ลงทุน Nasdaq-100 ง่าย สะดวก ปลอดภาษีด้วย QQQM19

5 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • การกระจายการลงทุนไปต่างประเทศถือว่าเป็นทางรอดของนักลงทุนไทย ณ เวลานี้
  • หุ้นเทคฯ หนึ่งในอุตสาหกรรมที่อยู่บน Mega Trend อย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถเติบโตและสร้างผลตอบแทนได้ดีอยู่เสมอ
  • QQQM19 ทางเลือกลงทุนผ่าน DR19 ใหม่จาก Yuanta ที่ลงทุนใน ETF NASDAQ-100 ตัวช่วยที่ทำให้การลงทุนในหุ้นเทคฯ ของนักลงทุนไทยเป็นเรื่องที่ง่าย สะดวก และไม่ต้องเสียภาษี!

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ลงทุน Nasdaq-100 ง่าย สะดวก ปลอดภาษีด้วย QQQM19 !

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมากระแสการลงทุนต่างประเทศเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

สาเหตุหลักก็เพราะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน อาจจะไม่ได้เติบโตอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้เท่าไหร่ ประกอบกับยุคนี้การลงทุนต่างประเทศก็ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ก็สามารถกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศได้

และพี่ทุยเชื่อว่า หนึ่งในสินทรัพย์ที่ทุกคนต้องมีติดพอร์ตในช่วงนี้กันอย่างแน่นอน ก็คือ

“หุ้นเทคโนโลยี” เพราะทั้งผลตอบแทนย้อนหลัง และแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ต้องบอกเลยว่าหุ้นเทคฯ นี่แหละ น่าสนใจจริงๆ

ลงทุน Nasdaq-100 ง่าย ถ้าดูดัชนี Nasdaq-100 ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำระดับโลกที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด 100 อันดับแรก โดยผลตอบแทนย้อนหลังของดัชนีนี้ชนะ S&P 500 และ Russell 1000 Growth Index อย่างชัดเจนแบบไม่เห็นฝุ่น

โดยหุ้นใน NASDAQ-100 ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีสำคัญ เช่น AI, Cloud, E-commerce, Cybersecurity และ Semiconductor ซึ่งถือเป็นเทรนด์ใหญ่ของโลกในอนาคต ดังนั้นจึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

Nasdaq-100ดังนั้นหากใครเชื่อว่าหุ้นเทคฯ ยังไงก็เป็นอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและเติบโตได้ดีในอนาคต และอยากกระจายการลงทุนไปหุ้นเทคฯ ผ่านดัชนี Nasdaq-100 พี่ทุยขอแนะนำ QQQM19  DR น้องใหม่จาก Yuanta ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวQQQM19 จาก YuantaQQQM19 คือ DR (Depositary Receipt) หรือตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ลงทุนใน Invesco NASDAQ-100 ETF ชื่อ QQQM ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนรายย่อยที่ต้องการถือยาว ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 0.15% ต่อปีเท่านั้น

และการเคลื่อนไหวของราคา QQQM19 มีความสัมพันธ์กับดัชนี Nasdaq-100 ในระดับที่ดี โดยมีค่า Beta อยู่ที่ 1.14 แปลว่าเมื่อ Nasdaq-100 เคลื่อนไหวขึ้นหรือลง 1% ราคาของ QQQM จะเคลื่อนไหว 1.14% ในทิศทางเดียวกันQQQM19อีกหนึ่งจุดแข็ง คือความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์นักลงทุนรายย่อย สามารถซื้อขายเป็นสกุลเงินบาทผ่านกระดานหุ้นไทยได้โดยตรง ไม่ต้องเปิดบัญชีต่างประเทศหรือแปลงสกุลเงินให้ยุ่งยาก แถมยังเริ่มต้นลงทุนได้ง่าย ด้วยเงินเพียงหลักสิบ เพราะซื้อขั้นต่ำเพียง 1 DR เท่านั้น

ที่สำคัญ! DR ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดย “ไม่ต้องเสียภาษีกำไรส่วนต่าง (Capital Gain)” ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนสายถือยาว เพราะเมื่อเวลาผ่านไป หากมูลค่าพอร์ตเติบโตขึ้นหลายเท่า ก็สามารถเก็บกำไรได้เต็ม ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาษี

ย้ำกันอีกครั้ง! ใครที่มองหาโอกาสกระจายความเสี่ยงการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีระดับโลกผ่านดัชนี Nasdaq-100 พี่ทุยแนะนำQQQM19 จาก Yuanta ทางเลือกใหม่สำหรับสายลงทุนระยะยาว เทรดได้แล้ววันนี้พร้อมกระดานหุ้นไทNasdaq-100 ETF

ใครสนใจเพิ่มเติม สามารถศึกษาข้อมูลจาก Yuanta เพิ่มเติม https://hubs.li/Q03pVDxD0

อ่านบทความนี้บนช่องทาง Facebook ของพี่ทุย คลิกเลย

QQQM19 ลงทุนใน ดัชนี Nasdaq-100 น่าสนใจยังไง ?

การลงทุนในต่างประเทศ เป็นทางเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะปัจจุบันเรามีโอกาสได้เห็นกระแสการลงทุนในต่างประเทศที่กำลังมาแรงอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งความนิยมนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการที่ตลาดการเงินในปัจจุบันได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ทำให้นักลงทุนทั่วไปมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา และที่สำคัญคือ ไม่จำเป็นต้องมีทุนเริ่มต้นสูงมากอย่างที่หลายคนคิด

ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นจากการที่เทคโนโลยีทางการเงินหรือ FinTech ได้เข้ามาช่วยลดอุปสรรคต่างๆ ที่เคยทำให้การลงทุนในต่างประเทศเป็นเรื่องยุ่งยากและต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ในอดีต การลงทุนในต่างประเทศอาจต้องผ่านโบรกเกอร์แบบดั้งเดิม มีค่าธรรมเนียมสูง และกระบวนการที่ซับซ้อน แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

การลงทุนแบบ Index Fund จึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดและเข้าถึงได้ง่าย ในบรรดารูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้ การลงทุนแบบ “เกาะดัชนี” หรือ Index Investing ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เหตุผลที่ทำให้การลงทุนรูปแบบนี้ได้รับความนิยมมากนั้น เริ่มต้นจากความเรียบง่ายในการเข้าใจและปฏิบัติ

การลงทุนแบบเกาะดัชนีมีข้อดีหลายประการที่ทำให้เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกระดับ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น ข้อดีแรกคือ ค่าธรรมเนียมที่อยู่ในระดับต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวหรือกองทุนที่มีการจัดการแบบ Active Management ค่าธรรมเนียมที่ต่ำนี้ส่งผลดีต่อผลตอบแทนในระยะยาว เพราะไม่ไปกัดกินผลกำไรที่เราควรจะได้รับ

ข้อดีที่สองและสำคัญมากคือ การกระจายความเสี่ยง (Diversification) ที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อเราลงทุนในดัชนีหนึ่งๆ เราจะได้ลงทุนในหุ้นของบริษัทหลายสิบหรือหลายร้อยบริษัทในคราวเดียว ซึ่งแตกต่างจากการซื้อหุ้นบริษัทใดบริษัทหนึ่งโดยเฉพาะ ที่จะมีความเสี่ยงสูงกว่าเพราะไข่ไม่ได้อยู่ในหลายใบ

ข้อดีที่สามคือ ความสะดวกสบายในการบริหารจัดการ เราไม่จำเป็นต้องมานั่งวิเคราะห์งบการเงินของแต่ละบริษัท ไม่ต้องคอยติดตามข่าวสารของบริษัทต่างๆ และไม่ต้องตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขายหุ้นตัวไหนเมื่อไหร่ ทั้งหมดนี้ทำให้การลงทุนแบบเกาะดัชนีเป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนระยะยาว

ซึ่ง ดัชนียอดนิยม คือ S&P 500 และ NASDAQ-100 เมื่อพูดถึงดัชนีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดโลก เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึง S&P 500 และ NASDAQ-100 ซึ่งเป็นสองดัชนีที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุด

โดย ดัชนี NASDAQ-100 มีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ มีวิธีการคำนวณและคัดเลือกบริษัทที่คล้ายคลึงกับ S&P 500 ในเรื่องของการใช้วิธี “ถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด” หรือ Market Capitalization Weighted ซึ่งหมายความว่า บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่าจะมีสัดส่วนน้ำหนักในดัชนีมากกว่าบริษัทที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ NASDAQ-100 แตกต่างจาก S&P 500 อย่างชัดเจนคือ การที่ดัชนีนี้มีการเน้นหนักไปที่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหลัก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติของตลาด NASDAQ ที่เป็นที่รวมตัวของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก

บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ครองตำแหน่งอันดับต้นๆ ในดัชนี NASDAQ-100 ได้แก่ Apple บริษัทผู้ผลิต iPhone และผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีอื่นๆ ที่คนทั่วโลกรู้จักดี, Microsoft ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และบริการคลาวด์ขนาดใหญ่, และ NVIDIA บริษัทผู้ผลิตชิปกราฟิกและเทคโนโลยี AI ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน บริษัทเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีมูลค่าตลาดสูงมหาศาล แต่ยังเป็นผู้นำในแต่ละสาขาของตนเอง

แม้ว่า NASDAQ-100 จะมีชื่อเสียงในฐานะดัชนีเทคโนโลยี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีแต่หุ้นเทคโนโลยีอย่างเดียว ความจริงแล้วดัชนีนี้ยังรวมถึงบริษัทจากหลากหลายอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าตลาดสูงและมีคุณภาพดี ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Costco Wholesale Corporation ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านค้าปลีกและค้าส่งขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา หากเราจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย Costco มีลักษณะการดำเนินธุรกิจที่คล้ายคลึงกับ Makro ในประเทศไทยของเรา คือเป็นร้านค้าส่งที่ขายสินค้าในปริมาณมากเพื่อให้ลูกค้าได้ราคาถูกกว่า และมีระบบสมาชิกที่ต้องจ่ายค่าสมาชิกประจำปี
บทความอื่น :

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile