เทรนด์ของคริปโต ปี 2565

เทรนด์ของคริปโต ปี 2565

6 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • Game Play to Earn แนวเกมที่ได้รับทั้งความบันเทิงและสร้างรายได้ผ่านการขาย NFT 
  • คริปโตมีความได้เปรียบในสภาวะเงินเฟ้อ แต่เสียเปรียบหากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • Ethereum 2.0 อนาคตใหม่ของ Blockchain Platform ที่มีมูลค่าตามที่ตลาดคาดการณ์สูงถึง 7,952 ดอลลาร์
  • การลงทุนในปี 2565 นักวิเคราะห์แนะนำว่าควรลงทุนใน 4 ส่วน ดังต่อไปนี้ Bitcoin, Smart Contract , Crypto Exchange และ De-Fi

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ในปี 2564 คริปโตได้รับความสนใจจำนวนมาก จากทั้งนักลงทุนระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่ ที่หวังจะลงทุนในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ได้ผลตอบแทนที่สูง ด้วยการเข้ามาเทรดในตลาดคริปโต บางคนจึงตั้งใจว่าปี 2565 จะลองเข้ามาลงทุนดู วันนี้พี่ทุยเลยสรุป “เทรนด์ของคริปโต ปี 2565” ว่าคริปโตจะวิ่งไปทางไหน จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องหรือไม่ หรือว่าเทรนด์ไหนที่มีความน่าสนใจ

จากจำนวนนักลงทุนที่มากขึ้นทำให้ปริมาณเงินหมุนเวียนในตลาดของคริปโตนั้นสูงขึ้นไปด้วย มูลค่าตลาดปี 2564 สูงถึง 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมูลค่าตลาดที่สูงที่สุดที่เคยเกิดขึ้น 

รวมไปถึงสกุลเงินคริปโตยังได้รับการยอมรับจากภาครัฐในหลายประเทศ อีกทั้งสถาบันการเงินรายใหญ่ของโลกก็เข้ามาร่วมวงเพิ่มขึ้นมาก หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบการเองที่ยอมนำคริปโตมาใช้ชำระสินค้าหรือบริการแทนเงินสดได้ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดคริปโตถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในปี 2564 ที่ผ่านมา 

Game Play to Earn – เล่นเกมแล้วได้คริปโตเป็นผลตอบแทน

ปี 2564  “Game Play to Earn หรือ Game-Fi” ก็ยังคงได้รับความนิยมกันต่อเนื่อง เพราะมีแนวเกมที่ผู้เล่นสามารถได้รับทั้งความบันเทิง และสร้างรายได้ไปพร้อม ๆ กัน จึงเป็นสาเหตุที่ดึงดูดผู้เล่นที่สนใจให้เข้ามาเล่นและหารายได้ให้กับตัวเองเป็นจำนวนมาก 

ไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้เล่น แต่กลับยังดึงดูดนักลงทุน และนักพัฒนาเกมรายใหญ่เข้ามาในอุตสาหกรรมเกมมากขึ้น ทั้งผู้เล่นที่ต้องการสร้างรายได้ และผู้พัฒนาที่ต้องการให้อุตสาหกรรมเกมเติบโต และคาดหวังว่าอนาคตอุตสาหกรรมเกมจะเติบโตไปเรื่อย ๆ 

ตัวอย่างของเกมที่ถูกจัดเป็น E-Sport ที่มีรายการแข่งขันสร้างรายได้ให้กับผู้เล่นและทีม อีกทั้งยังมีเงินหมุนเวียนในวงการถึงหลักสิบล้านบาท รวมไปถึงยังเกิดการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับโลก นั่นคือ Arena of Value หรือ ROV นั่นเอง

การเล่นเกมอยู่ในกระแสของสังคมทั่วโลกมาอย่างยาวนาน และในปัจจุบันก็ยังคงได้รับความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่เดิมการเล่นเกมส์ผู้เล่นต้องเติมเกมเพื่อซื้อ Options ต่าง ๆ เช่น ไอเท็มเสริม เป็นต้น เพื่อที่จะทำให้ผู้เล่นได้รับความบันเทิงมากขึ้น (Fill to Play) แต่ปัจจุบันเกมถูกพัฒนาให้สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้เล่น ซึ่งผู้เล่นสามารถสร้างผลงานจากการเล่นเกมแล้วนำไปประมูลขายเป็นผลงาน NFT ได้บนแพลต์ฟอร์มการซื้อขาย ซึ่งรายได้ตรงนั้นอยู่ในรูปแบบคริปโตสกุลต่าง ๆ เช่น  ETH ซึ่งเป็นที่นิยมในวงการ NFT

อ่านเพิ่ม

Game Fi หรือ Game Play to Earn ที่น่าสนใจ ที่เราคุ้นเคยกันอย่างดี คงหนีไม่พ้น “Axie Infinity (AXS)” ที่ได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก Pokémon ซึ่งตัวละคร, ที่ดิน และไอเทมของเกม เป็นผลงานที่สามารถนำไปขายบน NFT Marketplace ได้ 

สำหรับผู้เล่นที่มีเหรียญ AXS สามารถนำไปฝากไว้กับแพลต์ฟอร์มของเกมเพื่อรับผลตอบแทนเป็นเหรียญ AXS ได้อีก ซึ่งเรียกว่า Staking พี่ทุยมองว่า Axie Infinity นั้นสามารถสร้างรายได้ถึงสองต่อ โดยรายได้ต่อที่หนึ่งมาจากการขายผลงาน ส่วนรายได้ต่อที่สองมาจากการ Staking เหรียญ AXS ไว้ที่แพลตฟอร์มนั่นเอง

เกม AXS

ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าใจการเทรดหรือการเก็งกำไรในตลาดแลกเปลี่ยนได้ทั้งหมด ฉะนั้น GameFi และ Game Play to Earn ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ที่เปิดโอกาสให้สามารถสร้างรายได้จากการซื้อขายงาน NFT ในแบบฉบับของผู้เล่นเกมเอง ซึ่งได้รับผลตอบแทนในรูปแบบเป็นคริปโต สำหรับการสร้างรายได้แบบนี้นับว่ามีความเสี่ยงน้อยเมื่อเทียบกับการเทรดคริปโตเพื่อเก็งกำไรบนกระดานเทรด แต่ขึ้นชื่อว่าการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ผู้ที่สนใจลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน

ในบรรดา GameFi หรือ Game Play to Earn ที่ถูกสร้างขึ้น Axie Infinity เป็นอีกหนึ่งเกมที่ยังคงอยู่ในเทรนด์ และมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งในปี 2565 Axie Infinity มีผู้เล่นมากกว่า 3 ล้านคน และ เดือน ก.พ. 2565 มูลค่าของ AXS อยู่ที่ 63 ดอลลาร์เลยทีเดียว

แต่พี่ทุยก็อยากจะบอกว่าระบบ GameFi ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแชร์ลูกโซ่ หรือ Ponzi Scheme เพราะ ด้วยระบบของเกมที่อาศัยผู้เล่นรายใหม่ เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนและจ่ายให้กับผู้เล่นเก่า ทำให้เมื่อภาพรวมตลาดคริปโตที่เข้าสู่สภาวะหมี เมื่อต้นปี 2565 ทำให้ Game Play to Earn ปิดตัวลงไปหลายเกม เนื่องจากไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามามากพอที่จะหมุนระบบเหรียญได้ 

ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพของคำว่า “แชร์ลูกโซ่” อย่างเช่น Axie Infinity กล่าวคือ การที่เราได้รับขวด SLP มา แล้วนำไปขาย ผู้ที่ซื้อ ก็ต้องเป็นคนที่จะ Breed เพื่อสร้าง Axie ตัวใหม่ แล้ว Axie ที่เกิดมา ก็เอาไปวางขายให้ผู้เล่นที่เข้าใหม่ หมุนเวียนเป็นทอด ๆ แบบนี้ เพราะยังคงไม่มีเกมไหนที่จะสร้างรายได้จากภายนอกเกมเพื่อนำเข้าระบบอย่างเห็นได้ชัด

ฉะนั้น ใครที่อยากเข้ามาในวงการนี้ พี่ทุยก็อยากให้ทุกคนเช็คข้อมูลของผู้พัฒนาเกม ศึกษาระบบเกมให้ถี่ถ้วนว่าเป็นอย่างไร เพราะ ถ้าใครลุกช้า ก็จ่ายรอบวงไปตามระเบียบนั่นเอง

อนาคตของ Bitcoin ในสภาวะอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น

ในปี 2565 “การขึ้นอัตราดอกเบี้ย” ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED เพื่อยับยั้งปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้น มีผลกระทบโดยตรงต่อ “มูลค่าของ Bitcoin” 

โดยจากประมาณการการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Dot Plot) ล่าสุด คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 5 ครั้งในปี 2565 แต่ด้วยสถานการณ์ความไม่แน่นอนของรัสเซีย-ยูเครน อาจจะทำให้ FED เปลี่ยนแปลงจำนวนครั้งของการปรับอัตราดอกเบี้ยได้ตามตัวเลขเงินเฟ้อที่ถูกกดดันจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันดิบโลก หรือการชะงักงันของปัญหาห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น

คุณณพวีร์ พุกกะมาน มองว่าหากสภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างช้า ๆ และ FED ยังไม่ประกาศขึ้นดอกเบี้ย อาจเกิดแรงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในคริปโต โดยเฉพาะ Bitcoin เพื่อที่จะเอาชนะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าของ Bitcoin เพิ่มสูงขึ้นและเกิดการเก็งกำไรใน Bitcoin เพื่อหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินในสภาวะเงินเฟ้อสูง

แต่หากสภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ไม่ได้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมกับ FED ไม่มีการประกาศขึ้นดอกเบี้ย นักลงทุนจะกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่น เพราะ ผลตอบแทนสินทรัพย์อื่นใกล้เคียงกัน Bitcoin และอาจจะมีบ้างที่มาลงทุน Bitcoin เพราะให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าของ Bitcoin เพิ่มขึ้นได้อย่างช้า ๆ

และสุดท้ายหากสภาวะเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และ FED ตัดสินใจประกาศขึ้นดอกเบี้ย อาจจะส่งผลให้นักลงทุนขาย Bitcoin เพื่อนำเงินเข้าระบบธนาคารมากขึ้น เพราะการประกาศขึ้นดอกเบี้ยทำให้ได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจและมีความเสี่ยงน้อยเมื่อเทียบกับ Bitcoin ซึ่งตรงนี้อาจทำให้มูลค่าของ Bitcoin ลดลง 

สำหรับแนวทางการลงทุนเก็งกำไรใน Bitcoin พี่ทุยมองว่าอาจจะสามารถเก็งกำไรได้ในระยะสั้น ๆ ตามช่วงเวลาที่ FED มีการประกาศอัตราดอกเบี้ยในแต่ละรอบ แต่จะต้องทำการบ้าน อย่างเช่น วิเคราะห์ หรือ ติดตามสภาวะการเงินของโลก เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนนั่นเอง

โดยในเดือน ม.ค. 2565 FED ได้มีการส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่นอน แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันในเรื่องรัสเซียและยูเครน อาจเป็นเหตุให้ FED เปลี่ยนแปลงทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยได้ ดังนั้น นักลงทุนควรจับตาดูการประชุมนโยบายการเงินของ FED อย่างใกล้ชิด  

คาดการณ์มูลค่า Ethereum หาก Ethereum 2.0 พัฒนาได้สำเร็จ

“Ethereum (ETH)” คือ Smart Contract ซึ่งอยู่ใน Blockchain เป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการจะพัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ (DApp) 

เมื่อ Ethereum 2.0 พัฒนาได้สำเร็จ นักพัฒนาจะสามารถสร้างแอปพลิเคชันหรือโปรเจกต์ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม พร้อมกับมีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ ETH เพิ่มมากขึ้น แต่ในทางกลับกันหากไม่เป็นอย่างที่ตลาดคาดหวังไว้ ความเชื่อมั่นต่อ ETH ของตลาดก็มีแนวโน้มที่จะลดลงได้

มีการคาดการณ์มูลค่าของ ETH ในปี 2565 เมื่อสามารถอัปเกรด Ethereum 2.0 ได้สำเร็จ จากเว็บไซต์การลงทุนต่าง ๆ ดังนี้ เช่น Walletinvestor.com และ Coinforceast.com คาดการณ์มูลค่าสูงสุดที่เกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. 2565 อยู่ที่ 5,949 และ 7,952 ดอลลาร์ ตามลำดับ 

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมองตามความเห็นของพี่ทุย มองว่ามูลค่าคาดการณ์ของ ETH ในปี 2565 ที่ 5,949 ดอลลาร์ และ 7,952 ดอลลาร์ เป็นเป้าหมายที่อาจจะสามารถเป็นไปได้ทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หากดูจากต้นปี 2564 ETH มีมูลค่าอยู่ที่ 736.42 ดอลลาร์ และทำมูลค่าสูงสุดของปี 2564 ที่ 4,868 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นประมาณ 582% ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี นั่นอาจจะส่งผลให้การเติบโตของมูลค่าเหรียญในปีต่อ ๆ ไปจะยากขึ้น หรือทำให้เติบโตได้น้อยกว่าปีแรกที่พุ่งขึ้นมา 

แต่ก็ต้องดูเรื่องการอัปเกรดว่ามีความน่าสนใจ และแก้ไขปัญหาตามที่ตลาดคาดหวังได้หรือไม่ รวมไปถึงต้องติดตามเศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วยว่าในสถานการณ์ที่มีปัญหารุมเร้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการชะงักของห่วงโซ่อุปทาน, สภาวะเงินเฟ้อ และความเสี่ยงของการเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เศรษฐกิจโลกจะมีการเติบโตเทียบกับปี 2564 มากน้อยขนาดไหน และจะมีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตอย่างต่อเนื่องอีกหรือเปล่า เป็นต้น 

การจัดพอร์ตของ “เทรนด์ของคริปโต ปี 2565”

Forbes รายงานว่าเดือน ม.ค. ปี 2565 ตลาดคริปโตมีมูลค่าลดลง โดย Bitcoin มีมูลค่าลดลงไปอยู่ที่ 33,000 ดอลลาร์ ส่วน Ethereum มูลค่าลดลงไปอยู่ที่ 2,400 ดอลลาร์ และคริปโตอื่น ๆ ใน 10 อันดับแรกก็มีมูลค่าลดลงเช่นเดียวกัน การที่คริปโตมีมูลค่าลดลงตั้งแต่ต้นปีนั้น นักวิเคราะห์คาดว่าเกิดจากการเทขายเพื่อทำกำไร หลังจากที่ Bitcoin ทำ All Time High ในปี 2564 ที่ผ่านมา 

นักวิเคราะห์แนะนำว่าสินทรัพย์ชนิดแรกที่ควรมีติดพอร์ตในสภาวะที่ตลาดมีความผันผวนตั้งแต่ต้นปี คือ “Bitcoin” เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก และปี 2564 ที่ผ่านมาก็ทำ All Time High ที่ 69,000 ดอลลาร์ไปแล้ว และหากจะเทียบราคาจากต้นปี ถึงปลายปี 2564 ก็ให้ผลตอบแทนสูงถึง 59.40%

แต่ในเดือน ม.ค. 2565 กลับพบว่า Bitcoin มีมูลค่าลดลงถึง 33,000 ดอลลาร์ และยังคง Sideway อยู่ในกรอบ 32,500 – 45,800 ดอลลาร์ ซึ่งนักลงทุนและนักวิเคราะห์บางส่วนก็มีความเห็นตรงกันว่า การปรับตัวครั้งนี้ของ Bitcoin คือ การปรับฐานที่เกิดจากการเทขายหลังจากที่ราคาพุ่งไปทำมูลค่าสูงสุดของปี 2564

เทรนด์ของคริปโต ปี 2565

ซึ่งคล้ายกับปี 2564 ที่มูลค่าของ Bitcoin พุ่งสูงสุดในเดือน เม.ย. 2564 แล้วถูกเทขายปรับตัวย่อลงมาในเดือน มิ.ย. 2564 จากนั้นก็เด้งตัวกลับพร้อมกับปรับตัวอีกครั้งในเดือน ก.ย. และพุ่งทำ All Time High ในเดือน พ.ย. 2564 พร้อมกับถูกแรงเทขายย่อลงมาปรับฐานใหม่ในเดือน ม.ค. 2565 ซึ่งจะเห็นได้ว่า Bitcoin จะมีการปรับตัวลดลง หากมีการทำจุดสูงสุดใหม่ในแต่ละรอบ

