เมื่อเช้าวันที่ 15 พ.ย. 2022 มีข่าวใหญ่ในวงการลงทุน โดย Berkshire Hathaway Inc บริษัทโฮลดิ้งข้ามชาติของสุดยอดนักลงทุนอย่าง Warren Buffett เข้าซื้อ หุ้น TSMC ด้วยเงิน 4,100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในอดีต Berkshire Hathaway ไม่นิยมลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี ดังนั้นการลงทุนรอบนี้จึงเป็นอีกครั้งที่หลุดไปจากกรอบเดิมเหมือนเมื่อครั้งลงทุนใน Apple
พี่ทุยจึงขอพานักลงทุนทุกคนไปเจาะลึกบริษัท TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ว่ามีความน่าสนใจอย่างไร ทำไมปู่ Buffett ถึงได้เข้าลงทุน?
ภาพรวมบริษัทผลิตชิปทั่วโลก
ในโลกของชิปที่มีบริษัทมากมายซึ่งในความจริงแล้วไม่ใช่ทุกบริษัทจะทำธุรกิจผลิตชิป แต่ละบริษัทมีรูปแบบธุรกิจแตกต่างกัน ซึ่งแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย
- Fabless – เอาไว้เรียกกลุ่มบริษัทวิจัยและพัฒนา ออกแบบรูปแบบชิป เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โปรแกรมออกแบบชิปและซอฟต์แวร์ที่ใช้กับชิป
- Foundry – ใช้เรียกกลุ่มบริษัทที่รับจ้างผลิตชิปที่ออกแบบโดยกลุ่ม Fabless
- OSAT (Outsourced Semiconductor Assembly & Testing) – บริษัททดสอบชิป ประกอบชิปเข้ากับแผงวงจรในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- IDM (Integrated Device Manufacturer) – กลุ่มบริษัทที่ดำเนินงานเองทั้งหมดตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ ผลิต และประกอบชิปลงแผงวงจร
บริษัทชิปในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม IDM และ Fabless กลุ่มซอฟต์แวร์ออกแบบชิป ผู้ผลิตเครื่องจักรผลิตชิป ส่วนยุโรปก็มี ASML ที่เป็นผู้เครื่องจักรผลิตชิป และ NXP ซึ่งเป็น IDM ฝั่งเอเชียส่วนใหญ่เป็น Foundry นับเป็นทวีปที่ผูกขาดการผลิตชิปของโลกทั้ง TSMC และ Samsung Electronics ส่วน Tokyo Electron ของญี่ปุ่นก็ทำธุรกิจวัตถุดิบผลิตชิป
รูปแบบธุรกิจของ หุ้น TSMC
Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC ก่อตั้งเมื่อปี 1987 เติบโตหนุนเศรษฐกิจไต้หวันและเป็นหุ้นอันดับ 1 ในตลาดหุ้นไต้หวัน รับอานิสงส์จากรัฐบาลไต้หวันที่ตัดสินใจสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรม
TSMC มีจุดเด่นด้านการเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตชิปที่ซับซ้อนโดยเฉพาะ ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญและการลงทุนเครื่องจักรที่สูงมาก รัฐบาลไต้หวันก็มีนโยบายสนับสนุนด้านนี้เช่นกัน
TSMC เป็นบริษัท Foundry คือรับจ้างผลิต โดยรับงานที่ออกแบบบริษัทในกลุ่ม Fabless เช่น AMD, Nvidia, Apple เป็นต้น ซึ่งความสำคัญของ TSMC ปรากฏชัดในกรณีที่สหรัฐฯ แบนไม่ให้ผลิตชิปให้ Huawei จากนั้นโทรศัพท์จาก Huawei ก็หลุดวงโคจรการแข่งขันไปเลย
ไตรมาส 2 ปี 2022 TSMC ครองสัดส่วนการผลิต 53.4% ของตลาดผู้ผลิตชิปทั่วโลก นำห่างอันดับ 2 อย่าง Samsung Electronics ซึ่งมีสัดส่วน 16.5% ส่วนอันดับ 3 เป็นของ Taiwan’s United Microelectronics Corp. (UMC) มีสัดส่วนที่ 7.2% ซึ่งหากนับเฉพาะการผลิตชิปขั้นสูงสำหรับคอมพิวเตอร์ TSMC คิดเป็น 90% ของกำลังการผลิตทั่วโลก
TSMC เป็นที่รู้จักมากที่สุดหลัง COVID-19 ระบาดจนกระทบการผลิตจนมีปัญหา Supply chain และกลับมาอยู่ในสายตานักลงทุนอีกครั้งเมื่อ Warren Buffett ปรมาจารย์การลงทุนเน้นคุณค่า (VI) เข้าถือครองหุ้น TSMC ด้วยเงินจำนวน 4,100 ล้านดอลลาร์ ส่งให้ราคาหุ้น TSMC ในตลาดหุ้นไต้หวันพุ่งกว่า 8%
รายได้และกำไร หุ้น TSMC
รายได้และกำไรเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่มี COVID-19 ระบาดเมื่อต้นปี 2020 โดยในปี 2020 มีรายได้ 45,480 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 31.4% (YoY) กำไรอยู่ที่ 17,590 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 57.48% (YoY) เรียกว่าเติบโตสวนทางสภาพเศรษฐกิจ
และปี 2021 รายได้ยังเติบโตอีก 24.95% (YoY) มาที่ 56,830 ล้านดอลลาร์ กำไรเพิ่มขึ้น 21.43% (YoY) มาที่ 21,360 ล้านดอลลาร์
สำหรับไตรมาส 3 ปี 2022 มีรายได้ 20,160 ล้านดอลลาร์ เติบโต 35.48% (YoY) มีกำไร 9,240 ล้านดอลลาร์ เติบโต 64.65% (YoY) ที่สำคัญ คือ มีอัตรากำไรขั้นต้น 60.4% และอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 45.8% ล่าสุด TSMC เปิดเผยรายได้เดือนตุลาคม 2022 ออกมาที่ 6,771 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 56.3% (YoY)
ข้อมูลไตรมาส 3 ปี 2022 เผยว่ารายได้หลักของ TSMC มาจากชิปในสมาร์ทโฟน 41% ตามด้วยชิปในคอมพิวเตอร์ขั้นสูง 39% และชิปในอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) 10% ส่วนชิปในรถยนต์ที่กระแสยานยนต์ไร้คนขับกำลังมาแรงมีสัดส่วนเพียง 5%
หุ้น TSMC กับโอกาสการเติบโต
อุตสาหกรรมชิปอยู่เบี้องหลังเกือบทุกสิ่งในโลกดิจิทัลไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น หากไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนที่ TSMC ผลิต CPU ให้ ก็อาจใช้บริการเก็บข้อมูลบน cloud ของ data center ที่ TSMC ผลิตชิปให้ ดังนั้นจึงเกาะกระแสโลกยุคดิจิตอลที่เติบโตจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว
TSMC ใช้กลยุทธ์เน้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต ไม่มีแบรนด์เป็นของบริษัท เป็นส่วนหนึ่งที่กลุ่ม Fabless ส่งมอบงานให้ผลิตมากกว่าคู่แข่ง และยังพัฒนาไปเหนือกว่ากลุ่ม OEM ซึ่งทำธุรกิจครบวงจรต้องใช้งบสูงมาก จุดที่เห็นได้ชัด คือ เป็นผู้ผลิตชิป CPU ให้ Apple แทนที่ Samsung โดยเริ่มตั้งแต่ชิป A8 ที่ใช้ใน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มาจนถึงปัจจุบัน
ได้รับแรงหนุนจาก CHIPS and Science Act ที่สนับสนุนให้สร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ ขณะที่ TSMC ทุ่มงบ 12,000 ล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานใน Arizona ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2024
สิ่งที่ได้จากการติดตามข้อมูล TSMC
จากสัดส่วนรายได้จะเห็นว่ารายได้หลักมาจากชิปในสมาร์ทโฟนและชิปในคอมพิวเตอร์ขั้นสูง ดังนั้นนักลงทุนสามารถใช้ผลประกอบการ TSMC คาดการณ์ผลประกอบการลูกค้าหลัก เช่น Apple, AMD, Nvidia
ในทางกลับกันก็สามารถใช้ประมาณการณ์ในอนาคตจากผู้บริหารของบริษัทลูกค้าเพื่อประเมินผลประกอบการ TSMC มากกว่านั้น TSMC มีเปิดเผยรายได้รายเดือนไว้บนเว็บไซต์ นักลงทุนก็สามารถใช้ข้อมูลนี้คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการ TSMC และลูกค้ารายหลักได้เช่นกัน
และก็สามารถใช้ผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรผลิตชิปให้ TSMC อย่าง ASML มาคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตของ TSMC ก็ได้ เพราะหาก TSMC รับผลิตจนกำลังผลิตไม่พอ ก็ต้องสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่จาก ASML
ความเสี่ยง
TSMC มีค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็น Fixed cost ดังนั้นกำลังการผลิตต้องมากกว่าการประเมินตอนที่สร้างโรงงาน หากน้อยกว่าก็จะกระทบผลกำไรชัดเจน ส่วนการสร้างโรงงานใหม่ก็ต้องรับความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่ม ดังนั้นต้องติดตามทิศทางอุตสาหกรรมนี้อย่างใกล้ชิด
อุตสาหกรรมชิปกลายเป็นสมรภูมิรบสำคัญระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งโรงงานผลิตของ TSMC เกือบทั้งหมดอยู่ในไต้หวัน หากมีความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างมหาอำนาจก็จะกระทบบริษัทได้
ทำไมปู่ Buffett ทุ่มเงินซื้อ หุ้น TSMC
พี่ทุยมองว่า TSMC ครองความเป็นเจ้าตลาดจนเกือบเรียกได้ว่าผูกขาดการผลิตชิป จากอดีตจะเห็นว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ต้นทุนและความเชี่ยวชาญสูง คู่แข่งใหม่จึงเข้ามาร่วมวงยาก ด้านผลิตภัณฑ์ก็ต้องบอกว่าเป็นผู้นำชัดเจน สะท้อนผ่านความไว้วางใจจากกลุ่ม Fabless ชื่อดัง สุดท้ายปู่ Buffett คงมองเห็นของดีราคาเหมาะสม จึงซื้อหุ้นไปเรียบร้อย
อ่านเพิ่ม
รูปล่าง ของ mobile
