กองทุนรวมวายุภักษ์ กลายเป็นกระแสที่หลายคนได้ยินติดหูมาตั้งแต่ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา และเปิดขายแล้ววันที่ 16 ก.ย. 2567 นี้ แต่พี่ทุยเชื่อว่าหลายคนคงจะหาข้อมูลและมีข้อสงสัยอยู่บ้าง วันนี้พี่ทุยเลยขอพาทุกคนไปรู้จักกับ กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง และข้อมูลอย่างละเอียด พร้อมเปรียบเทียบกับการลงทุนอื่นว่าน่าสนใจหรือไม่ ถ้าพร้อมแล้วไปลุยด้วยกันเลย
กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง คืออะไร?
กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง เป็นกองทุนรวมผสมเพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐ บริหารจัดการโดยบริษัทลักทรัพย์กองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์กองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) จะเสนอขายหน่วยลงทุน 2 ประเภท คือ
- หน่วยลงทุนประเภท ก. เสนอขายนักลงทุนทั่วไป เช่น นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนภาครัฐ สหกรณ์ มูลนิธิ และสมาคม
- หน่วยลงทุนประเภท ข. มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหน่วยหลัก และอาจมีนักลงทุนภาครัฐลงทุนด้วย เช่น รัฐวิสาหกิจ สำนักงานประกันสังคม
สำหรับหน่วยลงทุนประเภท ก. จะเปิดหน่วยลงทุนให้กับประชาชนทั่วไปและรายย่อย มูลค่าเสนอขาย 1-1.5 แสนล้านบาท ในวันที่ 16-20 ก.ย. 2567 และสำหรับนักลงทุนสถาบันในวันที่ 18-20 ก.ย. 2567 มีระยะเวลาลงทุน 10 ปี โดยผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
ย้อนรอยวายุภักษ์ ยุคทักษิณ
จริงๆแล้ว กองทุนวายุภักษ์ได้เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2546 ในยุคนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการทรัพย์สินของรัฐบาลแทนกระทรวงการคลัง และเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้ประชาชนและนักลงทุนสถาบัน ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำ
ด้วยลักษณะที่เป็นกองทุนรวมผสม จึงเปิดกว้างให้ลงทุนได้หลายสินทรัพย์ทั้งเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือกทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้มีทั้งส่วนที่ทำหน้าที่เป็นสภาพคล่อง สร้างผลตอบแทนเชิงรับ (ทำผลตอบแทนใกล้เคียงตลาด) และเชิงรุก (ทำผลตอบแทนเอาชนะตลาด)
ช่วง 10 ปีแรก กองทุนวายุภักษ์เป็นกองทุนปิด ภายหลังเมื่อครบอายุจึงปิดกองทุนและรับซื้อหน่วยลงทุนประเภท ก. ทั้งหมด และแปรสภาพเป็นกองทุนเปิด คงเหลือเฉพาะหน่วยลงทุนประเภท ข. ที่ถือหน่วยลงทุนโดยกระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ โดย ณ วันที่ 13 ก.ย. 2567 มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 3.46 แสนล้านบาท
ณ วันที่ 30 ส.ค. 2567 กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง หน่วยลงทุนประเภท ข. (VAYUB) ทำผลการดำเนินงานย้อนหลัง ดังนี้
กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง ลงทุนอะไร ถึงมีโอกาสได้ผลตอบแทน 3-9%
กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง หน่วยลงทุนประเภท ก. มีนโยบายการลงทุนทั้งเชิงรุก (Active Investment) และเชิงรับ (Passive Investment) โดยแบ่งสินทรัพย์ที่ลงทุนเป็น 3 ส่วน คือ
1. หลักทรัพย์สภาพคล่อง: เงินฝาก ตราสารภาครัฐ ตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารการเงิน หรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก ทั้งในและต่างประเทศ
2. หลักทรัพย์เชิงรุกและ/หรือเชิงรับ: หลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่
- ตราสารทุน (หุ้น) ใน SET100 ที่มีอัตราผลตอบแทนดี มั่นคงในระยะยาว และมีความยั่งยืน
- กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และตราสารทุนที่มีรายชื่ออยู่ใน SET100 อื่นนอกจากข้อ a.
- ตราสารทุน (หุ้น) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ นอก SET100 ที่ผลประกอบการมีแนวโน้มที่ดี มั่นคงในระยะยาว และมีความยั่งยืน
การลงทุนเชิงรุกและเชิงรับรวมถึงหลักทรัพย์จดทะเบียนต่างประเทศ หน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
3. หลักทรัพย์อื่น: หลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Unlisted Securities) ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (Non – Investment Grade) และ/หรือตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) โดยจะมีสัดส่วนการลงทุนได้ไม่เกิน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม รวมถึงอาจพิจารณาลงทุนในหน่วยลงทุนที่มีนโยบายการลงทุนในทองคำ น้ำมันดิบ สินค้าโภคภัณฑ์ และหน่วย Private Equity
เมื่อดูจากนโยบายการลงทุนจะเห็นชัดว่ากองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง เปิดช่องกว้างให้ลงทุนได้ทุกสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
แล้วถามว่ามีโอกาสลงทุนสินทรัพย์อะไรเป็นหลัก พี่ทุยเลยขอพาไปดูโดยอ้างอิงจากข้อมูลกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง หน่วยลงทุนประเภท ข. ณ วันที่ 30 ส.ค. 2567
สัดส่วนประเภทสินทรัพย์ 5 อันดับแรก ประกอบด้วย
- หุ้นสามัญในประเทศ 88.36%
- พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 7.01%
- ตั๋วเงินคลัง 1.48%
- เงินฝากธนาคาร 1.07%
- หุ้นกู้ 0.62%
สัดส่วนสินทรัพย์ 5 อันดับแรก ประกอบด้วย
- PTT 35.07%
- SCB 25.03%
- TTB 5.54%
- KTB 3.36%
- BCP 3.03%
แบบนี้ก็เห็นชัดว่าหน่วยลงทุนประเภท ก. ที่จะเสนอขายในเดือน ก.ย. นี้ น่าจะเน้นลงทุนหุ้นไทยเป็นหลัก ซึ่งก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำให้กองทุนสร้างผลตอบแทนได้ 3-9% อย่างที่ตั้งเป้ากันไว้
ส่วนคำถามที่ว่ากองทุนรับประกันเงินลงทุนและผลตอบแทนหรือไม่? ก็ต้องบอกเลยว่ากองทุนไม่ได้รับประกันเงินลงทุนและผลตอบแทน แต่มีกลไกในการคุ้มครองผลตอบแทน คือ
สำหรับด้านการจ่ายผลตอบแทน กองทุนจะจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ก่อนประเภท ข. ซึ่งถ้าปีใดกองทุนทำผลตอบแทนได้ต่ำกว่า 3% ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ก็ยังได้ผลตอบแทนที่ขั้นต่ำ 3% โดยใช้กลไกบริหารความเสี่ยง
1) มีการกำหนดอัตราส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิทั้งกองทุนต่อเงินลงทุนของหน่วยลงทุนประเภท ก. (ACR) ซึ่งถ้าอัตราส่วนนี้ต่ำกว่า 2 เท่า ติดต่อกัน 5 วันทำการ กองทุนจะเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องให้เพียงพอจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้เป็นเวลาประมาณ 2 ปี
2.) และถ้าอัตราส่วนนี้ต่ำกว่า 1.5 เท่า ติดต่อกัน 5 วันทำการ กองทุนจะเปลี่ยนสินทรัพย์ลงทุนให้เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง จำนวนไม่น้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นของหน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งช่วยคุ้มครองเงินลงทุน (สามารถจ่ายเงินต้นคืนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้ทั้งหมด)
เปรียบเทียบกองทุนรวมอื่น ๆ ลงทุนดีมั้ย?
เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะลงทุนกองทุนวายุภักษ์ดีหรือไม่ ปัจจัยสำคัญประกอบการตัดสินใจ คือ ผลตอบแทนและความเสี่ยง (ความผันผวน) เทียบกับการลงทุนกองทุนรวมอื่น
1. เริ่มจากเทียบกับกองทุนรวมตราสารหนี้ซึ่งคาดหวังผลตอบแทนได้ประมาณ 2-4% ส่วนความผันผวนอยู่ที่ประมาณ 0.2-1.5% ขึ้นอยู่กับประเภทตราสารหนี้ที่ลงทุน จุดนี้กองทุนวายุภักษ์ถูกออกแบบมาให้มีความน่าสนใจไม่แพ้กองทุนตราสารหนี้ และด้วยการมีสัดส่วนลงทุนหุ้นเป็นหลัก ทำให้คาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวได้มากกว่า
2. ต่อมากับกองทุนรวมผสมที่คาดหวังผลตอบแทนประมาณ 5-8% มีความผันผวนที่ประมาณ 5-7% ซึ่งส่วนผลตอบแทนมีความใกล้เคียงกองทุนวายุภักษ์ แต่การที่กองทุนวายุภักษ์มีกลไกชัดเจนให้ได้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% เป็นจุดที่กองทุนวายุภักษ์มีความโดดเด่นกว่า
3. ส่วนกองทุนรวมหุ้น อันนี้ต้องยอมรับว่ามีหลายกองทุนทั้งหุ้นไทยและต่างประเทศที่สามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่ากองทุนวายุภักษ์ บางกองทุนอาจได้ผลตอบแทนเกิน 10% ในบางปี แต่ยังมีคำถามว่าในปีที่ตลาดหุ้นทำผลตอบแทนไม่ค่อยดี ก็อาจส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนหุ้นแย่ตามไปด้วย ขาดทุนได้เกิน 10% เช่นกัน
ซึ่งจะบอกกองทุนวายุภักษ์น่าสนใจกว่ากองทุนหุ้นหรือไม่ คงต้องแบ่งเป็นกรณีสำหรับนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ มีเวลาหาข้อมูล จัดการพอร์ตตัวเองเป็นประจำ กองทุนรวมหุ้นคงตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่ไม่ค่อยมีเวลา มีพอร์ตลงทุนเพื่อรักษาวินัยการออมให้เงินงอกเงย แนะนำว่ากองทุนวายุภักษ์ตอบโจทย์กว่าแน่นอน
สนใจลงทุน กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง ทำอย่างไร ซื้อที่ไหน?
กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง หน่วยลงทุนประเภท ก. เปิดขายหน่วยลงทุนหน่วยละ 10 บาท ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 หน่วยหรือ 1 หมื่นบาท จัดสรรด้วยวิธี Small Lot First ให้ได้หน่วยลงทุนที่ระดับขั้นต่ำก่อน และจะมีการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 7 ต.ค. 2567 ทำให้สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทุกวันทำการ
นักลงทุนที่สนใจลงทุนสามารถจองซื้อทั้งผ่านโทรศัพท์ สาขา และออนไลน์ผ่าน 8 สถาบันการเงินชั้นนำ ดังนี้
- บลจ.กรุงไทย โทร.0-2686-6100 กด 9 และสาขา
- บลจ.เอ็มเอฟซี โทร.0-2649-2000 กด 0 สาขา และเวปไซต์
- ธนาคารกรุงเทพ โทร.1333 สาขา และ Mobile Banking
- ธนาคารออมสิน โทร.1115 กด 5 และแอป MyMo
- ธนาคารกสิกรไทย โทร.0-2888-8888 ต่อ 869 สาขา และเวปไซต์
- ธนาคารกรุงศรี โทร.1572 สาขา และแอป KMA
- ธนาคารกรุงไทย โทร.0-2111-1111 สาขา และเวปไซต์หรือแอป Krungthai NEXT
- ธนาคารไทยพาณิชย์ โทร.0-2777-6784 สาขา และแอป SCB EASY
พี่ทุยหวังอย่างยิ่งว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนทุกท่าน และเชื่อว่ากองทุนวายุภักษ์จะช่วยผลักดันสภาพคล่องและเรียกเชื่อมั่นให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
อ่านเพิ่ม