ย้อนไปก่อนช่วง COVID-19 ท้องถนนยังเต็มไปด้วยรถใช้น้ำมันสัญชาติญี่ปุ่น แต่เพียงไม่กี่ปีผ่านไป รถ EV ก็วิ่งเต็มท้องถนน ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จากจีนเป็นส่วนใหญ่ วันนี้พี่ทุยขอพาไปรู้จักกับตลาด รถ EV จีน กันว่าเติบโตขนาดไหน ทำไมถึงเติบโตขนาดนี้? ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลย!!!
ตลาด รถ EV จีน ใหญ่ขนาดไหน
มองไปทางไหนในไทยก็มีแต่รถ EV แบรนด์สัญชาติจีน แล้วในประเทศจีนรถ EV จะฮอตฮิตขนาดไหน ข้อมูลเดือน ก.ย. 2023 ยอดขายรถ EV คิดเป็น 37% ของยอดขายรถใหม่ทั้งหมด เพิ่มจากปี 2022 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 25% ชี้ชัดว่าตลาดรถ EV จีนเติบโตขึ้น
ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นด้วยตัวเลขที่น่าตกใจเลยทีเดียว ครึ่งแรกของปี 2023 ตลาดรถ EV จีน เติบโตถึง 49% นี่คือตัวเลขที่ลดลงแล้วเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2022 ที่เติบโตถึง 118% แต่ก็ยังนับว่าโดดเด่นไม่น้อย
UBS คาดว่าบริษัทผลิตรถสัญชาติจีนจะมีส่วนแบ่งตลาดโลกเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากปี 2022 ไปที่ 33% ในปี 2030 นำโดยยักษ์ใหญ่อย่าง BYD
ย้อนมาดูที่ตลาดรถ EV ในประเทศจีนก็เห็นเลยว่าบริษัทในประเทศทำผลงานได้ดีจริง ๆ เดือน ก.ย. 2023 บริษัทที่มียอดขายรถ Pure EV
อันดับแรกตกเป็นของ BYD ส่วนแบ่งตลาด 26.26% ด้วยจำนวน 131,304 คัน ตามด้วย Aion ซึ่งก็เป็นสัญชาติจีนอีก ส่วนแบ่งตลาด 10.07% จำนวน 50,363 คัน และอันดับ 3 เป็นของ Tesla จากสหรัฐฯ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 8.70% จำนวน 43,507 คัน อันดับ 4 Wuling ตามมาติดๆ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 7.37% จำนวน 36,871 คัน
รัฐบาลจีนสนับสนุนอะไรบ้าง?
เริ่มจากรัฐบาลจีนอัดฉีดเงินสนับสนุนให้คนจีนที่ซื้อรถ EV ได้ส่วนลดสูงสุด 60,000 หยวน (292,800 บาท) แถมได้เพิ่มจากรัฐบาลท้องถิ่นบางพื้นที่อีก 10,000 หยวน (49,533 บาท) ซึ่งนโยบายสนับสนุนนี้จบลงไปแล้วเมื่อสิ้นปี 2022
แต่รัฐบาลยกเว้นภาษีซื้อรถ 10% สำหรับรถ EV ที่ราคาต่ำกว่า 300,000 หยวน จนถึงปี 2025 ก่อนจะขึ้นมาเป็น 5% ในปี 2026 และสิ้นสุดในปี 2027
ภาครัฐสนับสนุนผู้ผลิตรถ EV เริ่มกิจการและสร้างโรงงาน มีบริษัทรถ EV ผุดเป็นดอกเห็ด และก็มีเหลือรอดประสบความสำเร็จไม่มากแต่ใหญ่อย่าง BYD ซึ่งโค่น Volkswagen เจ้าตลาดยานยนต์เดิมในประเทศจีนได้สำเร็จ
สุดท้ายรัฐบาลสนับสนุนสร้างที่ชาร์จช่วยค่าใช้จ่ายผู้ใช้รถ EV แถมยังตกลงกับผู้ผลิตรถ EV ให้ใช้ปลั๊กชาร์จแบบเดียวกัน ทีนี้ไม่ว่าจะเป็นรถของแบรนด์ไหนก็ชาร์จได้ทุกที่ ปัจจุบันจีนมีสถานีชาร์จมากที่สุดในโลกถึง 6.36 ล้านสถานี
แบตเตอรี่คือข้อได้เปรียบของจีนในการผลิตรถ EV
แบตเตอรี่นับเป็นความได้เปรียบสูงสุดของวงการรถ EV จีนที่แซงหน้าทุกประเทศขึ้นมาครองโลกรถ EV ซึ่งแบตเตอรี่เป็นต้นทุนหลักของรถ EV ซึ่งกว่า 80% ของแบตเตอรี่ที่ใช้กันทุกวันนี้ผลิตจากจีน
ความได้เปรียบมากกว่านั้น ก็คือ จีนครองแหล่งแร่ทั้งลิเธียม โคบอลต์ แมกกานีส และ rare earth ซึ่งเป็น supply chain สำคัญสำหรับผลิตแบตเตอรี่ สิ่งนี้ช่วยลดต้นทุนราคาแบตเตอรี่จีนอย่างมาก BloombergNEF เผยว่าต้นทุนแบตเตอรี่ยุโรปแพงกว่าจึน 24% ส่วนสหรัฐฯ แพงกว่าจีน 33%
ล่าสุดบริษัทผลิตแบตเตอรี่จากจีนเปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่ใช้โซเดียมซึ่งหาง่ายกว่าลิเธียม และยังติดไฟยากกว่าแบตเตอรี่รุ่นก่อน
Tesla เปิดสงครามราคาแต่ก็อาจทำอะไรแบรนด์จีนไม่ค่อยได้ เพราะ BYD ควบคุม supply chain เกือบทั้งหมดตั้งแต่ต้นถึงปลาย ทำให้รถของ BYD มีต้นทุนถูกกว่าแบรนด์ฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป ถึง 25%
UBS เผยว่ารถ BYD รุ่น Seal มีชิ้นส่วนถึง 75% ที่บริษัทผลิตเอง ส่วนที่เหลือผลิตโดยบริษัทในประเทศจีน เหลือเพียง 10% ผลิตโดยบริษัทต่างประเทศ
ดูเหมือนว่าแบรนด์จีนยังทนทานต่อสงครามราคาได้อีกนาน ด้วยความได้เปรียบด้าน supply chain ที่ผลิตเองในประเทศได้เกือบทั้งหมด
ส่องบริษัท รถ EV จีน รายใหญ่ และตลาดส่งออกหลักคือใคร?
พี่ใหญ่อย่าง BYD หันเข้าสู่วงการรถ EV เต็มตัว เมื่อเดือน มี.ค. 2022 ประกาศหยุดผลิตรถใช้น้ำมัน มียอดส่งรถ EV ทุกแบบ เดือน ก.ย. 2023 ที่ 287,545 คัน เพิ่มขึ้น 43% จากปีที่แล้ว
ไตรมาส 3 มีรายได้ 159,300 ล้านหยวน เติบโต 38.53% จากปีที่แล้ว กำไร 10,410 ล้านหยวน เติบโต 82.16% จากปีที่แล้ว ปี 2022 มีรายได้ 412,570 ล้านหยวน เติบโต 93.6% จากปี 2021 กำไร 16,620 ล้านหยวน เติบโต 445.86% จากปี 2021
ตามด้วย XPeng ไตรมาส 2 มีรายได้ 5,280 ล้านหยวน ลดลง 35.93% จากปีที่แล้ว ขาดทุน 2,920 ล้านหยวน ดีขึ้น 2.27% จากปีที่แล้ว ทั้งปี 2022 มีรายได้ 29,170 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 23.46% จากปี 2021 ขาดทุน 9,930 ล้านหยวน แย่ลง 81.32% จากปี 2021
ส่วน Nio ไตรมาส 2 มีรายได้ 9,110 ล้านหยวน ลดลง 19.72% จากปีที่แล้ว ขาดทุน 6,357.75 ล้านหยวน แย่ลง 110.08% จากปีที่แล้ว ปี 2022 มีรายได้ 53,370 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30.58% จากปี 2021 ขาดทุน 15,750 ล้านหยวน แย่ลง 31.9% จากปี 2021
ถือเป็นเรื่องปกติของบริษัทอุตสาหกรรมใหม่ ช่วงแรกรายได้ก็จะเติบโต ส่วนกำไรยังไม่เน้น เน้นยอดขายให้มากไว้ก่อน แล้วค่อยบริหารลดต้นทุนทีหลัง
แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว ตลาดรถ EV แข่งขันดุเดือด แต่ยังมียุโรปเป็นตลาดส่งออกหลัก ตลอด 9 เดือนของปี 2023 ยอดส่งออกรถ EV ของจีน เพิ่มขึ้น 110% จากช่วงเดียวของปี 2022 แบรนด์จีนชั้นนำอย่าง BYD และ Nio มีสัดส่วนรายได้จากยุโรปเพิ่มขึ้นมาเป็น 5.6% จาก 1.1% จากปี 2020
นอกจากนโยบายสนับสนุนการใช้รถ EV จากทางการแล้ว ภูมิภาคยุโรปยังคิดภาษีนำเข้าจากจีน 10% ซึ่งต่ำกว่าสหรัฐฯ ที่ 25%
พี่ทุยขอบอกเลยว่าตลาดรถ EV จีนแซงหน้าทุกชาติ ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ และ supply chain ที่พร้อมมาก ในอนาคตระยะสั้นยังไม่เห็นชาติไหนขึ้นมาแข่งได้ พร้อมสู้สงครามราคา แต่ระยะกลางถึงยาวต้องจับตามองแบรนด์รถอื่นทั้งจากญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐฯ จะเข้ามาตีตลาดได้ขนาดไหน
อ่านเพิ่ม