5 กระดานเทรดคริปโต ที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง

5 กระดานเทรดคริปโต ที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง ?

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • กระดานเทรดต่างประเทศก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเทรดที่ต้องการทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนและเก็งกำไร
  • ส่วนมากแล้ว จุดเด่นของกระดานเทรดต่างประเทศก็จะหนีไม่พ้นฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น Options Futures และการ Stake เหรียญเพื่อรับ Passive income
  • นักลงทุนควรศึกษาให้ดีและยอมรับความเสี่ยงให้ได้ เพราะกระดานเทรดต่างประเทศจะไม่ได้รับการรับรองทาง ก.ล.ต. ของไทย

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนใน Cryptocurrency การเลือก “กระดานเทรดคริปโต” ที่เหมาะกับตัวเองก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ 

นอกจากกระดานเทรดในไทยที่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ก็ยังมีกระดานเทรดของต่างประเทศที่แม้จะไม่ได้รับการรับรองในไทย แต่ก็มีฟังก์ชันที่โดดเด่นและเพิ่มช่องทางในการหารายได้จากตลาดคริปโต นอกเหนือจากการทำกำไรจาก Capital Gain หรือกำไรจากส่วนต่างราคา เมื่อทำการซื้อและขายสินทรัพย์

กระดานเทรดไหนโดเด่นอย่างไร พี่ทุยจะสรุปให้ชัด จัดเต็มกันไปเลย 

5 กระดานเทรดคริปโต ที่น่าสนใจ

eToro

eToro

กระดานเทรดคริปโตแรกที่พี่ทุยจะแนะนำก็คือ eToro แรกเริ่มนั้น eToro เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการลงทุนในหุ้น กองทุนและทรัพย์สินต่าง ๆ ทั่วโลก มีสำนักงานจดทะเบียนในไซปรัส อิสราเอล สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และออสเตรเลีย และต่อมาก็เริ่มมีการเปิดให้แลกเปลี่ยนซื้อขายคริปโตสกุลเงินหลัก ๆ อย่าง Bitcoin, Ethereum หรือ Litecoin ปัจจุบัน eToro มีคริปโตให้เลือกซื้อขายมากกว่า 40 เหรียญ นอกจากนั้น ยังมีฟังก์ชัน Futures และเล่น Leverage ได้อีกด้วย  

ข้อสังเกตของ eToro ก็คือเป็นการซื้อขายแบบ CFD (Contract for Difference) หรือก็คือสัญญาซื้อขายส่วนต่าง CFD เป็นตราสารอนุพันธ์รูปแบบหนึ่งที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรจากส่วนต่างของราคาเปิดและราคาปิดของสินทรัพย์อ้างอิงโดยไม่ต้องทำการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงนั้นจริง หมายความว่า หากเราซื้อขายสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตามบนแพลตฟอร์ม eToro ก็หมายความว่าเราไม่ได้ถือสินทรัพย์นั้นจริงๆ แต่จะถือแค่สัญญากับโบรกเกอร์เท่านั้น การ Stake เหรียญคริปโตใด ๆ เพื่อรับดอกเบี้ย ก็จะไม่สามารถทำได้

จุดเด่น : ฟังก์ชันที่น่าสนใจก็คือการเลือกเทรดตามแบบเทรดเดอร์ที่อยู่บนแพลตฟอร์มได้ เรียกได้ว่าเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อยากศึกษาการเทรด

ความสะดวก : eToro ยังไม่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ไทย หากต้องการซื้อขาย จะต้องทำการโอนเงินเข้าไปในธนาคารของทาง eToro ก่อน ซึ่งจะมีระยะเวลาในการทำการประมาณ 1 -3 วัน

ค่าธรรมเนียม : ไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายปกติ แต่ทุก ๆ การถอนเงินจะมีค่าธรรมเนียม 5 ดอลลาร์ต่อครั้ง และมียอดฝากเงินแรกเข้าราว ๆ 150 – 200 ดอลลาร์

Coinbase

Coinbase

“กระดานเทรดคริปโต” ที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2012 อีกทั้งยังเป็นกระดานเทรดแรกที่ได้เข้า IPO บน NASDAQ และได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกระดานเทรดที่น่าสนใจและได้รับความนิยมอย่างสูงในสหรัฐฯ ด้วยจำนวนวอลุ่มการซื้อขายกว่า 3 แสนดอลลาร์ต่อไตรมาส มีเหรียญมากกว่า 40 เหรียญและมีคู่เหรียญมากกว่า 400 คู่เหรียญ

ฟังก์ชันที่น่าสนใจของทาง Coinbase ก็คือจะมีทั้ง Coinbase ปกติและแบบ Pro ซึ่งจะแตกต่างกันที่ค่าธรรมเนียม นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชันกู้ยืมเงินโดยใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นตัวค้ำประกัน โดยผู้กู้สามารถได้รับเงินได้ทันที อีกทั้งยังสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้อีกด้วย   

จุดเด่น : Coinbase มีความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูงเนื่องจากอยู่บน NASDAQ พร้อมกับประกันเงินดิจิทัล คุ้มครองโดยการประกัน FDIC สูงสุด 250,000 ดอลลาร์ ช่วยชดเชยผู้ใช้งานกรณีถูกแฮกเกอร์โจมตี

ความสะดวก : Coinbase ยังไม่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ไทย คนไทยยังไม่สามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบน Coinbase ได้ แต่ก็สามารถโอนสินทรัพย์เข้าไปบนแพลตฟอร์มได้   

ค่าธรรมเนียม : แบ่งเป็นระดับ แล้วแต่จำนวนของสินทรัพย์ที่ทำการซื้อขาย เริ่มต้นที่ 0.50%  ทั้งผู้เปิด Bid และผู้รับ Bid

สามารถตรวจสอบได้ที่นี่ https://help.coinbase.com/en/exchange/trading-and-funding/exchange-fees

OKX

OKX

กระดานเทรดน้องใหม่มาแรง เปิดทำการเมื่อปี 2017 และกลายเป็นกระดานเทรดที่มีปริมาณการซื้อขายแบบ Spot มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกในปี 2021 OKX มีที่ตั้งอยู่ที่หมู่เกาะมอลตา มีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 20 ล้านคนทั่วโลก โดย OKX มีเหรียญมากกว่า 250 เหรียญ

ก่อนหน้านี้ OKX ใช้ชื่อว่า OKEx ก่อนจะ Rebranding และเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มให้มีฟังก์ชันเพิ่มเติม นอกเหนือจากการเทรดแบบ Spot Futures และ Options ก็คือ OKX Earn เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถรับรายได้แบบ Passive income ผ่านการฝากสินทรัพย์ไว้บนแพลตฟอร์ม อีกทั้งยังมีการเดินหน้าทำ NFT Marketplace เรียกได้ว่าโดดเด่นไม่แพ้คู่แข่งรายใหญ่อย่าง Binance เลยทีเดียว

จุดเด่น : มีฟังก์ชันและลูกเล่นที่หลากหลาย ไม่แพ้กับ Binance

ความสะดวก : OKX  ยังไม่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ไทย การซื้อขายเหรียญจะสามารถทำได้ในรูปแบบ P2P หรือผ่านกระดานเทรดไทยอย่าง Satang Pro

ค่าธรรมเนียม : แบ่งเป็นระดับ Tier โดย Lv 1 อยู่ที่ 0.08% สำหรับผู้เปิด Bid และ 0.10% สำหรับผู้รับ Bid ไปจนถึง Lv 5 อยู่ที่ 0.06% สำหรับผู้เปิด Bid และ 0.08% สำหรับผู้รับ Bid

สามารถตรวจสอบได้ที่นี่ https://www.okx.com/fees.html

FTX

FTX

กระดานเทรดที่เรียกได้ว่าได้รับความนิยมสูงไม่แพ้กัน มีสาขาใหญ่อยู่ที่ประเทศบาฮามาส  นอกเหนือจากการให้บริการซื้อขายคริปโตแบบ Spot กระดานเทรด FTX ปกติมีสินค้าที่เป็นจุดเด่นก็คือการเทรดแบบตราสารอนุพันธ์ (Derivative) และฟังก์ชัน Stocks, Leveraged Token, Volatility, ซื้อขายเงิน Fiat กับสกุลเงินดิจิทัลและการ Staking เพื่อรับดอกเบี้ยปันผล โดยบนกระดานเทรดจะมีคู่เหรียญกว่า 300 คู่ และปริมาณการซื้อขายกว่า 9  พันล้านดอลลาร์ใน 24 ชั่วโมง

FTX ได้สร้างโทเค็น FTT ซึ่งเป็นโทเค็นมาตรฐาน ERC-20 เพื่อใช้บนแพลตฟอร์ม FTX โดย FTT สามารถใช้เป็นเหรียญค้ำประกันสำหรับการทำสัญญา Futures อีกทั้งยังใช้เป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมได้อีกด้วย 

จุดเด่น : มีฟังก์ชันและลูกเล่นการเทรดแบบตราสารอนุพันธ์ (Derivative) ทุกรูปแบบ เรียกได้ว่าสามารถเก็งกำไรได้ในทุกสภาวะของตลาด

ความสะดวก : FTX ยังไม่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ไทย คนไทยยังไม่สามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบน FTX  ได้ แต่ก็สามารถโอนสินทรัพย์เข้าไปบนแพลตฟอร์มได้   

ค่าธรรมเนียม : แบ่งเป็นระดับ Tier โดย Tier 1 อยู่ที่ 0.02% สำหรับผู้เปิด Bid และ 0.07% สำหรับผู้รับ Bid ไปจนถึง Tier 6 อยู่ที่ 0.00% สำหรับผู้เปิด Bid และ 0.04% สำหรับผู้รับ Bid (หากมี FTT จะได้ส่วนลดขั้นต่ำอยู่ที่ 3%)

สามารถตรวจสอบได้ที่นี่ https://help.ftx.com/hc/en-us/articles/360024479432-Fees

Kucoin

Kucoin

กระดานเทรดคริปโตที่มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 10 อันดับของโลก จัดอันดับตามวอลุ่มการซื้อขาย โดยมีวอลุ่มการซื้อขายอยู่ราว ๆ 6 พันล้านดอลลาร์ใน 24 ชั่วโมง มีสาขาใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์และก่อตั้งเมื่อปี 2017 โดย Kucoin นั้นมีคู่เทรดกว่า 1,000 คู่เหรียญและมีโทเค็น KCS เป็น Utility Token

ไม่ใช่แค่นั้น Kucoin ยังมีฟังก์ชันการใช้งานจัดเต็มไม่แพ้คู่เหรียญ ในส่วนของการเทรดก็มีทั้งการเทรดแบบ Spot และ Margin ในส่วนของการเทรดแบบตราสารอนุพันธ์ (Derivative) ก็มีทั้ง Futures และ Leveraged Token รวมถึงมีการให้กู้ยืมคริปโตและการทำ Passive income โดยการฝากสินทรัพย์ไว้บนแพลตฟอร์มและได้รับดอกเบี้ย ที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับนักเทรดมือใหม่ก็คือ Kucoin มีระบบ Trading Bot หรือบอทที่จะเข้ามาช่วยในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

จุดเด่น : มีฟังก์ชันการเทรดที่หลากหลายและไม่ซับซ้อน สามารถฝากเหรียญบนระบบเพื่อได้รับดอกเบี้ย กู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล มีบริการเหมืองขุดคริปโต (Mining Pool)  และ Trading Bot

ความสะดวก : Kucoin  ยังไม่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ไทย คนไทยยังไม่สามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบน Kucoin  ได้ แต่ก็สามารถโอนสินทรัพย์เข้าไปบนแพลตฟอร์มได้   

ค่าธรรมเนียม : แบ่งเป็นวอลุ่มการเทรด เริ่มต้นที่ 0.10% สำหรับผู้เปิด Bid และผู้รับ Bid ไปจนถึง 0.0125% สำหรับผู้เปิด Bid และ 0.03% สำหรับผู้รับ Bid

สามารถตรวจสอบได้ที่นี่ https://www.kucoin.com/th/news/en-fee 

สรุปแล้ว กระดานเทรดคริปโตแต่ละที่ก็มีจุดเด่นเเตกต่างกันไป หากถามว่า เเล้วควรเลือกใช้ของที่ไหนดี ? พี่ทุยคงไม่สามารถตอบได้ เเต่เเนะนำได้ว่า ควรศึกษาเเละทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อน เพราะกระดานเทรดต่างประเทศยังไม่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ไทย

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile