ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ ซีรีส์การเงินในตอนแรกของลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน ซึ่งเป็นซีรีส์การเงินที่พี่ทุยจะพาทุกคนมาเรียนรู้ว่า สำหรับมือใหม่ถ้าอยากเล่นหุ้นเป็น ต้องทำยังไงบ้าง รับรองว่าถ้าใครตามจนจบ ลงทุนหุ้น เป็นแน่นอน !
ซึ่งคำถามแรกที่มีคนถามพี่ทุยเข้ามาเยอะมากว่า ถ้าอยากเริ่ม “เล่นหุ้น” ต้องรู้อะไรบ้าง ? ต้องมีอะไรบ้าง ? ทำไมมันดูยากจัง ?
ไม่ต้องกังวลไป พี่ทุยอยู่นี่แล้ว บทความนี้พี่ทุยเลยจะมาเล่าให้ฟังว่าคนที่อยากเริ่มลงทุนในหุ้นควรเตรียมตัวยังไง ? และ ต้องรู้อะไรบ้าง ? เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ สำหรับมือใหม่เลย ไปฟังกัน..
ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าตลาดหุ้นเป็นแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ทำให้หลาย ๆ คนอยากที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่หลาย ๆ คนที่เข้ามายังไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับตลาดหุ้นเลย พี่ทุยเห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะเขียนบทความนี้ขึ้นมาไม่ได้
สิ่งแรกที่เราต้องรู้ก่อนจะเล่นหุ้น คือ
1. รู้จักตัวเองก่อน ลงทุนหุ้น
โดยคำถามง่าย ๆ ที่เราจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนที่จะเริ่ม “เล่นหุ้น” เลย ก็คือ
- เป้าหมายการลงทุนของเรา คืออะไร ?
คนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดก็คือ ตัวเราเองนี่แหละ เราต้องดูว่าเราลงทุนในหุ้นเพื่ออะไร เป้าหมายคืออะไร เช่น ถ้าอยากลงทุนเพื่อเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณ การเลือก ”เล่นหุ้น” ที่ราคาเหวี่ยงมาก ก็อาจจะไม่เหมาะกับเรา อาจจะต้องดูหุ้นที่มีพื้นฐานดี บริษัทมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต แบบนี้ก็จะเหมาะกับเรามากกว่า
การกำหนดเป้าหมายการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่หลาย ๆ คนละเลยไป พี่ทุยอยากให้เรากำหนดเป้าหมายไว้เลย พอเริ่มลงทุนไปจะได้เก็บไว้เตือนสติตัวเองและไม่ไขว้เขวออกจากเป้าหมายของเราไป
- ความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
หลายคนที่อยากเข้ามาในตลาดหุ้นเพราะมองแต่ว่าได้กำไรเยอะ ผลตอบแทนสูง แต่หลาย ๆ คน อาจจะลืมคิดไปว่า ผลตอบแทนที่สูงก็ย่อมมาคู่กับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราควรจะต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าเราสามารถรับความเสี่ยงได้เท่าไหร่
ซึ่งตรงนี้ตอนที่เราไปเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นทางโบรกเกอร์เขาก็จะมีแบบประเมินความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงให้เราทำอยู่แล้ว
พอเราเริ่มรู้จักตัวเองกันแล้วสิ่งต่อไปที่เราควรรู้ คือ “หุ้น”
2. หุ้นคืออะไร ?
หุ้น คือ สิทธิในความเป็นเจ้าของกิจการ หมายความว่า ยิ่งมีหุ้นมากเท่าไหร่ เราก็สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของมากเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น เราลงเงินกับเพื่อนคนละครึ่ง เพื่อเปิดร้านอาหาร เท่ากับว่าเรามีสิทธิ์ในร้านอาหารนี้ครึ่งหนึ่ง พอได้ผลกำไรมาเราก็จะเอามาแบ่งกันเพื่อนคนละครึ่ง แต่ข้อแตกต่างของการซื้อหุ้นกับการเปิดกิจการเอง คือ การซื้อหุ้นเราแค่ดูว่ากิจการนั้น ๆ ดีมั้ย มีกำไรมากน้อยแค่ไหน มีอนาคตหรือเปล่า แต่ไม่ต้องลงแรงทำเอง ซึ่งถ้าเราเปิดกิจการเอง นอกจากเงินทุนแล้วเรายังต้องลงแรงเองด้วย
อ่านเพิ่ม
3. ตลาดหุ้นคืออะไร ?
ตลาดหุ้น คือ แหล่งที่ทำให้ผู้ที่ต้องการเงินทุน คือ “บริษัท” กับ ผู้ที่มีเงินทุนเหลือ คือ “นักลงทุน” มาเจอกัน ซึ่งตลาดหุ้นไทยจะมีชื่อว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ซึ่งปัจจุบันมีหุ้นสามัญอยู่ทั้งหมด 638 ตัว และ ตลาดหุ้นไทยยังสามารถแบ่งตามมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capital) และสภาพคล่องในการซื้อขายได้หลัก ๆ อีก 2 กลุ่ม คือ
- SET50 คือ หุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capital) และสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 50 อันดับแรก
- SET100 คือ หุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capital) และสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 100 อันดับแรก
สำหรับมือใหม่พี่ทุยแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่ใน SET50 เป็นหลักก่อน เพราะหุ้นในกลุ่มนี้เพราะเป็นหุ้นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง
โดยเวลา เปิด – ปิด ของตลาดหลัดหลักทรัพย์ไทย แบ่งเป็นสองช่วง คือ
- ช่วงเช้า เปิดระหว่าง 09.55-10.00 น. ถึง 12.30 น.
- ช่วงบ่าย เปิดระหว่าง 14.25-14.30 น. ถึง 16.35-16.40 น.
4. ผลตอบแทนจากการ ลงทุนหุ้น มีกี่แบบ
ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นมีอยู่ 2 แบบ ด้วยกัน คือ
- กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain)
คือ ซื้อถูกไปขายแพงนั่นเอง
ตัวอย่างเช่น เราซื้อหุ้น A มาที่ราคา 10 บาท จำนวน 100 หุ้น และขายไปที่ ราคา 12 บาท เท่ากับเรากำไร 200 บาท หรือ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ได้เท่ากับ (12-10)/10*100 = 20%
- กำไรจากเงินปันผล (DIvidend Yield)
ถ้ากิจการที่เราลงทุนไป มีผลประกอบการดี บริษัทก็อาจจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้เราได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท
ตัวอย่างเช่น เราซื้อหุ้น A มาที่ราคา 10 บาท จำนวน 100 หุ้น และ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 1 บาทต่อหุ้น เท่ากับเราได้กำไรจากเงินปันผลมา 100 บาท หรือ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ (1/10)*100 = 10%
เพราะฉะนั้น ผลตอบแทนทั้งหมดจากการลงทุนในหุ้นมาจากส่วนต่างราคาและเงินปันผล จากตัวอย่างที่พี่ทุยยกมา เราก็จะได้กำไรรวม 200 + 100 เท่ากับ 300 บาท จากทุน 1,000 บาท ซึ่งเท่ากับ 30%
5. จะเล่นหุ้นได้ต้องมีพอร์ตหุ้น
ก่อนที่เราจะเริ่มเล่นหุ้นได้เราต้องมีพอร์ตหุ้นก่อน โดยสามารถไปเปิดพอร์ตหุ้นได้ที่ บล. ต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยสามารถไปดูข้อมูลได้ที่ www.settrade.com ซึ่งพอร์ตหุ้นโดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 แบบ ด้วยกัน คือ
- บัญชี Cash Account
เป็นบัญชีที่เราวางเงินไว้ในพอร์ตแค่ 20% ก็สามารถซื้อหุ้นได้แล้ว แต่ต้องนำเงินมาชำระภายใน 2 วันทำการหลังจากซื้อหุ้น (T+2) ข้อดีบัญชีแบบ Cash Account คือ เราไม่ต้องนำเงินทั้งหมดมาทิ้งไว้ในพอร์ต สามารถนำเงินก้อนนี้ไปใช้อย่างอื่นก่อนได้ แต่ยังไงก็ต้องจ่ายภายใน 2 วันทำการ ไม่อย่างงั้นจะโดนค่าปรับได้นะ
- บัญชี Cash Balance
เป็นบัญชีที่เราต้องนำเงินฝากเข้าใปในพอร์ตก่อนถึงจะทำการซื้อขายหุ้นได้ เราโอนเงินเข้าไปเท่าไหร่ก็สามารถเทรดได้เท่านั้น ข้อดีของบัญชีแบบ Cash Balance คือ การสร้างวินัยให้ตัวเอง ไม่ทำให้เราเล่นหุ้นจนเกินตัว เพราะมีเงินเท่าไหร่เราก็เล่นได้เท่านั้น แถมยังได้ดอกเบี้ยอีกด้วย สำหรับมือใหม่พี่ทุยแนะนำให้ใช้บัญชีแบบ Cash Balance นี่แหละเหมาะที่สุดแล้ว
- บัญชี Credit Balance
เป็นบัญชีที่เราสามารถกู้เงินจากโบรกเกอร์ได้ ไม่ต้องใช้เงินของเราเองทั้งหมด โดยแต่ละโบรกเกอร์จะกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำที่เราต้องวางเป็นหลักประกันในการกู้ยืม แต่โบรกเกอร์เขาไม่ได้ให้เรากู้ฟรี ๆ นะ เขาจะคิดดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นอยู่ พี่ทุยแนะนำให้เปิดบัญชีกับทาง LH Securities ผู้สนับสนุนหลักของ ซีรีส์การเงิน ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน
เพราะทั้งสะดวก และให้บริการครบ สามารถจบในที่เดียวได้ ตั้งแต่เปิดบัญชี การสมัครบริการตัดเงินบัญชีอัตโนมัติ ไปจนถึงวางหลักประกัน LH Securities ก็มีให้บริการ และที่สำคัญคือสามารถทำทุกอย่างผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย สะดวกและง่ายมาก ๆ
สนใจเปิดบัญชีกับ LH Securities พร้อมดูขั้นตอนแบบละเอียด สามารถทำตามได้แบบ Step by Step ได้ คลิกที่นี่เลย
พิเศษ ! เปิดพอร์ตกับทาง LH Securities ตอนนี้ รับสิทธิ์เข้าเรียนคอร์สเทรดหุ้นออนไลน์กันแบบฟรี ๆ กับ “คุณเคน – จักรกฤษณ์ กิจการรัฐบุตร, CFP®” ผู้ร่วมก่อตั้ง Money Buffalo ของเรา ที่จะมาพาจับมือเทรดกันตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 100 ให้ โดยจะเน้นที่การวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis) วิเคราะห์กราฟกันแบบมันส์ ๆ พร้อมลุยตลาดจริงกันเลย
6. ต้องรู้จักชื่อหุ้น
ก่อนที่เราจะซื้อขายหุ้น เราควรจะรู้จะชื่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก่อน เพราะบางทีชื่อบริษัทที่เรารู้จักอาจจะใช้ชื่อหนึ่ง แต่ในตลาดหุ้นกลับไม่ได้ใช้ชื่อนั้น
ตัวอย่างเช่น สุกี้ MK ที่เราชอบกินกัน ถ้าเราไปหาชื่อนี้ในตลาดหุ้นอาจทำให้เราซื้อหุ้นผิดตัวได้ เพราะ MK ในตลาดหุ้น เป็นชื่อหุ้นของ บริษัท มั่นคงเคหะการ ส่วนบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป ใช้ชื่อหุ้น M โดยเราสามารถไปหาชื่อหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ได้ที่ www.set.or.th
จากนั้น ไปที่ “ค้นหาชื่อย่อ” แล้วกดรูปแว่นขยายได้เลย หลังจากนั้นก็จะเจอหน้านี้ เราก็สามารถไล่ดูได้เลยว่า บริษัทไหนใช้ชื่อหุ้นว่าอะไร และข้างหลังชื่อบริษัทจะบอกเราด้วยว่า บริษัทนั้นอยู่ในตลาดอะไร ตัวอย่างเช่น ห้างค้าส่งแม็คโคร จะใช้ชื่อหุ้นว่า MAKRO แล้วกด “ค้นหา”
หรือ ถ้าเราเห็นชื่อหุ้นตัวไหนผ่านตา ก็เอามาให้ในนี้ได้เหมือนกัน เช่น CPALL ก็จะขึ้นชื่อและรายละเอียดของบริษัทมาให้เรา ในตอนนี้เราก็ได้รู้แล้วว่าถ้าเราจะเริ่มลงทุนใน “หุ้น” เราต้องรู้อะไรบ้าง ซีรีส์ในตอนต่อไปพี่ทุยจะมาพูดถึงเรื่อง เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหนดีแบบเจาะลึกกันเลย ฝากติดตามกันด้วยนะ
อ่าน EP ต่อไป
ติดตามซีรีส์การเงิน “ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน” ตอนอื่น ๆ ได้ที่นี่