หุ้นสุดฮอตที่เพิ่ง IPO ไปไม่นาน OR ได้ประกาศเข้าซื้อหุ้น “โอ้กะจู๋” หนึ่งในร้านอาหารออแกนิคสุดฮิต ที่ช่วงเปิดตัวใหม่ ๆ นั้นต้องเข้าแถวนานถึง 2-3 ชั่วโมง โดยการเข้าซื้อครั้งนี้เป็นการเข้าซื้อผ่านบริษัทลูก บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด หวังเกื้อหนุนธุรกิจกันและกัน สร้างการเติบโตของรายได้ขยายสาขาและผลิตภัณฑ์ในอนาคต
อ่านต่อเรื่อง ขั้นตอนการนำใบหุ้น OR เข้าพอร์ต
“โอ้กะจู๋” คือใคร ?
โอ๋กะจู๋เป็นร้านอาหารสุขภาพของไทยเองที่โด่งดังขนาดมีคิวยาวเกือบทุกสาขา โดยจุดเริ่มต้นของโอ้กะจู๋นั้นเกิดขึ้นจากคุณอู๋ ชลากร เอกชัยพัฒนากุล และคุณโจ้ จิรายุทธ ภูวนผล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของชื่อ “โอ้กะจู๋” เป็นการนำชื่อของทั้งสองคนมาผวนคำ ในช่วงแรกเริ่มต้นจากปลูกผักส่งขาย โดยมีคุณต้องวรเดช สุชัยบุญศิริ เข้ามาร่วมธุรกิจ ช่วยดูแลเรื่องปุ๋ยอินทรีย์
หลังจากปลูกผักมาได้ 2 ปี ก็เริ่มต้นธุรกิจจากคาเฟ่ Farm To Table ที่นำผักที่ทั้งสองปลูกกันเองมาใช้เป็นวัตถุดิบในร้าน พร้อมกับเมนูสเต็กที่กินคู่กับผัก ทำให้ร้านขายดีมากจนสามารถขยายสาขามากรุงเทพได้ และได้รับผลตอบรับที่ดีเช่นกัน จนมีคนแห่กันเข้าไปเข้าคิวทานกันอย่างล้นหลาม
สิ่งที่น่าสนใจเลยคือสาขาที่โอ้กะจู๋มาเปิดที่สยามนั้นได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก จนถึงขั้นต้องเปิด 2 สาขาในบริเวณใกล้เคียงกัน และทั้งสองสาขาก็มีคิวยาวเกือบตลอด
โดยในปัจจุบันโอ้กะจู๋มีสาขาด้วยกัน 14 สาขา เป็นสาขาที่เชียงใหม่ 2 สาขา และรอบ ๆ กรุงเทพอีก 12 สาขา
โอ้กะจู๋มีกำไรเท่าไหร่ ?
รายได้ของบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด
ปี 2560
- รายได้ 84,302,181.98 บาท
- กำไร 1,828,247.02 บาท
ปี 2561
- รายได้ 181,547,821.12 บาท (เติบโต 115.35%)
- กำไร 11,787,566.24 บาท (เติบโต 544.74%)
ปี 2562
- รายได้ 637,456,753.55บาท (เติบโต 251.12%)
- กำไร 79,831,261.59 บาท (เติบโต 577.24%)
Source: https://datawarehouse.dbd.go.th/
เมื่อพี่ทุยมาดูรายได้ย้อนหลังของโอ้กะจู๋ พบว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเพราะมีรายเติบโตเฉลี่ย 170% ต่อปี โดยปีล่าสุดเติบโตถึง 251.12% ในขณะที่กำไรนั้นก้าวกระโดดยิ่งกว่าเติบโตเกิน 500% ทุกปี ทำให้เห็นว่าไม่ใช่เพียงแค่รายได้ที่โตอย่างเดียว แต่บริษัทเองก็สามารถควบคุมรายจ่ายได้ดีขึ้นทุกปีด้วย
ทำไม OR ถึงซื้อโอ้กะจู๋ ?
การเข้าซื้อครั้งนี้ OR มีแผนในการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) เป็นแผนเพื่อเพิ่มกำไรระยะยาว โดยเน้นการลงทุนธุรกิจแบบร่วมทุนกับบริษัทที่มีศักยภาพ พร้อมเน้นการขยายช่องทางในการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage : F&B)
ซึ่งตัวโอ้กะจู๋เอง นอกจากจะมีรายได้ที่เติบโตสูงก็ยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทอีกด้วย ทั้งด้านความสดใหม่ของสินค้าและเทรนด์การรักสุขภาพ โดย OR ได้ลงทุนในสัดส่วน 20% ของบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด และตั้งเป้าจะขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋ไปตามสถานีป้ำน้ำมัน ปตท.
รวมถึงการจำหน่ายสินค้าแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Cafe Amazon อีกด้วย ซึ่งปตท.มีปั๊มน้ำมันกว่า 1,900 สาขาทั่วประเทศ และ Amazon มีสาขาด้วยกันกว่า 3,000 สาขา ซึ่งเป็นช่องทางที่สามารถทำให้โอ้กะจู๋ขยับขยายเติบโต
อีกทั้งการลงทุนในโอ้กะจู๋ ยังสอดคล้องกับนโยบายธุรกิจของ OR ที่จะลงทุนและพัฒนาสินค้าเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค และสนับสนุนธุรกิจ SME
ส่วนในด้านของ อ้กะจู๋ เอง ก็มีแผนที่จะนำเงินจากการลงทุนของ OR ไปขยายธุรกิจต่อ เช่น Smart Farm ที่จะช่วยให้บริษัทได้รับผลผลิตอย่างสม่ำเสมออย่างมีคุณภาพ และเตรียมพร้อมจะสร้างครัวกลางที่เชียงใหม่เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้า รองรับไปยังสาขาที่ขยายต่อไปยังภูมิภาคต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
OR จะมีทิศทางอย่างไรหลังซื้อโอ้กะจู๋ ?
OR เข้าซื้อหุ้นโอ้กะจู๋ 20% ในมูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัดนั้น มีมูลค่าบริษัทเกือบ 2,500 ล้านบาท และมีกำไร 80 ล้านบาท ในขณะที่ OR มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 357,007.5 ล้านบาท และมีกำไร 10,000 ล้านบาท เมื่อคิดตามสัดส่วน ผลกระทบจากรายได้ของ โอ้กะจู๋ ต่อธุรกิจ OR อาจจะไม่ได้มีสัดส่วนเยอะเท่าไหร่ พี่ทุยมองว่าไม่น่ามีผลในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันได้นัก
แต่ที่น่าสนใจคือต้องรอดูตัวเลขการเติบโตของโอ้กะจู๋ หลังดำเนินธุรกิจร่วมกันนั้นจะเป็นอย่างไร เพราะการร่วมมือกับ OR เป็นส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพของโอ้กะจู๋อย่างก้าวกระโดด เพราะปัจจุบันโอ้กะจู่มีการลงทุนแค่ใน 2 คือ จังหวัดกรุงเทพและเชียงใหม่เท่านั้น ยังเหลือพื้นที่ให้พัฒนาเติบโตอีกมาก อนาคตอาจเติบโตและเป็นหนึ่งรายได้สำคัญของ OR ก็เป็นได้..