เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก SPayLater บริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” สุดฮอตของ Shopee กันแล้วเนอะ ? แม้บริการนี้จะช่วยให้เราได้ของที่อยากได้ทันใจ แต่หลายคนก็ยังเจอปัญหาคาใจอยู่ไม่น้อย แต่อย่าได้กังวลไป ! เพราะพี่ทุยไปสำรวจมาละว่าปัญหาไหนที่คนไทยค้นหามากที่สุดเกี่ยวกับบริการนี้และรวบรวมวิธีแก้ปัญหาแบบตรงจุดมาฝากทุกคนแล้วนะ ไปดูกันเลย !
เข้าระบบ Shopee ไม่ได้ จะจ่ายบิล SPayLater ยังไง ?
ปัญหาสุดคลาสสิกที่หลายคนเจอ คือถึงเวลาจ่ายบิล Shopee แล้ว แต่ดันเข้าแอป Shopee ไม่ได้ซะงั้น ! ไม่ว่าจะเป็นเพราะลืมรหัสผ่าน บัญชีมีปัญหา หรือแอปงอแง ก็ไม่ต้องตกใจไปนะทุกคน
ถ้าเจอปัญหานี้ เราสามารถชำระบิลได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องล็อกอินเข้าแอป Shopee เลยนะ ! แค่ทำตามนี้:
- กรอกแบบฟอร์ม แจ้งปัญหาของบริการ: ตรงนี้เป็นตัวช่วยสำคัญเลยนะทุกคน ให้คลิกเข้าไปที่แบบฟอร์มนี้โดยตรง (พี่ทุยแนะนำให้หาลิงก์แบบฟอร์มในหน้าช่วยเหลือของ Shopee หรือค้นหาคำว่า แบบฟอร์มแจ้งปัญหา Shopee ได้เลย) หรือกรอกฟอร์มนี้ได้เลย ฝ่ายบริการลูกค้า
- เลือก ‘ปัญหาการชำระเงิน’: ในแบบฟอร์มจะมีตัวเลือกให้เราติ๊ก ให้เลือก ปัญหาการชำระเงิน
- ระบุปัญหา ‘พบปัญหาเข้าเมนูสินเชื่อใน Shopee ไม่ได้ ต้องการชำระสินเชื่อ’: อันนี้คือระบุอาการชัด ๆ เลยว่าเราเจอปัญหาอะไร เพื่อให้เจ้าหน้าที่จัดการได้ตรงจุดที่สุด
แค่นี้ก็เรียบร้อยค้าบ ! ทางเจ้าหน้าที่จะรับเรื่องและให้คำแนะนำในการชำระบิลต่อไป ไม่ต้องห่วงว่าจะติดหนี้โดยไม่ตั้งใจเพราะเข้าระบบไม่ได้นะ !
โดนระงับ SPayLater ทำยังไงดี ?
สำหรับใครที่จู่ ๆ ก็ใช้ SPayLater ไม่ได้ หรือถูกระงับการใช้วงเงิน บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องแปลก และมีหลายคนเจอเหมือนกัน
ทำไมถึงโดนระงับ ? การพิจารณาระงับสิทธิ์นั้นไม่ได้มาจากเหตุผลเพียงข้อเดียว แต่มาจากหลายปัจจัยที่บริษัทฯ พิจารณา เช่น:
- ประวัติและลักษณะการใช้วงเงินสินเชื่อ: เราใช้วงเงินบ่อยแค่ไหน จ่ายตรงเวลาสม่ำเสมอหรือเปล่า
- ประวัติการชำระหนี้สินเชื่อ: ถ้ามีประวัติการชำระล่าช้า หรือค้างชำระบ่อย ๆ ก็อาจเป็นสาเหตุได้
- พฤติการณ์อื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบหรือก่อให้เกิดความเสียหาย: อันนี้ค่อนข้างกว้าง อาจรวมถึงการใช้งานที่ผิดปกติหรือไม่เหมาะสม
- การกระทำทุจริต: แน่นอนว่าถ้ามีการทุจริตเกิดขึ้น บัญชีก็จะถูกระงับทันที
แล้วต้องทำยังไง ? ถ้าโดนระงับวงเงิน สิ่งแรกที่ควรทำคือ:
- ตรวจสอบยอดค้างชำระ: ถ้าเรามียอดค้างชำระเกินกำหนด ให้รีบชำระคืนสินเชื่อให้ครบตามบิลที่เรียกเก็บ เพราะนี่คือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ถูกระงับ
- ใช้งานอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง: หากไม่มีหนี้ค้างชำระ และมีการใช้งานบัญชี Shopee อย่างสม่ำเสมอและเหมาะสม ทางบริษัทฯ อาจพิจารณาปลดระงับให้โดยอัตโนมัติในอนาคต โดยเราไม่จำเป็นต้องยื่นคำร้องขอใด ๆ เลย
- สังเกตข้อความแจ้งเตือนในระบบ: เพื่อความรวดเร็วในการแก้ปัญหา ให้ดูข้อความแจ้งเตือนที่เราเห็นในหน้าสินเชื่อของเรา แล้วนำข้อมูลนั้นไปใช้กรอกในแบบฟอร์มติดต่อเจ้าหน้าที่
- กรอกฟอร์ม: ถ้าการแจ้งเตือนขึ้นว่า “บัญชี สินเชื่อของคุณถูกระงับชั่วคราวเนื่องจากเกณฑ์การพิจารณาของบริษัท” ให้แจ้งฟอร์มกับทาง Shopee ในลิงก์นี้เลย บัญชีและวงเงินสินเชื่อถูกระงับ
เข้าใจบิลและดอกเบี้ยแบบง่าย ๆ
เรื่องบิลและดอกเบี้ยนี่แหละ ที่หลายคนมักจะงง ๆ หรือสงสัยว่ามันทำงานยังไง พี่ทุยจะอธิบายให้ฟังแบบเคลียร์ ๆ เลย
บิลของ Shopee คืออะไร ?
บิลของบริการนี้ ก็คือรายละเอียดการเรียกเก็บเงินที่เราต้องจ่ายนั่นแหละทุกคน โดยจะแสดงยอดที่ต้องชำระและวันครบกำหนดชัดเจน บิลจะเรียกเก็บเฉพาะคำสั่งซื้อที่เรากด ฉันได้ตรวจสอบและยอมรับสินค้า เรียบร้อยแล้วเท่านั้น
รอบบิลของเราครบกำหนดเมื่อไหร่ ?
เราสามารถเช็กยอดที่ต้องชำระและวันกำหนดชำระได้ง่าย ๆ ที่เมนู สินเชื่อของฉัน ซึ่งจะมียอดและวันครบกำหนดปรากฏอยู่ โดยทั่วไปแล้ว ยอดที่ต้องชำระจะแสดงบนหน้าหลักของบริการนี้ ล่วงหน้าประมาณ 10 วันก่อนวันครบกำหนดชำระ
ปัจจุบันมีรอบบิลทั้งหมด 4 รอบ โดยมีวันครบกำหนดชำระที่แตกต่างกัน (วันที่ 5, 10, 20, 25 ของทุกเดือน) ซึ่งวันเหล่านี้ทางบริษัทฯ เป็นผู้กำหนด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้: ถ้าเรามียอดสินเชื่อค้างชำระเกิน 1,000 บาท จะมีค่าติดตามทวงถามหนี้เรียกเก็บ 50 บาทในรอบบิลแรก และ 100 บาทตั้งแต่รอบบิลที่ 2 เป็นต้นไป ดังนั้นอย่าให้ค้างดีกว่า
เราจะดูรอบบิลถัดไป / ใบแจ้งหนี้รอบถัดไปได้อย่างไร ?
การเช็กยอดบิลล่วงหน้าก็ทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองเลยนะ ! แค่เข้าไปที่แอป Shopee ของเรา แล้วทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย:
- เลือก ฉัน > My สินเชื่อ > บิลของฉัน > ยังไม่ได้ชำระ > รอบบิลถัดไป
ในหน้า รอบบิลถัดไป เราจะเจอข้อมูลสำคัญครบถ้วนเลย ไม่ว่าจะเป็น:
- จำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องชำระ
- วันครบกำหนดชำระ
- จำนวนเงินที่เรียกเก็บ (จำนวนเงินที่เรียกเก็บจากการใช้วงเงินสินเชื่อชำระสินค้า ซึ่งยังไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่น ๆ)
- เงินต้นทั้งหมด
- ดอกเบี้ยทั้งหมด
- ยอดรวมเงินคืน (ถ้ามี)
- ยอดเงินที่ต้องชำระคือ (ถ้ามี)
- อากรแสตมป์ (ถ้ามี)
ข้อควรจำ: ถ้าเรามีการซื้อสินค้าเพิ่มเติมหลังจากที่ชำระบิลล่วงหน้าไปแล้ว อย่าลืมกลับไปตรวจสอบใบแจ้งหนี้ชำระคืนสินเชื่ออีกครั้ง ! เพราะคำสั่งซื้อที่ยังอยู่ในระยะเวลาของรอบบิลล่วงหน้า และมีสถานะเสร็จสมบูรณ์นั้น จะถูกเรียกเก็บเพิ่ม และเราต้องชำระเพื่อป้องกันการค้างชำระของรอบบิลนั้นนะ
SPayLater คิดอัตราดอกเบี้ยเท่าไร ?
ดอกเบี้ยก็คือค่าธรรมเนียมที่เราต้องจ่ายเมื่อใช้วงเงินสินเชื่อของ Shopee นั่นเอง ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากราคาคำสั่งซื้อและระยะเวลาที่เราเลือกผ่อนชำระ โดยจะเริ่มคิดตั้งแต่วันที่เรากดรับสินค้าในแอป หรือครบกำหนดวันรับสินค้าในระบบ
เราสามารถตรวจสอบจำนวนดอกเบี้ยเบื้องต้นได้ก่อนที่เราจะกดชำระเงินด้วยบริการนี้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ ไม่เกิน 15% – 25% ต่อปี แบบลดต้นลดดอก ถือว่าชัดเจนและโปร่งใสดีเลยล่ะ
ชำระบิลล่วงหน้า หรือชำระยอดเต็มได้ไหม ?
ทำได้แน่นอนค้าบ ! ถ้าเราอยากชำระสินเชื่อล่วงหน้า หรือชำระยอดเต็มทั้งหมดก่อนวันครบกำหนด ก็สามารถทำได้โดยการกรอกแบบฟอร์มที่กำหนด เพื่อให้บริษัทฯ ตรวจสอบและเปิดระบบให้เราชำระล่วงหน้าได้ภายใน 1-3 วันทำการ สะดวกสบายสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะ ?
ช่องทางการชำระบิลมีอะไรบ้าง ?
ช่องทางชำระบิลมีให้เลือกเยอะมากเลย เพื่อความสะดวกของเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็น:
- ยอดเงินใน ShopeePay
- บัญชีธนาคารเพื่อใช้จ่ายใน ShopeePay (หรือ ShopeePay Linked Bank Account)
- mBanking
- ATM
- การชำระเงินที่เคาน์เตอร์ (เช่น 7-Eleven, Big C)
- การตั้งชำระผ่านระบบอัตโนมัติ (หรือ Auto Repayment)
- Prompt Pay QR (พร้อมเพย์)
เลือกช่องทางที่เราสะดวกที่สุดได้เลยฮะ
ช่องทางติดต่อ SPayLater เมื่อมีปัญหา
สุดท้ายนี้ ถ้าเจอปัญหาอะไรที่ซับซ้อน หรือต้องการความช่วยเหลือเฉพาะเจาะจง ไม่ต้องลังเลที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่เลย
เราสามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าสัมพันธ์ของ Shopee ได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 18.00 น. ผ่าน:
- แบบฟอร์ม: เป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด ให้กรอกข้อมูลแจ้งรายละเอียดผ่านแบบฟอร์มฝ่ายบริการลูกค้าสัมพันธ์ของบริการนี้โดยตรง
สิ่งที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนติดต่อ: เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็ว เราควรเตรียมข้อมูลเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า:
- ชื่อผู้ใช้ใน Shopee
- ชื่อ-นามสกุลผู้ลงทะเบียนสินเชื่อ
- หมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้
- หมายเลขคำสั่งซื้อ (ถ้ามี)
- ภาพหน้าจอเกี่ยวกับปัญหา (ถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน)
เจาะลึกสินเชื่อเพิ่มเติม Limit Extra คืออะไร ?
บางคนอาจเคยได้ยินชื่อ SPayLater Limit Extra มาบ้างแล้ว สงสัยกันไหมว่ามันคืออะไร แล้วต่างจาก SPayLater ปกติยังไง ? พี่ทุยจะมาอธิบายให้ฟังนะค้าบ !
SPayLater ที่เรารู้จักกันดีคือบริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” สำหรับการซื้อสินค้าบน Shopee โดยเฉพาะใช่ไหมฮะ แต่วงเงิน Limit Extra เนี่ย เป็นสินเชื่อเงินสดที่ SeaMoney (ผู้ให้บริการเดียวกับ SPayLater) เสนอให้กับผู้ใช้งานที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ เพื่อให้เราสามารถเบิกเงินสดเข้าบัญชีธนาคารได้โดยตรงเลยนะ
พูดง่าย ๆ ก็คือ:
- SPayLater (ปกติ): ใช้ผ่อนของหรือซื้อของบน Shopee โดยที่ไม่ต้องจ่ายทันที
- SPayLater Limit Extra: เป็นสินเชื่อเงินสด ที่เราสามารถเบิกออกมาใช้จ่ายอะไรก็ได้นอก Shopee เหมือนเป็นการขอกู้เงินสดเลยล่ะ
แน่นอนว่าทั้งสองบริการมีเกณฑ์การอนุมัติ วงเงิน และเงื่อนไขการชำระคืนที่แตกต่างกันออกไปนะ เพราะงั้นถ้าใครสนใจ Limit Extra ก็ต้องไปศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขการสมัครเพิ่มเติมกันด้วยนะ
SeaMoney กับ Unicorn แตกต่างกันยังไง ?
มาถึงเรื่องศัพท์เทคนิคกันบ้าง ทุกคนอาจจะสงสัยว่า SeaMoney กับ Unicorn ที่เป็นผู้ให้บริการทางด้านการเงินของ Shopee ทั้งสองเจ้าเกี่ยวข้องกันยังไง แล้วต่างกันยังไง คำตอบมันคืออย่างนี้ครับ
- SeaMoney: (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Monee แล้ว) ชื่อนี้ก็คือชื่อของธุรกิจด้านบริการทางการเงินดิจิทัลของบริษัท SEA Group ที่เป็นบริษัทแม่ยักษ์ใหญ่เจ้าของ Shopee และแพลตฟอร์มเกมรายใหญ่อย่าง Garena ทำให้ SeaMoney กลายเป็นแขนงหนึ่งที่ดูแลเรื่องการเงิน เช่น ShopeePay, SPayLater และบริการสินเชื่ออื่น ๆ ที่อยู่ในเครือของ SEA Group ที่ให้วงเงินสูงสุด 20,000 บาท ผ่อนได้สูงสุด 5 เดือน
- Unicorn (ยูนิคอร์น): หมายถึง บริษัท ยูนิคอร์น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ SeaMoney (Thailand) Co., Ltd. อีกทีนะฮะ บริษัทนี้มีบทบาทสำคัญในการเป็น ผู้ให้บริการสินเชื่อโดยตรง ในบางบริการทางการเงินของ Shopee เช่น บริการผ่อนจ่ายที่เราคุ้นเคยกันนี่แหละค้าบ ! ส่วน Unicorn จะผ่อนเยอะกว่า SeaMoney ได้สูงสุด 12 เดือน วงเงินสูงสุด 100,000 บาท
แล้วบริการผ่อนจ่ายของเรามาจากไหนกันแน่ ? จริงๆ แล้วบริการผ่อนจ่ายที่เราใช้อยู่นั้น ถูกบริหารจัดการโดย SeaMoney (Thailand) Co., Ltd. เป็นหลัก แต่ในบางกรณี เพื่อความถูกต้องตามข้อกำหนดทางกฎหมาย และการบริหารจัดการภายใน นิติบุคคลที่เป็นผู้ให้สินเชื่อหรือปรากฏในเอกสารสัญญา อาจจะเป็น บริษัท ยูนิคอร์น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกันนั่นเอง !
ถ้าเรารู้ข้อมูลเหล่านี้ไว้ ก็จะช่วยให้เราใช้บริการได้อย่างสบายใจ และจัดการการเงินของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะค้าบ !
ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ Facebook
อ่านเพิ่มเติม
หยุด “สร้างหนี้” ดีจริงหรอ ? ทำไมบางคนเป็นหนี้แล้วรวย แต่บางคนหมดตัวเพราะหนี้
