หลังหายไปนานสำหรับตลาดหุ้นจีน วันนี้ได้กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง หลังทางการจีนจัดมาตรการกระตุ้นชุดใหญ่ จนตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นแรงมาก วันนี้พี่ทุยเลยมา แนะนำกองทุนหุ้นจีน กันหน่อย ทั้งเสี่ยงน้อยเสี่ยงมาก าพร้อมแล้วไปดูโพยกองทุนหุ้นจีนที่น่าสนใจกัน!!!
อัพเดตแพคเกจกระตุ้นขนาดยักษ์จากรัฐบาลจีน
หลังสภาพเศรษฐกิจจีนเละเทะมานานกว่า 2-3 ปี โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ ลามมากระทบถึงตลาดหุ้นที่ร่วงลงมายับเยินจนนักลงทุนต่างเมินหน้าหนี ล่าสุดทั้งธนาคารกลางจีน (PBOC) และรัฐบาลต่างจัดหนักมาตรการกระตุ้นออกมาสร้างข่าวดีและเรียกความมั่นใจจากนักลงทุน
เริ่มจากธนาคารกลางจีนที่ส่งมาตรการกระตุ้นด้านการเงินออกมา ทั้งลดอัตราดอกเบี้ยและเสริมสภาพคล่องเข้าระบบการเงิน ประกอบด้วย
- ลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 7-day reverse repo จาก 1.7% มาที่ 1.5%
- ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ลง 0.3% มาที่ 2.00%
- ลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อและอัตราเงินดาวน์ขั้นต่ำอสังหาฯ
- ลดอัตราส่วนกันเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
- อนุญาตให้กองทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันภัย และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้าถึงแหล่งเงินทุนพิเศษ เพื่อซื้อหุ้นหรือเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น
นอกจากนี้ผู้ว่าฯ ธนาคารกลางจีนยังเผยอีกว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ อาจมีการปรับลด RRR ได้อีก 0.25-0.50%
การดำเนินการครั้งนี้ของธนาคารกลางจีนช่วยลดต้นทุนทางการเงินต่อทั้งประชาชน ธนาคารพาณิชย์ และภาคเอกชน รวมถึงเพิ่มสภาพคล่องเข้าระบบการเงิน
หลังจากนั้นถึงคราวรัฐบาลจีนส่งมาตรการกระตุ้นด้านการคลังด้วยการแจกเงินให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง (รายได้ต่ำและตกงาน) ตามด้วยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และคณะกรรมการโปลิตบูโรเรียกร้องให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมและรักษาเสถียรภาพของตลาดอสังหาฯ และสุดท้ายรัฐบาลจีนอัดฉีดเงินทุนให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่วงเงินรวม 1 ล้านล้านหยวน เพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เรียกได้ว่ามาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลนอกจากจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจีนเริ่มตระหนักว่าภาคอสังหาฯ เป็นปัญหาหลักขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจ และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
สรุปให้ชัด หุ้นจีนมีกี่ประเภท
หุ้นจีนมีหลากหลายประเภททำให้ต้องมีการแบ่งเพื่อให้จัดประเภทการลงทุนได้ง่ายและชัดเจน แบ่งเป็น
- A-Share: หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเซียงไฮ้และเซินเจิ้น ซื้อขายในสกุลเงินหยวน
- B-Share: หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเซียงไฮ้ ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ และจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซินเจิ้น ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง
- H-Share: บริษัทที่ทำธุรกิจในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ แต่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง
- Red Chip: บริษัทที่มีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้น ทำธุรกิจในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง
- P Chip: บริษัทที่ไม่มีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้น ทำธุรกิจในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง
- S Chip: บริษัทที่ไม่มีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้น ทำธุรกิจในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์
- ADRs: หุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ในรูปแบบ American Depository Receipt ซึ่งก็คือตราสารสิทธิ์ในการออกหุ้นในสหรัฐฯ ช่วยให้นักลงทุนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ สามารถลงทุนในหุ้นของบริษัทต่างประเทศได้ ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์
แนะนำกองทุนหุ้นจีน แต่ละประเภท
การจัดกลุ่มกองทุนหุ้นจีนอาจมีความแตกต่างจากการแบ่งประเภทหุ้นบ้าง แต่โดยรวมยังมีเค้าโครงส่วนใหญ่คล้ายกันและเข้าใจง่าย ดังนี้
แนะนำกองทุนหุ้นจีน ประเภท Passive A-Share
กองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นจีน A-Share มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนตามดัชนี แบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ
1. ดัชนี CSI300: ดัชนีคัดเลือกหุ้น 300 อันดับแรกที่ซื้อขายในตลาดหุ้นเซียงไฮ้และเซินเจิ้น
- กองทุน SCBCHAA
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก ChinaAMC CSI300 Index ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี CSI300 มีหุ้นเด่น เช่น Kweichow Moutai, Ping An, Wuliangye Yibin
- ค่าธรรมเนียมซื้อ: 0.50%
- ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมบริหาร: 1.10% ต่อปี
- ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
ผลตอบแทนดังนี้
- ตั้งแต่จัดตั้ง : -23.71%
- ตั้งแต่ต้นปี : 18.42%
- 6 เดือน : 13.75%
- 3 เดือน : 16.17%
- 1 เดือน : 20.27%
ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 67
- กองทุน TISCOCHA-A
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก ChinaAMC CSI300 Index ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี CSI300
- ค่าธรรมเนียมซื้อ: 1.00%
- ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมบริหาร: 1.2950% ต่อปี
- ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
ผลตอบแทนดังนี้
- ตั้งแต่จัดตั้ง : 3.26%
- ตั้งแต่ต้นปี : 31.99%
- 6 เดือน : 27.27%
- 3 เดือน : 33.56%
- 1 เดือน : 37.81%
ข้อมูล ณ วันที่ 2 ต.ค. 67
2. ดัชนี FTSE China A50
- กองทุน K-CHX
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก CSOP FTSE China A50 ETF (RMB) มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี FTSE China A50 มีหุ้นเด่น เช่น Kweichow Moutai, BYD, Foxconn
- ค่าธรรมเนียมซื้อ: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมขาย: 0.15%
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ขาเข้า: 0.10%
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ขาออก: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมบริหาร: 0.6774% ต่อปี
- ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
ผลตอบแทนดังนี้
- ตั้งแต่จัดตั้ง : 18.26%
- ตั้งแต่ต้นปี : 22.14%
- 6 เดือน : 13.94%
- 3 เดือน : 14.52%
- 1 เดือน : 16.39%
ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 67
- กองทุน ES-CHEQ
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares FTSE A50 China Index ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี FTSE China A50
- ค่าธรรมเนียมซื้อ: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมบริหาร: 1.1291% ต่อปี
- ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
ผลตอบแทนดังนี้
- ตั้งแต่จัดตั้ง : -34.80%
- ตั้งแต่ต้นปี : 20.20%
- 6 เดือน : 7.44%
- 3 เดือน : 7.06%
- 1 เดือน : 13.85%
ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 67
แนะนำกองทุนหุ้นจีน ประเภท Active A-Share
- KFACHINA-A
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก UBS (Lux) Investment SICAV-China A Opportunity ลงทุนหุ้นในดัชนี A-Share และมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนมากกว่าดัชนี MSCI China A Onshore มีหุ้นเด่น เช่น Kweichow Moutai, Tencent, NetEase, China Mobile
- ค่าธรรมเนียมซื้อ: 1.50%
- ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมบริหาร: 1.0496% ต่อปี
- ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
ผลตอบแทนดังนี้
- ตั้งแต่จัดตั้ง : -21.12%
- ตั้งแต่ต้นปี : 13.48%
- 6 เดือน : 11.80%
- 3 เดือน : 14.84%
- 1 เดือน : 16.57%
ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 67
Passive H-Share
- SCBCEH
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Hang Seng China Enterprises Index ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี Hang Seng China Enterprises Index มีหุ้นเด่น เช่น Alibaba, Meituan, Tencent, BYD
- ค่าธรรมเนียมซื้อ: 0.50%
- ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมบริหาร: 1.11% ต่อปี
- ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
ผลตอบแทนดังนี้
- ตั้งแต่จัดตั้ง : -23.14%
- ตั้งแต่ต้นปี : 31.20%
- 6 เดือน : 29.03%
- 3 เดือน : 17.41%
- 1 เดือน : 16.99%
ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 67
- กองทุน KF-CHINA
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Hang Seng China Enterprises Index ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี Hang Seng China Enterprises Index
- ค่าธรรมเนียมซื้อ: 0.40%
- ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมบริหาร: 1.0098% ต่อปี
- ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
ผลตอบแทนดังนี้
- ตั้งแต่จัดตั้ง : -35.15%
- ตั้งแต่ต้นปี : 31.56%
- 6 เดือน : 29.32%
- 3 เดือน : 17.53%
- 1 เดือน : 16.88%
ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 67
All-China
- SCBCHINA
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก UBS (Lux) Equity SICAV – All China มีนโยบายเปิดกว้างให้ลงทุนหุ้นจีนที่จดทะเบียนอยู่ทั้งในตลาดหลักทรัพย์จีนแผ่นดินใหญ่ (Onshore) และตลาดหลักทรัพย์นอกจีนแผ่นดินใหญ่ (Offshore) มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนมากกว่าดัชนี MSCI China All-Share มีหุ้นเด่น เช่น Tencent, Kweichow Moutai, NetEase
- ค่าธรรมเนียมซื้อ: 1.61%
- ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมบริหาร: 1.72% ต่อปี
- ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
ผลตอบแทนดังนี้
- ตั้งแต่จัดตั้ง : -48.72%
- ตั้งแต่ต้นปี : 15.38%
- 6 เดือน : 16.11%
- 3 เดือน : 13.89%
- 1 เดือน : 21.18%
ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 67
- KT-CHINA-A
ลงทุนผ่านกองทุนหลัก BGF China Fund มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีนที่ทำธุรกิจในประเทศจีน มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนมากกว่าดัชนี MSCI China 10/40 มีหุ้นเด่น เช่น Tencent, Alibaba, Pinduoduo, BYD, NetEase
- ค่าธรรมเนียมซื้อ: 1.50%
- ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่มี
- ค่าธรรมเนียมบริหาร: 1.0596% ต่อปี
- ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
ผลตอบแทนดังนี้
- ตั้งแต่จัดตั้ง : -11.67%
- ตั้งแต่ต้นปี : 20.39%
- 6 เดือน : 18.56%
- 3 เดือน : 12.02%
- 1 เดือน : 16.95%
ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 67
สิ่งที่ต้องติดตามและข้อควรระวัง กับการลงทุนหุ้นจีน
ถึงแม้จะมีมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ แต่เศรษฐกิจจีนได้เผชิญปัญหามาอย่างยาวนานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนก็ยังต้องระมัดระวังและติดตามการลงทุนจีนอย่างใกล้ชิด ซึ่งประกอบด้วย
- ปัญหาตลาดอสังหาฯ ซบเซาหนัก
นับตั้งแต่รัฐบาลจีนใช้มาตรการควบคุมตลาดอสังหาฯ ทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯ จำนวนมากมีปัญหาสภาพคล่องไม่สามารถส่งมอบอสังหาฯ ให้ผู้ซื้อ ราคาบ้านจึงตกต่ำ และกระทบถึงความมั่งคั่งของประชาชนจีน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจจีน
ดังนั้นตราบใดที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ โอกาสที่เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวหรือเติบโตแรงในเวลาอันสั้น คงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะประชาชนไม่มีความมั่งคั่งมากพอที่จะใช้จ่ายได้เหมือนเดิม
- ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ
อาจเป็นเพราะโครงสร้างเศรษฐกิจที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นมาก จนคนยุคใหม่ไม่อยากมีลูก และเริ่มกลายเป็นปัญหาเด็กเกิดใหม่ลดลง โดยเมื่อปี 2023 เด็กเกิดใหม่ในจีนลดลงเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตจีนจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจคล้ายยุโรปและญี่ปุ่น
ที่สำคัญพี่ทุยขอฝากไว้ว่าไม่ว่าการลงทุนจะมีข่าวดีสดใสแค่ไหนก็ตาม นักลงทุนทุกคนต้องบริหารสัดส่วนการลงทุนไม่ให้กระจุกตัวมากเกินไป เพราะอาจมีปัจจัยไม่คาดคิดทำให้ข่าวดีหายไป และกลายเป็นข่าวร้ายเข้ามากดดันตลาดได้
อ่านเพิ่ม