ซีรีส์การเงินตอน “ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน” ตอนที่ผ่าน ๆ มา เราได้เรียนรู้กันไปแล้วว่าราคาหุ้นขึ้นเพราะอะไร, วิธีการคัดเลือกหุ้นของนักลงทุนสายพื้นฐาน (VI) ทำยังไง รวมถึงสิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ต้องดูในงบการเงิน มาถึงซีรีส์การเงินในตอนนี้พี่ทุยจะพาทุกคนไปรู้จักกับ วิธีวิเคราะห์หุ้น สายปัจจัยพื้นฐานโดยการเอา Top Down Analysis มาช่วยในการวิเคราะห์ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย..
วิธีวิเคราะห์หุ้น แบบ Top Down Analysis คืออะไร ?
Top Down Analysis คือ เทคนิคการวิเคราะห์ “หุ้น” จากบนลงล่าง หรือ จากภาพใหญ่ไปภาพเล็ก หรือ การวิเคราะห์จาก ภาพรวมเศรษฐกิจลงมาอุตสาหกรรมและบริษัท ตามลำดับ
การวิเคราะห์เศรษฐกิจ
การวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจ เราต้องดูภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ เช่น การเติบโตของเศรษฐกิจ, การเมือง, โรคระบาด รวมถึงสงครามระหว่างประเทศ เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยในตอนนี้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
การวิเคราะห์อุตสาหกรรม
เป็นการวิเคราะห์ต่อจากเศรษฐกิจว่าอุตสาหกรรมไหนจะได้หรือเสียผลประโยชน์จากภาพรวมเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ตอนนี้
ตัวอย่างเช่น จากการที่เราวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจแล้วเห็นว่า ตอนนี้ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกล้วนแต่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 และในหลาย ๆ ประเทศก็ต้องทำการปิดประเทศเพื่อป้องกันและหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
เมื่อมีการปิดประเทศแน่นอนว่ากลุ่มอุตสาหกรรมแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบ คือ กลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม แต่ก็มีกลุ่มอุตสาหกรรมนึงที่ได้ประโยชน์ คือ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่ในร้านสะดวกซื้อ เพราะในช่วงกักตัวเราไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้ แถมร้านอาหารต่าง ๆ ก็ยังปิดอีก เพราะฉะนั้นคนส่วนใหญ่ก็ต้องพึ่งอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่ในร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก
หลังจากนี้เราก็ต้องวิเคราะห์เจาะลึกลงไปในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่เราจะเอามาช่วยในการวิเคราะห์อุตสาหกรรม คือ การวิเคราะห์ Five Force Model
Five Force Model หรือ แรงทั้ง 5 มี ดังนี้
- อำนาจการต่อรองของลูกค้า
- อำนาจการต่อรองจาก Supplier
- การคุกคามจากคู่แข่งรายใหม่
- การแข่งขันในอุตสาหกรรม
- การคุกคามจากสินค้าหรือบริการทดแทน
ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์ Five Force ของ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มได้ ดังนี้
- อำนาจต่อรองของลูกค้า
อำนาจต่อรองจากลูกค้าในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มมีค่อนข้างสูง เพราะ ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มมีผู้เล่นอยู่หลายราย และผลิตภัณฑ์ในตลาดก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ดังนั้นถ้าบริษัทเกิดขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นมา ผู้บริโภคก็อาจจะหันไปซื้อเครื่องดื่มของคู่แข่งได้
- อำนาจต่อรองจาก Supplier
มีค่อนข้างต่ำเพราะว่า ถ้าบริษัทผลิตสินค้าจำนวนมาก ก็จะสามารถต่อรองราคาวัตถุดิบได้อยู่แล้ว หรือบางกิจการในอุตสาหกรรมนี้เลือกที่จะผลิตวัตถุดิบบางอย่างเองด้วยซ้ำ
- การคุกคามจากคู่แข่งรายใหม่เครื่องดื่ม
ต้องบอกว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องดื่มมีผู้เล่นจำนวนมากและยังมีแนวโน้มที่จะมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาอีกเรื่อย ๆ
- การแข่งขันในอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมเครื่องดื่มเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ถึงแม้จะมีผู้เล่นหลายราย แต่ก็ต้องเป็นรายใหญ่จริง ๆ ถึงจะอยู่รอดในตลาดได้
- การคุกคามจากสินค้าและบริการทดแทน
ถือว่าทดแทนได้ไม่ได้ง่ายนัก เพราะ ถึงแม้ถ้าบางคนอาจจะบอกว่าทานของหวานอย่างอื่นแทนการดื่มน้ำหวานได้ แต่ในความรู้สึกจริง ๆ แล้วมันก็ยังต่างกันอยู่ดี
วิธีวิเคราะห์หุ้น หรือ บริษัท
หลังจากที่เราวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจแล้วเห็นว่า ในตอนนี้เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักจากไวรัสโควิด-19 และคิดว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและมองว่าอุตสาหกรรมเครื่องดื่มน่าจะมีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปได้ในอนาคต ขั้นตอนต่อมา คือ วิเคราะห์บริษัทเพื่อหาบริษัทที่เราจะเข้าไปลงทุน
โดยการเลือกหุ้นที่จะเอามาวิเคราะห์ เราอาจจะเลือกจากบริษัทที่เรารู้จักสินค้าของบริษัทนั้น เคยดื่มเครื่องดื่มของเขา หรือเห็นว่าเครื่องดื่มของบริษัทนั้นขายดีก็ได้ หรือเราจะเลือกหุ้นจากวิธีการคัดเลือกหุ้นเบื้องต้นก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเลือกด้วยวิธีไหนก็ไม่มีถูกมีผิด เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ต้องเอา “หุ้น” ตัวนั้นมาวิเคราะห์แบบเจาะลึกอยู่ดี โดยเราสามารถเข้าไปดูหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในอุตสาหกรรมนั้นได้ที่ https://www.settrade.com/th/equities/quote/ICHI/ranking
หลังจากที่เราเลือกหุ้นที่เราสนใจได้แล้ว จากนั้นเราก็ต้องเอาหุ้นตัวนั้นมาวิเคราะห์ต่อ ซึ่งการวิเคราะห์บริษัทสิ่งที่เราต้องวิเคราะห์มี 2 ด้านด้วยกัน คือ
- การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ
- การวิเคราะห์งเชิงปริมาณ
การวิเคราะห์เชิงคุณภาพจะเป็นการวิเคราะห์ว่า บริษัทนั้นทำธุรกิจอะไร โครงสร้างรายได้เป็นยังไง รวมถึงสัดส่วนรายได้เป็นยังไง เป็นต้น
วิธีวิเคราะห์หุ้น เชิงคุณภาพ
ยกตัวอย่าง บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ปัจจุบันประกอบธุรกิจหลัก 2 อย่างด้วยกัน คือ เครื่องดื่มชาพร้อมดื่มที่มีสัดส่วนรายได้ในปี 2562 อยู่ที่ 98.7% และ เครื่องดื่มน้ำผลไม้ มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 1.3%
นอกจากนั้น การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของบริษัท เราอาจจะเอาการวิเคราะห์แบบ SWOT เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ได้ด้วย โดย SWOT จะวิเคราะห์บริษัทใน 4 ด้านด้วยกัน คือ
- S – Strength คือ จุดแข็งของบริษัทซึ่งต้องเป็นปัจจัยภายในบริษัทเท่านั้น เช่น มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย
- W – Weakness คือ จุดอ่อนของบริษัทซึ่งต้องเป็นปัจจัยภายในบริษัทเหมือนกับ Strength เลย เช่น บริษัทต้องนำเข้าทรัพยากรการผลิตจากต่างประเทศ ทำให้มีต้นทุนสูง เป็นต้น
- O – Opportunity คือ โอกาสต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ
- T – Threat คือ อุปสรรคต่าง ๆ ของบริษัท เช่น มาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ
ตัวอย่าง การวิเคราะห์ SWOT ของ ICHI
- Strength – ปัจุจบันแบรนด์ อิชิตัน ถือว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงและคนรู้กันกันมานาน
- Weakness – การพึ่ง Branding จากคุณตันมากเกินไป ถ้าเกิดวันหนึ่งบริษัทไม่สามารถเอาจุดนี้มาเป็นจุดขายได้ ยอดขายและกำไรก็อาจจะลดลงได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วควรชูผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเป็นจุดเด่นมากกว่า
- Opportunity – บริษัทยังมีโอกาสที่จะสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศได้
- Threat – มาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น การปรับขึ้นภาษีน้ำตาล
วิธีวิเคราะห์หุ้น เชิงปริมาณ
เราจะเห็นว่ารายได้ของ ICHI ค่อนไปทางลดลง แต่ที่น่าสนใจก็คือ กำไรสุทธิที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นแสดงว่า บริษัทควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นนั่นเอง
ส่วนอัตราส่วนที่สำคัญ ๆ เช่น อัตรากำไรสุทธิ, ROA, ROE และ กำไรต่อหุ้น (EPS) ของ ICHI ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะ อัตราส่วนเหล่านี้ล้วนแต่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ ปีเลย
เรามาดูที่งบดุลของ ICHI กันบ้าง เริ่มที่สินทรัพย์ เราจะเห็นว่าสินทรัพย์รวมของ ICHI ลดลงทุกปี แต่เมื่อสินทรัพย์ลดลง หนี้สินก็ลดลงตามไปด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง
ส่วนสุดท้ายเราก็มาดูกันที่งบกระแสเงินสด จะเห็นว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ ICHI เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด เสียดายที่ว่ากระแสเงินสดส่วนนี้ในปี 2563 ยังมากกว่าปี 2560 ไม่ได้ แต่โดยรวมแล้วกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ ICHI ก็ถือว่าดีเลยทีเดียว
กระแสเงินสดจากการลงทุน ของ ICHI ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยถือว่าไม่ได้มีประเด็นอะไรมากมาย แต่ที่น่าสนใจก็คือ กระแสเงินสดจากการจัดหาเงินที่ปี 2563 ติดลบเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 300 ล้านบาท ซึ่งความเห็นส่วนตัวของพี่ทุยคิดว่าน่าจะมาจากการที่บริษัทเอาเงินไปคืนหนี้สินที่กู้ยืมมานั่นเอง สังเกตได้จากหนี้สินไม่หมุนเวียนที่ถือเป็นหนี้สินที่มีดอกเบี้ยค่อย ๆ ลดลงมาเรื่อย ๆ
โดยรวมแล้วข้อมูลทางการเงินของ ICHI ก็ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว หลังจากนี้เราก็ต้องเอาหุ้นที่เราเลือกมาไปหามูลค่าที่แท้จริง (Fair Price) ต่อ เพื่อจะดูว่าราคาปัจจุบันในตลาดกับราคาที่แท้จริงอันไหนมากกว่ากัน
- ถ้า ราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาที่แท้จริงก็ควรซื้อหุ้นตัวนั้น
- ถ้า ราคาปัจจุบันราคามากกว่าราคาที่แท้จริงก็ไม่ควรที่จะซื้อหุ้นตัวนั้น
วิธีวิเคราะห์หุ้น แบบ Bottom Up Analysis
การวิเคราะห์หุ้น แบบ Bottom Up เป็นการวิเคราะห์ที่ตรงกันข้ามกับการวิเคราะห์แบบ Top Down โดย Bottom Up จะวิเคราะห์จากภาพเล็กไปภาพใหญ่ คือ วิเคราะห์จากบริษัทไปอุตสาหกรรมและภาพรวมเศรษฐกิจ
การวิเคราะห์แบบ Bottom Up จะเอาไว้หาหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ดันมาเจอข่าวร้ายในช่วงสั้น ๆ เช่น จากการที่เราวิเคราะห์หุ้น ICHI แล้วเห็นว่า ICHI เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี ธุรกิจกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง กำไรก็เติบโตทุกปี อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ๆ เช่น ROE, ROA, อัตรากำไรสุทธิ รวมถึงกำไรต่อหุ้นก็เพิ่มขึ้นทุกปี
แต่ช่วงนี้บริษัทดันมาเจอข่าวร้ายจากโรคระบาด โควิด-19 ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบไปพอสมควร แต่นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของเรา เพราะ ถ้าเราวิเคราะห์แล้วเห็นว่า ICHI ราคาปัจจุบันของ ICHI ยังต่ำกว่าราคาที่แท้จริง (Fair Price) อยู่ค่อนข้างมาก เราก็อาจจะได้หุ้นราคาถูกในช่วงนี้
และนี่การคือการวิเคราะห์แบบ Top Down และ Bottom Up ซึ่งการวิเคราะห์ทั้งสองแบบถือว่ามีประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่อยู่ที่ว่าใครชอบแบบไหน และซีรีส์การเงินในตอนหน้าพี่ทุยจะมาสอนทุกคนใช้การวิเคราะห์อีกรูปแบบหนึ่งที่นักลงทุนสายพื้นฐานนิยมกันค่อนข้างมาก นั่นก็คือ CANSLIM ถ้าใครอยากรู้ว่าทำไม CANSLIM ถึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักลงทุนแบบพื้นฐาน (VI) และ CANSLIM มีดียังไง ก็ต้องคอยติดตามซีรีส์การเงินในหน้ากันให้ดี..
เปิดบัญชีกับ LH Securities วันนี้ เรียนฟรีคอร์สเทรดหุ้นออนไลน์
แต่ถ้าอยากขึ้นทางด่วนโดยไม่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองอีกต่อไป แนะนำให้เปิดพอร์ตกับทาง LH Securities ตอนนี้ เพื่อรับสิทธิ์เข้าเรียนคอร์สเทรดหุ้นออนไลน์กันแบบฟรี ๆ กับ “คุณเคน – จักรกฤษณ์ กิจการรัฐบุตร , CFP ®” ผู้ร่วมก่อตั้ง Money Buffalo ของเรา ที่จะมาพาจับมือเทรดกันตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 100 ให้ โดยจะเน้นที่การวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis) วิเคราะห์กราฟกันแบบมันส์ ๆ พร้อมลุยตลาดจริงกันเลย
และที่พี่ทุยแนะนำให้เปิดบัญชีกับทาง LH Securities ผู้สนับสนุนหลักของ ซีรีส์ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน นั่นก็เพราะที่นี่ทั้งสะดวก และให้บริการครบ สามารถจบในที่เดียวได้ ตั้งแต่เปิดบัญชี การสมัครบริการตัดเงินบัญชีอัตโนมัติ ไปจนถึงวางหลักประกัน LH Securities ก็มีให้บริการ และที่สำคัญคือสามารถทำทุกอย่างผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย สะดวกและง่ายมาก ๆ
สนใจเปิดบัญชีกับ LH Securities พร้อมดูขั้นตอนแบบละเอียด สามารถทำตามได้แบบ Step by Step คลิกที่นี่เลย
อ่าน EP ต่อไป
ย้อนกลับไปอ่าน EP ก่อนหน้านี้
ติดตามซีรีส์การเงิน “ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน” ตอนอื่น ๆ ได้ที่นี่