เปิดพอร์ตหุ้น ที่ไหนดี ? | ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน EP2

เปิดพอร์ตหุ้น ที่ไหนดี ? | ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน EP2

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • ปัจจัยที่ควรพิจารณาว่าจะเลือก “เปิดพอร์ตหุ้น” ที่ไหน คือ 1. ค่าธรรมเนียม 2. การบริการ 3. รูปแบบการส่งคำสั่ง 4. สไตล์การลงทุน
  • ขั้นตอนการ “เปิดพอร์ตหุ้น” สมัยนี้สะดวกและง่ายกว่าเดิมมาก โดยส่วนใหญ่เราสามารถเปิดพอร์ตผ่านทางออนไลน์ได้แล้ว
  • เอกสารที่ใช้ในการ “เปิดพอร์ตหุ้น” คือ 1. สำเนาบัตรประชาชน 2. สำเนาทะเบียนบ้าน 3. สำเนาหน้า Book Bank 4. ค่าอากรแสตมป์ 30 บาท 5. เอกสารเพิ่มเติมอื่น ๆ ของแต่ละโบรกเกอร์

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

เปิดพอร์ตหุ้น ที่ไหนดี เป็นคำถามที่มีคนถามพี่ทุยเข้ามาเยอะมาก ๆ ซึ่งพี่ทุยจะบอกว่ามันมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ซีรีส์การเงินตอนที่สองของลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วันนี้พี่ทุยจะมาอธิบายให้ฟังกัน

สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 เรื่อง 6 สิ่งที่ต้องรู้ก่อน ลงทุนหุ้น | ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน EP1 คลิกเพื่ออ่านได้เลย

เปิดพอร์ตหุ้น ต้องดูอะไรบ้าง ?

เปิดพอร์ตหุ้น ต้องดูอะไรบ้าง ?

อันดับแรกพี่ทุยแนะนำให้เข้าไปดูก่อนว่าในไทยมี บล. ไหนบ้างใน www.settrade.com พอเข้าที่เว็บไซต์ก็จะเจอหน้าตาแบบนี้ ให้คลิกที่มือใหม่ลงทุน จากนั้นเลือก เปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ และเลือก รายชื่อโบรกเกอร์สมาชิก

1. ค่าธรรมเนียม

เมื่อเลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว ให้ลองเข้าไปดู ความน่าเชื่อถือ นโยบาย และค่าธรรมเนียมของแต่ละโบรกเกอร์ให้ดีก่อน ดูว่าแต่ละโบรกเกอรฺ์มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำมั้ย เรื่องค่าธรรมเนียมขั้นต่ำถือว่ามีความสำคัญกับคนที่ยังมีเงินทุนไม่มาก

ตัวอย่างเช่น

  • โบรกเกอร์ ก คิดค่าธรรมเนียม 0.15% ของมูลค่าการซื้อขาย
  • โบรกเกอร์ ข มีค่าธรรมเนียม 0.15% ของมูลค่าการซื้อขายเหมือนกัน แต่ถ้าวันนั้นมีมูลค่าการซื้อขายไม่เกิน 20,000 บาท จะคิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำที่ 50 บาท

สมมติวันนั้นเรามีมูลค่าการซื้อขาย 10,000 บาท สำหรับโบรกเกอร์ ก เราจะเสียธรรมเนียม 15 บาท แต่โบรกเกอร์ ข มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ เราเลยเสีย 50 บาท ซึ่งมากกว่ามูลค่าที่เราเทรดจริง 

2. การบริการ

เรื่องค่าธรรมเนียมไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่จะตัดสินว่าเราควรเลือกเปิดพอร์ตหุ้น กับที่ไหนดี อีกปัจจัยที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน คือ เรื่องการบริการ การบริการที่เราควรให้ความสำคัญ เช่น 

2.1 นักวิเคราะห์หลักทรัพย์

ในแต่ละโบรกเกอร์จะมีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประจำอยู่ โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จะคอยออกบทวิเคราะห์ (Research Paper) มาให้เราอ่านกัน ซึ่งในบทวิเคราะห์ก็จะมีทั้งการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการวิเคราะห์หุ้น เพราะฉะนั้นนักวิเคราะห์ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกโบรกเกอร์ เพราะถ้าเราได้บทวิเคราะห์ (Research Paper) ที่ดี นักวิเคราะห์ที่เก่ง ก็จะช่วยให้เราตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น

2.2 ผู้แนะนำการลงทุน (Investment Consultant – IC)

IC จะคอยทำให้หน้าที่ดูแลทุก ๆ อย่างให้เรา ตั้งแต่ขั้นตอนการเปิดพอร์ตจนถึงเอาบทวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์มาแนะนำเรา หรือพูดง่าย ๆ IC เหมือนเป็นหูเป็นตาให้กับเรา ดังนั้นถ้าเราได้ IC ที่ดี ก็ทำให้เราสะดวกและลดแรงไปได้เยอะ

2.3 โปรแกรมหรือแอปพลิเคชัน

โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ทางแต่ละโบรกเกอร์มีให้ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเหมือนกันนะ เพราะถ้าโบรกเกอร์ไหนมีโปรแกรมการเทรดหรือ Scan หุ้น ดี ๆ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดให้เราได้

2.4 การนำเงินเข้าออกจากพอร์ต

โบรกเกอร์ไหนที่สามารถฝากถอนเงินได้ง่ายก็จะสะดวกกับเรา เช่น บางโบรกเกอร์มีระบบผูกบัญชีตัดเงินให้เราเลย หรือบางที่ก็สามารถโอนเงินผ่าน Mobile Banking ได้เลย ก็จะทำเราฝากถอนเงินได้สะดวกและรวดเร็ว ซึ่งเรื่องโอนเงินเข้าออกจากพอร์ตพี่ทุยคิดว่ายิ่งสะดวกยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี และทำให้เรามีเวลาไปวิเคราะห์หาหุ้นดี ๆ มาเข้าพอร์ต

อย่างไรก็ตาม ถ้ามีโบรกเกอร์ที่ให้บริการดีมาก มีทั้งบทวิเคราะห์ที่ดีมาให้เราอ่านประจำ มี IC ดูแลเป็นอย่างดี แถมมีโปรแกรมการเทรดแตกต่างจากโบรกเกอร์อื่น การโอนเงินเข้าออกจากพอร์ตก็สะดวกและรวดเร็วมาก ๆ แต่อาจมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ ก็อาจจะคุ้มค่าที่เราต้องเสียค่าธรรมเนียมที่แพงขึ้นหน่อยเหมือนกันนะ

3. รูปแบบการส่งคำสั่ง

รูปแบบการส่งคำสั่ง มีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ (1) เราส่งคำสั่งซื้อขายเองผ่านอินเทอร์เน็ต และ (2) โทรส่งคำสั่งซื้อขายผ่าน IC

ซึ่งพี่ทุยแนะนำว่าสำหรับมือใหม่ควรส่งคำสั่งผ่านอินเทอร์เน็ตจะดีกว่าเพราะค่าธรรมเนียมจะถูกกว่า โดยทั่วไปการส่งคำสั่งผ่านอินเทอร์เน็ตจะมีค่าธรรมเนียมเท่ากับ 0.157% ส่วนการโทรส่งคำสั่งผ่าน IC จะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 0.257%

4. สไตล์การลงทุน

สไตล์การลงทุนก็มีความสำคัญเหมือนกัน สำหรับคนที่เล่นสั้นอาจจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องค่าธรรมเนียมมากเป็นพิเศษ เพราะเราต้องซื้อขายบ่อยครั้ง ส่วนคนที่เล่นแบบถือยาวอาจจะไม่ต้องกังวลกับค่าธรรมเนียมมาก เพราะนาน ๆ ที เราจะซื้อขายครั้งหนึ่ง

สุดท้ายเราก็ต้องเอาข้อมูลทั้งหมดมาชั่งน้ำหนักดูว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องไหน ชั่งน้ำหนักแต่ละปัจจัยดูว่าแบบไหนเหมาะกับเราที่สุด และคนที่จะตอบคำถามที่ว่า “เปิดพอร์ตที่ไหนดี” ได้ดีที่สุด ก็คือตัวเราเองนี่แหละ

แล้ววิธี เปิดพอร์ตหุ้น ต้องทำยังไง ?

การเปิดพอร์ตหุ้น เดี๋ยวนี้ง่ายและสะดวกขึ้นมาก เพราะบางโบรกเกอร์ก็สามารถให้เปิดบัญชีหุ้นแบบออนไลน์ได้แล้ว ถึงแม้บางโบรกเกอร์ยังต้องให้กรอกเอกสารเปิดบัญชีอยู่ แต่ก็มีการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น มีพนักงานวิ่งส่งเอกสารให้เราถึงที่ ทำให้เราไม่ต้องเดินทางไปที่สาขาของโบรกเกอร์ หรือถ้าใครอยู่ต่างจังหวัดก็สามารถพิมพ์เอกสารเปิดบัญชีจากเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ จากนั้นก็เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อมแล้วส่งที่โบรกเกอร์ได้เลย

ส่วนเรื่องของเอกสารว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้าง พี่ทุยแนะนำว่าให้ลองโทรสอบถามโบรกเกอร์ที่เราต้องการเปิดพอร์ตด้วยจะได้รายการเอกสารที่ครบถ้วนที่สุด

เปิดบัญชีกับ LH Securities วันนี้ เรียนฟรีคอร์สเทรดหุ้นออนไลน์

สำหรับใครที่กำลังมองหาที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นอยู่ พี่ทุยแนะนำให้เปิดบัญชีกับทาง LH Securities ผู้สนับสนุนหลักของ ซีรีส์ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน เพราะทั้งสะดวกและให้บริการครบ สามารถจบในที่เดียวได้ ตั้งแต่เปิดบัญชี การสมัครบริการตัดเงินบัญชีอัตโนมัติ ไปจนถึงวางหลักประกัน  LH Securities ก็มีให้บริการ และที่สำคัญคือสามารถทำทุกอย่างผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย สะดวกและง่ายมาก ๆ

และลูกค้า LH Securities ยังสามารถเลือกใช้โปรแกรมได้อย่างหลากหลายตามถนัด

มีให้เลือกทั้ง Settrade Streaming และ efin Trade Plus พร้อมยัง ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านเทคโนโลยี และ Product Know-How อย่างเต็มที่จาก CTBC Holding กลุ่มการเงินชั้นนำของไต้หวัน พร้อมทั้งได้รับความน่าเชื่อถือด้วยอันดับเครดิต AA(tha) จากสถาบัน Fitch Ratings (Thailand) ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย ทันสมัยมีฟังก์ชันให้เราเลือกใช้หลากหลายแน่นอน 

สนใจเปิดบัญชีกับ LH Securities พร้อมดูขั้นตอนแบบละเอียด สามารถทำตามได้แบบ Step by Step คลิกที่นี่เลย

banner LH

ทีนี้หลังจาก “เปิดพอร์ตหุ้น” เสร็จแล้ว ทางโบรกเกอร์ก็จะส่ง Username และ Password และรายละเอียดต่าง ๆ มาให้เราทางอีเมล และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเราก็เริ่มเทรดหุ้นได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง การติดอาวุธให้พร้อมก่อนลุยสนามจริงเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนให้มาก

เปิดพอร์ตกับ LH Securities ตอนนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษกว่าใคร ! เพราะว่าทาง LH Securities เปิดคอร์สออนไลน์ให้ได้เรียนเทรดหุ้นกันแบบฟรี ๆ กับ “คุณเคน – จักรกฤษณ์ กิจการรัฐบุตร, CFP ®” ผู้ร่วมก่อตั้ง Money Buffalo ของเรา ที่จะมาพาจับมือเทรดกันตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 100 โดยจะเน้นที่การวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis) วิเคราะห์กราฟกันแบบมันส์ ๆ พร้อมลุยตลาดจริงกันเลย รับรองว่าจะเห็นภาพตลาดหุ้นมากขึ้นกันอย่างแน่นอน

แล้วหลังจากเรียนเสร็จก็อย่าลืมมาติดตามซีรีส์การเงินจนจบด้วยนะ จะได้เพิ่มเติมความรู้การลงทุนในแง่มุมอื่น ๆ ได้อย่างครบถ้วน

อ่าน EP ต่อไป

ย้อนกลับไปอ่าน EP ก่อนหน้านี้

ติดตามซีรีส์การเงิน “ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน” ตอนอื่น ๆ ได้ที่นี่

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile