STELLA เผยกลยุทธ์ Turnaround ธุรกิจ พร้อมรุกตลาดพรีเมียม

STELLA เผยกลยุทธ์ Turnaround ธุรกิจ พร้อมรุกตลาดพรีเมียม

2 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • ช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สเตลล่า เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น STELLA
  • การพลิกโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ ด้วยการนำทีมผู้บริหารชุดใหม่ มากประสบการณ์จากบริษัทชั้นนำ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์, สุขภาพ (Wellness), และพลังงานสะอาด (Clean Energy)
  • ในปี 2568 STELLA มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อย 2 โครงการ พร้อมอีก 4 โครงการร่วมทุน (Joint Venture) ใน 4 ทำเลสำคัญ ได้แก่ เขาใหญ่ ภูเก็ต พัทยาและหัวหิน

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ช่วงปลายปีที่ผ่านมา NUSA ได้รีแบรนด์เป็น STELLA เพื่อเตรียมพร้อมรุกตลาดพรีเมียมแบบเต็มรูปแบบ ภายใต้การดำเนินงานของชุดบริหารใหม่มากฝีมือ  คร่ำหวอดในธุรกิจอสังหาฯ และการลงทุนมาอย่างยาวนาน

เรามาดูกันดีกว่าในปี 2567 STELLA ทำอะไรไปแล้วบ้าง และในปี 2568 มีแผนจะเดินหน้าอย่างไร

และเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสการลงทุนของผู้ถือหุ้นเดิมให้สิทธิ Right Offering สัดส่วนการถือครองหุ้นที่หุ้นละ 0.20 บาท พร้อมแถมใบสำคัญแสดงสิทธิ STELLA-W6 อายุ 2 ปี 6 เดือน ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีด้วย จะเป็นยังไง พี่ทุยสรุปมาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว !!

STELLA

ช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สเตลล่า เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น STELLA วันนี้พี่ทุยจะพาทุกคนไปรู้จักให้มากขึ้นว่ามีกลยุทธ์อะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง

เหตุผลการรีแบรนด์ครั้งนี้คือการส่งสัญญาณการพลิกโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ ด้วยการนำทีมผู้บริหารชุดใหม่ ที่มากประสบการณ์จากบริษัทชั้นนำของประเทศ มาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์, สุขภาพ (Wellness), และพลังงานสะอาด (Clean Energy)

NUSA

ตัวอย่างความสำเร็จในปี 2567 ได้แก่ โครงการ My Ozone เขาใหญ่ ซึ่งมีโรงแรม Mövenpick ทำรายได้สูงถึง 221 ล้านบาท สูงสุดตั้งแต่เปิดตัวมา โดยเพิ่มมากขึ้นจากปีที่แล้วถึง 10% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และสนามกอล์ฟสร้างรายได้ทั้งปีกว่า 17.3 ล้าน พลิกจากขาดทุนเป็นกำไร อีกทั้งยังมียอดขายรวมจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาก็สามารถสร้างยอดขายได้เกิน 100 ล้านบาทต่อเดือน และสามารถปิดการขายโครงการเดิมได้ทั้งหมด 5 โครงการ  ได้แก่ Fresh Condo บางโพ, Greenery พระราม 2, บ้านกฤษณา พระราม 5 State Tower  และ Up Ekkamai

สเตลล่า เอ็กซ์

สำหรับ Roadmap ในปี 2568 STELLA มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อย 

2 โครงการ พร้อมอีก 4 โครงการร่วมทุน (Joint Venture) ใน 4 ทำเลสำคัญ ได้แก่ เขาใหญ่ ภูเก็ต พัทยาและหัวหิน   

นอกจากนี้ยังมีการรีแบรนด์โครงการอสังหาริมทรัพย์ในมือในแต่ละพื้นที่ ได้แก่

  • “เขาใหญ่” เป็น STELLA OZONE
  • “พระราม 2” เป็น ASTRA RAMA2
  • “พัทยา-สัตหีบ” เป็น ASTRA PATTAYA
  • “สุวินทวงศ์” เป็น NOVA สุวินทวงศ์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการ STELLA OZONE เรียกว่าเป็น Mega Project ที่ตั้งใจพัฒนาให้เป็น Destination ด้าน Wellness & Health อย่างครบวงจร ที่จะพร้อมด้วย ecosystem ภายในโครงการอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

เพื่อไม่ให้นักลงทุนที่ถือหุ้น STELLA พลาดโอกาสการเติบโตครั้งสำคัญ ทางบริษัทเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่ถือหุ้นเดิมทุกรายได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จครั้งนี้ ผ่านการเพิ่มทุนด้วยราคาหุ้นเพียง 0.20 บาท ต่อหุ้น (Right Offering) ตามสัดส่วน 5 ต่อ 1 พร้อมแถมใบสำคัญแสดงสิทธิ STELLA-W6 อายุ 2 ปี 6 เดือน สำหรับทุกหุ้นเพิ่มทุน

ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีถึง 0.3 เท่า นี่ไม่ใช่แค่การลงทุน แต่เป็นโอกาสในการเข้าร่วมธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต โดยจะเปิดให้จองซื้อได้ระหว่างวันที่ 17-23 มกราคม 2568

เงินทุนที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้จะถูกใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจใหม่และลดภาระหนี้สิน โดยมีการจัดสรรดังนี้

  • 60% เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ เช่น การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมูลค่าที่ดิน
  • 30% เพื่อชำระหนี้ระยะสั้น ลดภาระดอกเบี้ย
  • 10% เพื่อเสริมสภาพคล่อง สร้างความมั่นคงในธุรกิจ

การเปลี่ยนจาก NUSA มาเป็น STELLA ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อ แต่เป็นการพลิกโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ ถือว่าน่าติดตาม อนาคตจะเป็นอย่างไรต้องจับตามองไปด้วยกันนะทุกคน แล้วถ้าอยากเข้าไปดูโครงการต่าง ๆ เข้าไปได้เลยที่นี่

อ่านเพิ่มเติม :

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
บทความนี้เป็นบทความ Advertorial