สัดส่วนที่ 2 นักลงทุนยังคงแนะนำเหรียญคริปโตของกระดานเทรดอย่าง “Binance (BNB)” กระดานเทรดที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2,000 ล้านดอลลาร์ต่อวัน 

หรือคริปโตจากกระดานเทรดที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของไทยอย่าง “Bitkub (KUB)” มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 20 ล้านดอลลาร์ต่อวัน และสิ้นเดือน ม.ค. 2565 KUB สามารถครองสัดส่วนการซื้อขายในไทยมากที่สุดถึง 19% มากกว่าเหรียญอย่าง Bitcoin และ Tether

พี่ทุยคิดว่าเหรียญคริปโตที่มีโปรเจกต์เกี่ยวข้องกับกระดานเทรดมีความน่าสนใจที่จะเก็บลงพอร์ต เพราะเป็นเหรียญที่มีรูปแบบของระบบการใช้งานที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งก็คือเป็นกระดานเทรดนั่นเอง หากกระดานเทรดใดมีรายได้ที่ดี ได้รับความเชื่อมั่น และเป็นที่นิยมของนักลงทุน ย่อมส่งผลให้เหรียญจากกระดานเทรดนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สัดส่วนที่ 3 นักลงทุนแนะนำว่าในพอร์ตควรจะมีเหรียญที่เกี่ยวข้องกับโปรกเจกต์ “Smart Contract” ไว้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น Ethereum ที่เปรียบเหมือนซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่สำหรับพัฒนาโปรเจกต์ต่าง ๆ และทำให้เกิดเหรียญ หรือ โทเค็นชนิดอื่น ๆ มากมาย 

สำหรับมูลค่าตลาดของ Ethereum นั้น สูงเป็นอันดับ 2 รองจาก Bitcoin เท่านั้น ในแง่ผลตอบแทนปี 2021 ของ ETH ให้ผลตอบแทนสูงถึง 400% ซึ่งในปัจจุบันยังคงอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา Ethereum 2.0 และหากพัฒนาสำเร็จคงจะดึงดูดนักพัฒนาและนักลงทุนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งนี่ถือเป็นจุดแข็งและโอกาสเติบโตของ ETH อย่างชัดเจน 

นอกจากนี้ Solana (SOL) และ Cardano (ADA) ยังเป็นเหรียญ Smart Contract ที่น่าสนใจไม่แพ้ ETH ในแง่ของผลตอบแทนตลอดปี 2564 SOL ให้ผลตอบแทนสูงถึง 11,240.23% ส่วน ADA ให้ผลตอบแทนสูงถึง 622% 

และสัดส่วนสุดท้ายในพอร์ตที่ควรจะมี คือ เหรียญคริปโตประเภท “De-Fi” หรือ Decentralized Finance ซึ่ง Maker (MKR) เป็น De-Fi โปรเจกต์หนึ่งที่มีความน่าสนใจ เพราะ ถูกพัฒนาบน Ethereum Blockchain สำหรับการกู้ยืมเงินดิจิทัล มีมูลค่าในเดือน ม.ค. 2564 อยู่ที่ 582 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้นเป็น 2,176 ดอลลาร์ ในเดือน ม.ค. 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.5 เท่า และ Curve Finance (CRV) De-Fi ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมทางการเงินเหมือนกัน 

การซื้อ, การขาย, การแลกเปลี่ยน และค่าธรรมเนียมของ Maker (MKR) เป็นต้นแบบสำหรับ Curve Finance (CRV) จึงทำให้ De-Fi ทั้งสองมีความน่าสนใจ เพราะ มูลค่าของเหรียญไม่ได้เกิดขึ้นจากการเก็งกำไร หรือ การซื้อขายเพียงเท่านั้น แต่ยังมีรายได้ที่เกิดขึ้นจากการให้บริการธุรกรรมทางการเงินในระบบแบบไร้ตัวกลางอีกด้วย และถ้าหากมีรายได้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วนั้น มูลค่าของเหรียญคริปโตประเภทนี้ ก็อาจจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน

การจัดพอร์ตต้องไม่ลืมการกระจายความเสี่ยง

สำหรับแนวทางการจัดพอร์ตในปี 2565 ที่พี่ทุยนำมาเล่าให้ฟังนั้น พี่ทุยขอแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า “นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลในกรอบของการจัดพอร์ตข้างต้น” และเน้นการค้นหาเหรียญคริปโตที่มีการปรับตัวลงไม่มาก เมื่อเทียบกับตลาดหรือ Bitcoin 

รวมไปถึงอาจจะเลือกดูคริปโตที่สวนทางกับตลาดหรือ Bitcoin เพราะ คริปโตเหล่านี้มักจะแข็งแกร่ง และยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสในคริปโตนั้น ๆ และอาจจะศึกษาคริปโตที่มีการปรับตัวลงไป แต่ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะหากตลาดเป็นเทรนด์ขาขึ้น คริปโตที่ปรับตัวขึ้นก่อนมักจะได้เปรียบเสมอนั่นเอง

สรุปว่าแนวทางการจัดพอร์ตในปี 2565 เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความคาดหวังการเติบโตของพอร์ต ควรกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในคริปโต “โปรเจกต์หลากหลายแบบ” ซึ่งอาจจะเน้นคริปโตที่มีความผันผวนต่ำ โปรเจกต์มีการพัฒนาอยู่เสมอ และมีระบบ หรือ Ecosystem ที่เติบโตอย่างมั่นคงในระดับหนึ่งแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนระยะยาว

แต่สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในการลงทุนคริปโตที่อยู่ในกระแส หรือคริปโตที่ให้ผลตอบแทนสูง ก็มีความน่าสนใจ แต่อย่าลืมว่าการที่สินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนสูง ก็ตามมาด้วยความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นที่สูงเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นนักลงทุนควรศึกษาข้อมูล ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง รวมถึงควรเตรียมแผนในการลงทุนที่ดีและเหมาะสม เพื่อลดหรือกระจายความเสี่ยงที่อาจจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อนั่นเอง

สรุป “เทรนด์ของคริปโต ปี 2565”

โดยสรุปเทรนด์การลงทุนคริปโตในปี 2565 เป็นปีที่มีความผันผวนตั้งแต่ต้นปี เกม Play to Earn หรือ Game-Fi และ NFT ยังคงเป็นทางเลือกที่ดี หากต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความผันผวนของเหรียญที่มีการเก็งกำไรสูง

รวมไปถึงการลงทุนใน Bitcoin ก็ยังคงน่าสนใจ เพราะ ในสภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี 

แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED นั้นก็ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของ Bitcoin จึงต้องคอยจับตาดูทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของ FED อย่าใกล้ชิด รวมไปถึงในอนาคต หาก Ethereum 2.0 พัฒนาได้สำเร็จ และเป็นที่น่าพอใจแก่นักพัฒนาบน Blockchain Platform เหล่าเว็บไซต์การลงทุนต่างก็คาดการณ์ว่าราคาของ ETH อาจไปถึง 7,952 ดอลลาร์ ทั้งนี้ทั้งนั้นหาก Bitcoin และ ETH มีสัญญาณที่ดี เหรียญอื่น ๆ ก็จะมีสัญญาณดีตามไปด้วย เพราะ Bitcoin และ Ethereum ต่างก็ยังคงเป็นดัชนีหลัก ที่คอยเป็นเหรียญนำเทรนด์ให้กับคริปโตอื่น ๆ 

ส่วนแนวทางการจัดพอร์ตการลงทุนนักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนในคริปโตเป็น 4 ส่วนเพื่อลดความเสี่ยง โดยแนะนำ 1.Bitcoin เป็นหลักเพราะเป็น Digital Asset ที่ครองมูลค่าตลาดมากที่สุด 2. ธีมกระดานเทรดอย่าง BNB หรือ KUB 3. ธีม Smart Contract มี ETH, SOL และ ADA 4. De-Fi มี MKR และ CRV ที่น่าสนใจนั่นเอง

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile