านี้เพราะ Earning yield gap น้อยถึง 1.09% และตอนนี้ Earning yield gap ไม่สูงมาก ดัชนี SET เลยปรับตัวขึ้นยากมากอีก
ต่อจากนั้นลองไปเทียบกับตลาดหุ้นอื่น พี่ทุยหยิบดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ดู Earning yield gap อยู่ที่ 0.2% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและดัชนี SET พอสมควร พี่ทุยตอบได้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความน่าสนใจน้อยกว่าพันธบัตรสหรัฐฯ แน่นอน
แต่ถามว่าน่าสนใจน้อยกว่าดัชนี SET หรือไม่ พี่ทุยขอมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีหุ้นเติบโตอยู่มากกว่าตลาดหุ้นอื่น นักลงทุนยอมให้ดัชนี S&P 500 น่าสนใจเมื่อเทียบกับพันธบัตรน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นรวมถึงไทยด้วย แลกกับการเติบโตในอนาคตที่จะได้จากหุ้น พี่ทุยเลยตอบได้ไม่เต็มปากว่าดัชนี S&P 500 มีความน่าสนใจน้อยกว่าดัชนี SET
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed และธนาคารกลางทั่วโลกเป็นส่งผลให้ Bond yield เพิ่มขึ้น พันธบัตรให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ทำให้ Earning yield gap ลดลง ตลาดหุ้นเลยไม่ค่อยขึ้นได้สักเท่าไร
พี่ทุยขอสรุปว่า Earning yield gap เป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยนักลงทุนดูว่าตลาดหุ้นที่จะลงทุนมีความถูกแพงมากขนาดไหน แถมยังช่วยไขปริศนาอีกว่าทำไมบางครั้งตลาดหุ้นมี P/E ต่ำแล้ว แต่ก็ยังร่วงต่อหรือไม่ขึ้นสักที นั่นเพราะพันธบัตรให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจมากจนนักลงทุนไม่อยากเสี่ยงกับการลงทุนหุ้น