รถไฟฟ้าในไทย รออีก 14 ปี

ทำไม รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในไทย ถึงต้องรออีก 14 ปี ?

4 min read  

ฉบับย่อ

  • ไทยเตรียมยกเลิกขายรถยนต์น้ำมันภายในปี 2035 เพื่อดันไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและลดการปล่อยมลภาวะก๊าซเรือนกระจก
  • รถ EV จะมาช่วยปล่อยอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทย และจะสร้างงานและโอกาสธุรกิจในไทย
  • ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในฐานการผลิตรถยนต์เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และอันดับ 11 ของโลก
  • ไทยมีมาตรการสนับสนุนทั้งระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ EV และดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทย
  • บริษัทชั้นนำในตลาดหุ้นไทยมีการตอบสนองและเริ่มลงทุนในสายการผลิตของ EV เป็นที่เรียบร้อย

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ไทยประกาศเตรียมยกเลิกการขายรถยนต์น้ำมันภายในปี 2035 หลังจากที่มีหลายประเทศประกาศนำร่องไปก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อกระตุ้นการพัฒนาภายในประเทศเตรียมพร้อมดันไทยเป็นฐานการผลิต “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่สำคัญของโลก พร้อมมาตรการสนับสนุนตอบสนองนักลงทุนต่างชาติ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดปัญหาภาวะโลกร้อน

ผลกระทบที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมรถยนต์และโอกาสของไทย

ถึงแม้ไทยจะมีสัดส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้หลายคนกังวลถึงแรงงานไทย ที่จะได้รับผลกระทบของการเปลี่ยนถ่ายจากอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปกลายเป็นอุตสาหกรรม “รถยนต์ไฟฟ้า” ทำให้มีเสียงคัดค้านและเกิดการชะลอการกระตุ้นรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Car ไประยะหนึ่ง

แต่รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องใหม่ บวกกับสถานการณ์ช่วงโควิด-19 ทำให้การเปลี่ยนถ่ายอุตสาหกรรมเกิดขึ้นเร็วขึ้น ประจวบเหมาะกับสงครามการค้า ทำให้ทั่วโลกตระหนักถึงความเสี่ยงของการตั้งฐานผลิตไว้ในประเทศจีน ทำให้อาเซียนกลายเป็นพื้นที่เนื้อหอมให้ต่างชาติสนใจมาสร้างฐานการผลิตในบริเวณนี้ 

ถ้าไทยไม่เริ่มปรับตัวหรือพัฒนาก็อาจทำให้สูญเสียโอกาสสำคัญนี้ไป ซึ่งบริษัทรถยนต์ต่าง ๆ รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้า ก็ได้เริ่มลงทุนและเตรียมตัวในไทยกันมาซักพักแล้ว ทำให้การมาของเป้าหมายเลิกขายรถในปี 2035 ถือว่าเป็นการประกาศจุดยืนของไทยเลยว่าจะเดินหน้าไปทิศทางการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว

สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยเอง มีความได้เปรียบทั้งเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้า Strategic Location แรงงานไทยมีความรู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์ รวมถึงไทยยังเป็นแหล่งรวม สายการผลิตที่สำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง แบตเตอรี่ ชิปอิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่ และชิ้นส่วนรถยนต์

ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ เองก็เริ่มลงทุนสายการผลิตในไทยมาได้ซักพักแล้ว โดยมี EEC หรือโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก เป็นหัวใจหลักในการตั้งฐานการผลิตและสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

ประเทศไทยอยู่อันดับที่เท่าไหร่ในด้านการผลิตรถยนต์

ไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตรถยนต์ โดยจากสถิติของ OICA ไทยอยู่อันดับที่ 11 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของ ASEAN ในด้านจำนวนการผลิตรถยนต์ โดยในปี 2019 มีการผลิตรถยนต์ทั่วโลกอยู่ที่ 91,786,861 คัน และไทยมีการผลิต 2,013,710 คัน หรือคิดเป็นมากกว่า 2% ของทั้งโลก ในขณะที่จีนเป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุด ผลิตไป 25,720,665 คัน หรือ เกือบ ๆ 30% ของทั้งโลกนั่นเอง

มาตรการในการสนับสนุน “รถยนต์ไฟฟ้า”

เพื่อให้ไทยไม่เสียโอกาสสำคัญในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลกนี้ไป เลยได้มีนโยบายกระตุ้นสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยแบ่งเป็นมาตรการเร่งด่วน และมาตรการระยะ 1-5 ปี

มาตรการเร่งด่วน

  1. มาตรการกระตุ้น การใช้รถ สองล้อ สามล้อ และสี่ล้อไฟฟ้า
  2. มาตรฐาน และศูนย์แบตเตอรี่ – แผงพลังงาน และการจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์
  3. จัดให้มีโครงการเช่ารถเมล์ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 2,511 คัน

มาตรการระยะ 1-5 ปี

  1. ปรับโครงสร้างภาษี – ภาษีสรรพสามิต จะเริ่มปรับใช้ปี 2026 และภาษีรถยนต์ประจำปี รถยิ่งเก่ายิ่งต้องจ่ายแพงขึ้น
  2. มีการบริหารจัดการซาก – รถยนต์ แบตเตอรี่ และ Solar Cell ที่ใช้แล้ว
  3. สร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Ecosystem) – ส่งเสริมการใช้ ZEV (ยานยนต์ไร้ไอเสีย)
  4. จัดให้มีการพัฒนาบุคลากร

ซึ่งถือเป็นการตอบรับสถานการณ์ที่เร่งด่วน และมีทางที่ทิศทางชัดขึ้นมาก เราคงจะได้เห็นการพัฒนาและตอบสนองต่อรถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หุ้นไทยที่เกี่ยวกับ “รถยนต์ไฟฟ้า” มีอะไรบ้าง?

หุ้นไทยที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า

บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยต่างก็มีการลงทุนเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับกระแสการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า EV โดยได้มีทั้งการศึกษา ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำของโลก ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำของสายกระบวนการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งเราจะเริ่มได้เห็น EV Charger และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ EV ต่าง ๆ ที่มากขึ้น 

การเข้ามาของเทคโนโลยีและการเปลี่ยนถ่ายอุตสาหกรรมอาจสร้างผลกระทบให้คนในพื้นที่และแรงงานในปัจจุบันได้ แต่การที่ไม่ปรับเปลี่ยนและไม่เตรียมตัวพัฒนาก็อาจสร้างผลเสียในอนาคตได้เช่นกัน การค่อย ๆ พัฒนาอย่างมีวิสัยทัศน์และมีแบบแผนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้กระทบอุตสาหกรรมปัจจุบันน้อยที่สุดและพร้อมกับทิศทางในอนาคตที่จะปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในไทย จริง ๆ แล้วไม่ต้องรอถึง 14 ปี เพราะไทยเราเริ่มผลักดันและพัฒนาเป็นที่เรียบร้อย แต่ในอีก 14 ปีข้างหน้าเราอาจจะแทบไม่ได้เห็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน หรือปั๊มน้ำมันในประเทศไทยอาจกลายเป็นศูนย์ชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้กับรถ EV ไปหมดแล้วก็เป็นได้ ทำให้พี่ทุยเชื่อว่า ในอีก 14 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ต้องก้าวกระโดดขึ้นมากอย่างแน่นอน..

Source: https://www.oica.net/category/production-statistics/2019-statistics/

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย