ในเดือน ต.ค. 2014 “อนันดา ดีเวลลอปเมนต์” ได้ประกาศเปิดตัว 4 โครงการบนทำเลทองติดรถไฟฟ้าถึง 7 สถานี และหนึ่งในนั้นคือโครงการ “ASHTON” อโศก ซึ่งอยู่ด้านหลังของห้างสรรพสินค้า Terminal 21 และใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท ชนิดที่เดินเท้าไปได้ชิว ๆ
อย่างไรก็ตาม คอนโดมิเนียมดังกล่าวกลับพบปัญหายูนิตยังว่าง และการร้องเรียนภาพไม่ตรงปก ซึ่งเหนือไปกว่านั้น คือปัญหาการฟ้องร้องที่ยังไม่สิ้นสุดลง
วันนี้พี่ทุยจะมาพูดถึงมหากาพย์ “ASHTON” อโศก (ชื่อเดิม คือ IDEO ASOKE) โครงการคอนโดมิเนียมหรูภายใต้การดูแลของบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่อนันดาใช้เพื่อดูแลโครงการ แอชตัน อโศก ทั้งด้านการพัฒนา ก่อสร้าง และการซื้อขาย
ถ้าใครตามข่าวจะรู้ว่าศาลปกครองกลางเพิ่งมีคำสั่งในคืนวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมาให้เพิกถอน “ใบอนุญาตก่อสร้าง” คอนโดมิเนียม แอชตัน อโศก เนื่องจากผิด พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร
พี่ทุยจะพาไปย้อนเรื่องราวไทม์ไลน์ของเรื่องที่น่าสนใจนี้กัน
ปี 2016 กับการฟ้องร้องสุดช็อค
ช่วงกลางปี 2016 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและชาวบ้านผู้อยู่อาศัยย่านสุขุมวิท 19 ซึ่งเป็นซอยข้างเคียงกับอโศก (สุขุมวิท 21) ได้เดินทางไปยังศาลปกครองเพื่อฟ้องร้องหน่วยงานรัฐ 5 ฝ่าย ได้แก่
- ผู้อำนวยการเขตวัฒนา
- ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม.
- ผู้ว่าการ กทม.
- ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.
- คณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ซึ่งเป็นผู้ประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือที่คุ้นหูกันดีว่า EIA
เนื้อหาการฟ้องร้องในเวลานั้น คือ ทั้ง 5 ฝ่ายละเลยปฏิบัติหน้าที่และออก “ใบอนุญาต” ให้กับอนันดาในการสร้าง แอชตัน อโศก โดยเป็นอาคารสูง 51 ชั้น ตั้งบนที่ดิน 2 แปลงในสุขุมวิท 19 แยก 2 ซึ่งแต่เดิมมีซอยเล็ก ๆ กว้างแค่ 3 เมตรกั้นระหว่างที่ดินทั้งสองแปลง แต่ อาคารของคอนโดกลับสร้างทับซอยดังกล่าวไป
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้องที่ปล่อยให้มีการก่อสร้างอย่างผู้อำนวยการเขตวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม. ผู้ว่าการกทม. และผู้ประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมหรือ EIA
แล้ว รฟม. ไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย ?
เนื่องจาก แอชตัน อโศก มีความสูงเกิน 8 ชั้น (23 เมตร) จึงจัดเป็น “อาคารสูงพิเศษ” และยังมีพื้นที่มากกว่า 30,000 ตารางเมตร ทำให้ข้อกฎหมายกำหนดให้อาคารต้องมีทางเข้าออกกว้างไม่ต่ำกว่า 12 เมตร และต้องติดถนนสาธารณะที่กว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร
แต่ทางเข้าที่สุขุมวิท 19 แยก 2 มีขนาดเพียง 3 เมตรเท่านั้น ทางโครงการจึงได้ซื้อที่ดินหลังที่จอดรถสถานีรถไฟใต้ดิน MRT สุขุมวิท ทำให้มีทางเข้าออกถนนใหญ่ได้จากฝั่งใกล้ที่จอดรถของ MRT สุขุมวิท และเพราะเป็นที่ดินที่เวรคืนมาจากเจ้าของเดิม จึงสร้างความไม่พอใจให้กับชุมชนสุขุมวิท 19 เพราะไม่ได้นำที่ดินที่เวรคืนไปใช้สำหรับสาธารณะประโยชน์
ซึ่งการฟ้องร้องครั้งนี้สรุปได้ 3 ประเด็นหลัก คือ
- ให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง
- แก้ไขปัญหาซอยที่โดนสร้างทับ
- ยกเลิกเรื่องที่ รฟม. ที่อนุญาตให้ แอชตัน อโศก ใช้เป็นทางเข้าออก
ปี 2018 สร้างเสร็จแต่โอนไม่ได้
กำหนดการสร้างเสร็จของ แอชตัน อโศก คือ เดือน ต.ค. 2017 และก็สามารถสร้างเสร็จได้ตามกำหนดการ ซึ่งกำหนดการถัดไป คือ การโอนกรรมสิทธิ์ห้องให้กับผู้ซื้อใน มี.ค. 2018
แต่ทางคอนโดกลับไม่สามารถโอนห้องให้ได้ เพราะขาดใบรับรองอาคาร (อ.6) ซึ่งเป็นใบเบิกทางสำหรับการอนุญาตให้ลูกบ้านเข้ามาอยู่อาศัย โดยทาง กทม. ขอชะลอการออกใบอนุญาตไว้ก่อน เนื่องจากการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นในปี 2016
ในตอนนั้นเองที่ทาง รฟม. ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า ทาง รฟม. ได้เวรคืนที่ดินก่อนหน้านี้จนทำให้ที่ดินแปลงหนึ่งในบริเวณที่เวรคืนกลายเป็น “ที่ดินตาบอด” คือ ไม่มีทางเข้าออก ดังนั้น รฟม. จึงทำข้อตกลงกับเจ้าของที่ดินแปลงนั้นว่าจะเปิดทางเข้าออกให้ ซึ่งทางเจ้าของเดิมได้ขายที่ดินให้กับทางอนันดาไปในเวลาต่อมา
แต่ข้อตกลงที่มากับที่ดินแปลงนั้นยังคงอยู่ รฟม. จึงต้องเปิดทางเข้าออกให้กับคอนโด แอชตัน อโศก
ผลจากการยืดเวลาออกใบรับรองอาคารทำให้อนันดาไม่สามารถส่งมอบห้องได้ทัน จึงต้องเสนอทางเลือกให้กับลูกค้า คือ คืนเงินดาวน์พร้อมดอกเบี้ย หรือแลกห้องชุดกับโครงการอื่นในเครือของอนันดา หรือรอจนกว่าจะสามารถโอนห้องได้ ผลคือ มีผู้ซื้อขอคืนห้องถึง 20% คิดเป็นเงิน 1,500 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 6,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทางอนันดาได้พยายามสู้เพื่อให้คอนโดมิเนียมเปิดใช้งานด้วยการร้องเรียนกับทาง กทม. โดยยืนยันว่า กทม. ต้องทำตามขั้นตอนกฎหมายที่เมื่ออาคารสร้างเสร็จก็ต้องยื่นขอ อ.6 ซึ่งเมื่อไม่มีอะไรติดขัดตามมาตรฐาน อาคารย่อมต้องเปิดใช้งานได้
ในกลางปี 2018 ทางคอนโดสามารถโอนกรรมสิทธิ์ห้องให้กับผู้ซื้อและเริ่มการเข้าอยู่อาศัยได้สำเร็จ
ปี 2021 ศาลชั้นต้นตัดสิน
หลังการพิจารณาคดีถึง 5 ปี ในที่สุดศาลปกครองกลางได้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างคอนโด แอชตัน อโศก โดยให้เหตุผลว่า คอนโดมิเนียมตั้งอยู่บนพื้นที่ “ที่ไม่มีด้านใดด้านหนึ่งกว้างกว่า 12 เมตรที่ติดกับถนนที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร” และ “ไม่เชื่อมกับถนนที่มีความกว้าง 18 เมตร” และ หรือคือผิด พ.ร.บ. ควบคุมอาคารนั่นเอง
ในส่วนของการฟ้องร้อง รฟม. นั้น ศาลเห็นว่าผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้ที่มีที่ดินและที่อยู่อาศัยอยู่ตามแนวที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนอโศกจึงไม่ใช่ผู้เสียหายในเรื่องนี้ ศาลจึงขอไม่พิจารณาในประเด็นดังกล่าว
เมื่อมีคำสั่งศาลออกมา ทางด้านอนันดาก็ได้ออกมายื่นอุทธรณ์ต่อคำสั่งดังกล่าว โดยระบุว่า คำสั่งนี้เป็นเพียงคำสั่งของศาลปกครองกลาง ซึ่งกว่าจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อคดีสิ้นสุดในชั้นศาลปกครองสูงสุดเท่านั้น ดังนั้น จึงยังไม่กระทบต่อผู้อยู่อาศัยในแอชตัน อโศก
แต่งานนี้พี่ทุยว่าเจ้าของห้องในแอชตัน อโศก ก็ต้องหนาว ๆ ร้อน ๆ เป็นแน่ แถมคนที่หนาว ๆ ร้อน ๆ อาจรวมถึงคนที่ถือหุ้นของอนันดาอยู่ด้วยก็เป็นได้
ในปี 2018 หุ้นของอนันดาร่วงลงจากต้นปีที่ 5.45 บาท เหลือต่ำสุดถึง 3.68 บาท เมื่อวันที่ 5 เม.ย. หลังเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการโอนห้องจะต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากคดีความฟ้องร้อง ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมา ส่วนหุ้นของเมื่อวันศุกร์ที่ 30 ก.ค.ก็ปิดตัวแดนลบไปถึง -3.31% อยู่ที่ 1.75 บาท
นอกเหนือจาก แอชตัน อโศก แล้ว โครงการในเครืออนันดายังมีอีกที่ที่มีปัญหา คือ IDEO Verve ราชปรารภ ที่มีการฟ้องแพ่งมากกว่า 700 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีทางออกสู่ถนนใหญ่เป็นทางเข้าออกหลักตามที่โฆษณาไว้ตั้งแต่แรก โดยการฟ้องร้องเกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมา
พี่ทุยว่างานนี้น่าจะต้องต่อสู้กันไปอีกยาว ๆ อาจกินเวลาเป็น 10 ปีก็ได้กว่าคดีความจะสิ้นสุดลง
อ่านเพิ่มเติม