ถ้านึกถึงเว็บจองที่พักออนไลน์ ไม่ว่าจะเน้นจองง่าย หรือ เน้นราคาถูก ทุกคนคงหนีไม่พ้นที่จะนึกถึงสองชื่อนี้ คือ Booking.com และ Agoda ที่เรียกว่าเป็นเบอร์ต้นของวงการจองที่พักออนไลน์เลย แต่รู้หรือไม่ เว็บไซต์จองที่พักดังอย่าง Booking.com และ Agoda ไม่ว่าจะแข่งขันกันอย่างไรก็ตาม ต่างก็เป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ภายใต้ Booking Holdings Inc. ทำไมถึงใต้อยู่ภายใต้บริษัทเดียวกันและมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง ไปหาคำตอบกัน
จุดเริ่มต้นของ Booking Holding Inc. เจ้าของ Booking.com และ Agoda
Booking Holdings Inc. ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในวงการการท่องเที่ยวออนไลน์ เรียกได้ว่ามีอิทธิพลอันดับต้น ๆ เลยในช่วงนี้ บริษัทชุดนี้ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1996 ภายใต้การก่อตั้งของ Jay S. Walker และได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำในวงการท่องเที่ยวออนไลน์ ด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลาย โดยเริ่มจาก Priceline.com ก่อนที่จะมีการเข้าซื้อบริษัทเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมถึงบริษัทที่มีชื่อเสียงอย่าง Booking.com, Agoda.com และอีกมากมาย บริษัทนี้ได้สร้างชื่อเสียงในการให้บริการการจองที่พักและท่องเที่ยวออนไลน์ให้กับลูกค้าทั่วโลก รวมทั้งมีการสำเร็จในการทำธุรกิจที่มีผลต่อเศรษฐกิจโลก
ในการสร้างความสำเร็จที่มั่นคงของตน บริษัทได้มีเส้นทางการเติบโตที่มีความสำคัญในการสร้างฐานลูกค้าและเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น โดยมีการขยายธุรกิจออกไปทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตนโดยการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทยังคงเป็นผู้นำในวงการ
นอกจากนี้ การเป็นบริษัทในรูปแบบของ Holding Company ยังเสนอความได้เปรียบในหลายด้าน เช่น การแบ่งปันทรัพยากรและเทคโนโลยีระหว่างบริษัทย่อยที่อยู่ใน Holding เดียวกัน นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น และเพิ่มโอกาสในการสร้างความเสถียรทางการเงิน การเป็น Holding Company ยังส่งผลให้บริษัทสามารถจัดการทรัพยากรและกิจกรรมธุรกิจได้อย่างเป็นประสบการณ์ ทำให้สามารถแข็งแกร่งและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้ดียิ่งขึ้น
เจ้าของของ Booking Holdings Inc. มีบริษัทย่อยในเครือที่หลากหลาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการท่องเที่ยวออนไลน์และมีบทบาทที่สำคัญในอุตสาหกรรมดังกล่าว บริษัทที่มีชื่อดังและเราคุ้นเคยกันดีอย่าง
- Booking.com: เป็นเว็บไซต์การจองที่พัฒนาขึ้นโดย Booking Holdings Inc. มีบทบาทสำคัญในการให้บริการการจองที่พักทั่วโลก ซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมใช้ในหลายประเทศทั่วโลก เช่น ยุโรป อเมริกา และเอเชีย
- Priceline.com: เป็นเว็บไซต์การจองที่มีรูปแบบการให้บริการแตกต่าง ซึ่งสามารถทำการประมูลราคาที่ต้องการจ่ายสำหรับการจองที่พัก การเช่ารถ เครื่องบิน และกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีให้เลือกมากมาย
- Agoda.com: เป็นเว็บไซต์การจองที่ตั้งอยู่ในเอเชีย และมีการเฉพาะทางในการให้บริการที่พักในภูมิภาคนี้ มีบทบาทสำคัญในการเสนอโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ใช้งาน
- Kayak.com: เป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาการท่องเที่ยวที่มีระดับความเชื่อถือสูง ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบราคาของตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และบริการอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
- Rentalcars.com: เป็นเว็บไซต์การจองรถเช่าที่มีบริการทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบราคาและจองรถเช่าได้อย่างสะดวกสบาย
- OpenTable: เป็นแพลตฟอร์มการจองโต๊ะที่ร้านอาหาร ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจองโต๊ะที่ร้านอาหารที่ต้องการได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
การที่บริษัทใน holding เดียวกันมีหลายบริษัทย่อยที่ครองและจัดการให้บริการในวงการการท่องเที่ยวออนไลน์ ช่วยให้ผู้ใช้งานมีความสะดวกสบายในการค้นหาและจองบริการต่าง ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนการเดินทางของตนเอง โดยรวมแล้ว บริษัทและบริษัทย่อยใน holding เดียวกันมีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดีและทันสมัยสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก
การเติบโตและความเป็นเลิศ
Booking Holdings Inc. คือผู้นำในวงการการท่องเที่ยวออนไลน์ที่มีประสบการณ์และความเป็นเลิศที่โดดเด่น และข้อสำคัญที่สุดของบริษัทคือการเติบโตที่มั่นคงและความสามารถในการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพ
ยอดขายและกำไร
Booking Holdings Inc. มีประวัติการเติบโตที่มั่นคงในการทำธุรกิจ โดยในปี 2023 เฉพาะ บริษัทได้จดรายได้รวมประมาณ 21.37 พันล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 4.289 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มจำนวนลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของตน
ความสำเร็จในการแข่งขัน
Booking Holdings Inc. มีการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย โดยทำให้มีความเป็นเลิศในการทำธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ โดยมีบริการที่แตกต่างกันอย่าง Agoda.com, Priceline.com, และ Booking.com ที่มีความนิยมอันดับต้น ๆ ในวงการนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญในการเพิ่มความได้เปรียบให้กับบริษัทในการแข่งขันในตลาด
การเติบโตและความเป็นเลิศของ Booking Holdings Inc. ทำให้บริษัทเป็นผู้นำในวงการการท่องเที่ยวออนไลน์ และยังตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริการอีกด้วย ผ่านการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและการวางกลยุทธ์การทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของการเป็น Holding Company
การเป็นบริษัทในกลุ่มหรือ Holding Company มีข้อดีมากมายที่ส่งผลดีต่อทั้งบริษัทและผู้ถือหุ้น
การแบ่งปันทรัพยากรและเทคโนโลยีร่วมกัน
เป็นบริษัทในกลุ่มเดียวกันช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันของบริษัทย่อยที่อยู่ภายใต้เครือ โดยสามารถแบ่งปันทรัพยากรทางการเงิน ทรัพยากรมนุษย์ และเทคโนโลยีระหว่างกัน เช่น การใช้เทคโนโลยีที่เจาะจงเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ หรือการใช้กำลังคนและทรัพยากรทางการเงินในการขยายตัวในตลาดใหม่
เพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นและเพิ่มโอกาสในการสร้างความเสถียรทางการเงิน
การมี 2 บริษัทใน Holding เดียวกันช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น โดยทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของทั้ง 2 บริษัทในรูปแบบของเงินปันผล หรือการเพิ่มมูลค่าหุ้น อีกทั้งยังเสริมสร้างความเสถียรทางการเงินของผู้ถือหุ้นด้วยการรวมกำไรและการลงทุนในกิจกรรมทางธุรกิจที่มีผลต่อผลกำไรในระยะยาว
บริษัทในเครือของ Booking Holdings (Priceline)
Priceline หรือ ปัจจุบัน Booking Holding นั้นมีบริษัทในเครือส่วนใหญ่เป็น Online travel agency ซึ่งมี Agoda เป็นหนึ่งในนั้น แต่ก็มีธุรกิจอื่นที่ใกล้เคียงกันหรือเกี่ยวข้องอย่าง แพลตฟอร์มการจองรถเช่า จองร้านอาหาร จองโรงแรมและระบบสำหรับโรงแรม รวมกันแล้วกว่า 16 บริษัทที่อยู่ภายใต้ Booking Holding
รายได้ของ Booking Holding Inc
รายได้หลักของ Booking Holding Inc 51.6% หรือ 2.5 พันล้านดอลลาร์ มาจาก รายได้ร้านค้า และที่ไล่ ๆ กันมาคือรายได้จากเอเจนซี่ 43.2% หรือ 2.1 พันล้านดอลลาร์ และสุดท้าย รายได้จากโฆษณาและรายได้อื่น ๆ อีก 5.2% หรือ 247 ล้านดอลลาร์ เหลือเป็นกำไรสุทธิที่ 4.6% หรือ 222 ล้านดอลลาร์ มีการเติบโตของรายได้ 3 ปี ย้อนหลัง สูงถึง 52.4% เรียกได้ว่ามีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และเป็นเบอร์ต้นของกลุ่มเลยทีเดียว
มุมมองในอนาคต
Booking Holdings Inc. มองเห็นว่าบริษัทมีแผนการเติบโตที่มุ่งเน้นการขยายตัวในตลาดใหม่และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น โดยการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในสมัยปัจจุบัน
การพูดถึงโอกาสและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับบริษัท เช่น การแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในวงการการท่องเที่ยวออนไลน์ และการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการเดินทางของผู้บริโภค ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทในระยะยาว
อ่านเพิ่ม