[สรุปโพสต์เดียวจบ] “มาตรการช่วยเหลือ SMEs” จากวิกฤตโควิด-19

[สรุปโพสต์เดียวจบ] “มาตรการช่วยเหลือ SMEs” จากวิกฤตโควิด-19

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการช่วยเหลือ SMEs และเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดตราสารหนี้
  • การระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มรุนแรงและยืดเยื้อ ทำให้ทาง ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกนโยบายเพื่อช่วยเหลือภาค SMEs เป็นภาคส่วนที่สำคัญและเป็นแหล่งจ้างงานหลักของประเทศ
  • ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกรวมทั้งหมด 4 มาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพและลดความผันผวนที่เกิดขึ้นในระบบ ณ เวลาปัจจุบัน พร้อมออกมาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมหากมีความจำเป็น

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มรุนแรงและยาวนานมากขึ้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจึงออก “มาตรการช่วยเหลือ SMEs” เพิ่มเติมจาก “มาตรการดูแลเยียวยาโควิด-19 ระยะที่ 3” ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก รวมถึงเป็นแหล่งจ้างงานหลักของประเทศด้วย  เพื่อให้มีทั้งสภาพคล่องที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจและรักษาการจ้างงานต่อไปได้ โดยมาตรการที่ช่วยเหลือ SMEs ครั้งนี้ ประกอบด้วย 4 มาตรการหลักด้วยกัน

4 “มาตรการช่วยเหลือ SMEs”

มาตรการที่ 1 : การเลื่อนกำหนดชำระหนี้สำหรับธุรกิจ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยให้ SMEs มีสภาพคล่อง

ในระยะเวลาผ่อนผันนั้นไม่ต้องชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ที่สำคัญช่วงที่ผ่อนปรนหนี้ไม่ถือว่าเสียประวัติข้อมูลเครดิต แต่สำหรับ SMEs ที่ไม่ได้รับผลกระทบแนะนำว่าควรชำระหนี้ตามปกติหรือตามความสามารถ เนื่องจากมาตรการนี้จะเลื่อนเพียงวันชำระเท่านั้น แต่ทางธนาคารยังคิดดอกเบี้ยตามปกติ

มาตรการที่ 2 : การสนับสนุนสินเชื่อใหม่ (soft loan) ให้แก่ธุรกิจ SMEs  วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนพิเศษร้อยละ 2 ต่อปี โดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วง 6เดือนแรก

จุดประสงค์หลักของมาตรการนี้เพื่อเสริมสภาพคล่อง โดยในช่วง 2 ปี ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอัตราพิเศษที่ 2% ต่อปี โดยช่วง 6 เดือนทางธนาคารจะรับภาระดอกเบี้ยแทนลูกหนี้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ในช่วงนี้

มาตรการที่ 3 : มาตรการเสริมสภาพคล่องเพื่อดูแลเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน

เนื่องจากมูลค่าตราสารหนี้เอกชนของไทยนั้นมีมูลค่ามากกว่า 3.6 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่อย่างมาก มีมูลค่าประมาณร้อยละ 20 GDP และในสภาวะนี้อาจจะทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของตลาดตราสารหนี้ได้ ผู้ลงทุนขาดความเชื่อมั่น ทำให้การต่ออายุหนี้ทำได้ยาก (Rollover) จึงเสี่ยงต่อปัญหาการขาดสภาพคล่องจะลุกลามในวงกว้าง ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาเชิงระบบตามมาได้ ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมสภาพคล่องเพื่อให้กลไกตลาดทำงานได้ตามปกติ

มาตรการที่ 4 : ลดเงินนำส่ง FIDFของธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (สถาบันการเงิน) เพื่อลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคธุรกิจและประชาชน

การปรับลดเงินนำส่งให้ผลใกล้เคียง คือเหมือนกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ครั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดเงินนำส่งจากเดิมร้อยละ 0.46 เหลือเพียง 0.23 เป็นระยะเวลา 2 ปีเพื่อให้สถาบันการเงินไปปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มเติมให้กับประชาชนได้

หน้าที่หลักของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ใช่การบิดเบือนกลไกตลาด แต่เพื่อรักษาเสถียรภาพและลดความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาด และด้วยสภาวะการระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในระบบที่สูงเสี่ยงต่อการลุกลามไปในวงกว้าง ธนาคารแห่งประเทศไทยจำเป็นต้องเตรียมเครื่องมือที่พร้อมใช้เพื่อดูแลเสถียรภาพได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยเองได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิดและพร้อมออกมาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมหากมีความจำเป็น

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply