สรุป "หุ้น CENTEL" ผู้นำธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในไทย

วิเคราะห์ “หุ้น CENTEL” ผู้นำธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในไทย

5 min read  

ฉบับย่อ

  • บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ประกอบด้วย 2 ธุรกิจหลัก นั่นก็คือธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอาหาร
  • โดยในปี 2563 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรม คิดเป็น 21.5%  ธุรกิจอาหาร 75.7% และรายได้อื่น 2.8%
  • ในปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 13,249 ล้านบาท ลดลง 7,942 ล้านบาท (หรือลดลง 37% YoY) และมีผลขาดทุนสุทธิ 2,775 ล้านบาท ลดลง 4,520 ล้านบาท (หรือลดลง 259% YoY)

 


รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

หากกล่าวถึงหุ้นที่ทำธุรกิจ โรงแรม และร้านอาหารชื่อดังในประเทศไทย คงหนีไม่พ้น “หุ้น CENTEL” หรือบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) จะมีความน่าสนใจในการลงทุนแค่ไหน วันนี้พี่ทุยได้สรุปพร้อมกับการวิเคราะห์มาให้นักลงทุนได้อ่านอย่างเข้าใจง่าย ๆ กัน

“หุ้น CENTEL” ทำอะไร ?

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ประกอบด้วย 2 ธุรกิจหลัก นั่นก็คือ

1) ธุรกิจโรงแรม

ประกอบธุรกิจโรงแรม โดยให้บริการทางด้านห้องพัก ภัตตาคารและบาร์ ห้องจัดเลี้ยง ห้องประชุม และบริการอื่น ๆ เช่น บริการซักรีด ศูนย์บริหารร่างกาย สปา สระว่ายน้ำ บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และอื่น ๆ 

ปัจจุบันโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา มีจำนวนโรงแรมและรีสอร์ทที่อยู่ภายใต้สัญญาการบริหารกว่า 54 แห่ง และโรงแรมที่บริษัทฯ ลงทุนเองอีกกว่า 23 แห่งใน 14 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนิเซีย ลาว กัมพูชา ศรีลังกา มัลดีฟส์ จีน กาตาร์ โอมาน สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรทส์ ตุรกี ญี่ปุ่น และพม่า

2) ธุรกิจอาหาร
ธุรกิจเครือร้านอาหารของ CENTEL ดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่ CENTEL ถือหุ้น 100% นั่นก็คือ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย (Food Chain Industry) ของไทย ปัจจุบันมีแบรนด์ทั้งที่เป็นแฟรนไชส์ 10 แบรนด์ พัฒนาเอง 5 แบรนด์ และ 3 แบรนด์กิจการร่วมค้า รวมกว่า 1,000 สาขาทั่วไทย

โครงสร้างรายได้ ปี 2563

สรุป "หุ้น CENTEL" ผู้นำธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในไทย

โดยในปี 2563 รายได้จากธุรกิจโรงแรม จำนวน 2,855 ล้านบาท มาจากโรงแรมที่เครือฯ เป็นเจ้าของเอง 18 แห่ง (สัดส่วนรายได้คิดเป็น 21.5%) ลดลง 5,779 ล้านบาท หรือลดลง 65% จากปี 2562 ซึ่งเป็นผลกระทบจากจำนวนผู้เข้าพักที่ลดลงในปี 2563 นั่นเอง

ในส่วนของธุรกิจอาหารของ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด มียอดขาย 10,037 ล้านบาท (สัดส่วนรายได้คิดเป็น 75.7%) ลดลง 2,147 ล้านบาท หรือ 18% จากปี 2562

และรายได้อื่นจำนวน 356 ล้านบาท (สัดส่วนรายได้คิดเป็น 2.8%) ประกอบด้วย รายได้ค่าบริหารโรงแรม รายได้ค่าเช่าและค่าบริการ รายได้จากเงินสนับสนุนทางการตลาด เงินชดเชยความเสียหายจากประกัน เป็นต้น

ผลการดำเนินงานปี 2561 – 2563

สรุป "หุ้น CENTEL" ผู้นำธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในไทย

สรุป "หุ้น CENTEL" ผู้นำธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในไทย

หากพิจารณาในงบปี 2563

บริษัทฯ มีรายได้รวม 13,249 ล้านบาท ลดลง 7,942 ล้านบาท (หรือลดลง 37% YoY)  และมีผลขาดทุนสุทธิ 2,775 ล้านบาท ลดลง 4,520 ล้านบาท (หรือลดลง 259% YoY) ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานโดยรวม คือ การระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก ในเดือน มี.ค. 2563 รัฐบาลดำเนินมาตรการปิดพรมแดนทั่วราชอาณาจักรไทยไม่เปิดรับชาวต่างชาติทุกคนโดยมีข้อยกเว้นเล็กน้อยและให้ปฏิบัติตามมาตรการการกักตัวที่เข้มงวด อีกทั้ง การประท้วงที่ยืดเยื้อในกรุงเทพมหานครในช่วง ไตรมาสที่ 4 ปี 2563 คอยซ้ำเติมให้สภาพการณ์ดังกล่าวเกิดอุปสรรคมากขึ้น รวมถึงการระบาดระลอกสองของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดย CENTEL ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยเน้นในเรื่องของมาตรฐานขั้นสูงด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยในการให้บริการ การลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย ประกอบกับมีการสร้างรายได้เพิ่มเติมในภาวะวิกฤตและการบริหารจัดการสภาพคล่อง โดยเปลี่ยนจากการตั้งเป้ารายได้มาเป็นการให้ความสำคัญในส่วนของการควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการสภาพคล่องเหนือกว่าคู่แข่งแม้ในสถานการณ์ที่ยากที่สุด

จุดแข็ง

1. หนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย (Food Chain Industry) ของไทย

ในปี 2563 บริษัทมีแบรนด์ทั้งหมด 17 แบรนด์ ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์ที่ได้รับลิขสิทธิ์ แบรนด์ที่พัฒนาเอง และแบรนด์กิจการร่วมค้า จำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 1,120 สาขา โดยมีแบรนด์ในมือเช่น KFC, Mister Donut, Auntie Anne’s เป็นต้น

2. ทำเลที่ตั้งที่หลายหลายครอบคลุม 14 ประเทศทั่วโลก

ปัจจุบันโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา มีจำนวนโรงแรมและรีสอร์ทที่อยู่ภายใต้สัญญาการบริหารกว่า 54 แห่ง และโรงแรมที่บริษัทฯ ลงทุนเองอีกกว่า 23 แห่งใน 14 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนิเซีย ลาว กัมพูชา ศรีลังกา มัลดีฟส์ จีน กาตาร์ โอมาน สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรทส์ ตุรกี ญี่ปุ่น และพม่า

3. บริษัทได้รับรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านนักลงทุนสัมพันธ์ดีเด่น เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นด้านการดำเนินกิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์ และมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงและมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี รวมถึงการมีชื่อเสียงด้านสัมพันธภาพที่ดี กับพนักงาน ลูกค้า และนักลงทุน 

4. มาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยสำหรับการท่องเที่ยว

ได้รับการรับรองคุณภาพจากบริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้เชี่ยวชาญ ด้านการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยระดับโลก รวมถึงการทำงานร่วมกับอีโคแล็บ (Ecolab) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีความสะอาดและสุขอนามัย เพื่อนำนวัตกรรมด้านสุขอนามัยอันทันสมัยต่าง ๆ มาใช้ในโรงแรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของเซ็นทารา 

อัตราส่วนทางการเงินของ “หุ้น CENTEL”

สรุป "หุ้น CENTEL" ผู้นำธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในไทย

หากพิจารณาในงบ ปี 2563

ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มาอยู่ที่ 23.70 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ที่ราคาหุ้น ณ สิ้นปี 2562 อยู่ที่ 25.00 บาท เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการดำเนินงาน ของโรงแรมและร้านอาหารของบริษัทฯ

P/BV Ratio มีค่าที่สูงกว่า 1 บ่งบอกถึงนักลงทุนมองเห็นแนวโน้มในอนาคตว่าบริษัทฯ จะเติบโตจนมีกำไรสะสมกลับมาช่วยทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต เนื่องจากในระยะยาวนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในฐานการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ และพลิกฟื้นผลประกอบการกลับไปสู่ระดับก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ได้

“กำไรต่อหุ้น (EPS)” ลดลงอย่างมีนัยสำคัญบ่งบอกถึงบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ต่ำลงเมื่อเปรียบเทียบกับงบปี 2562  โดยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ -2.06 บาท/หุ้น จากงบปี 2562 อยู่ที่ 1.29 บาท/หุ้น

ถ้าเราลองดูงบปี 2563 จะไม่สามารถคำนวณหาค่า P/E ได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีผลประกอบการขาดทุนจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19

D/E Ratio เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ฯ จากการเพิ่มขึ้นของส่วนของหนี้สินตามสัญญาเช่าที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี และเงินกู้ยืมสถาบันการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการบริหารจัดการสภาพคล่อง 

อย่างไรก็ตาม D/E Ratio ในปีงบปี 2563 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2.46 เท่า บ่งบอกถึงบริษัทมีหนี้สินรวมมากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้นนั่นเอง

ROA และ ROE ตามหลักการแล้วยิ่งสูงยิ่งถือว่า บริษัทนั้นสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากดูในงบปี 2563 แล้วพบว่า ทั้งสองอัตราส่วนลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากกำไรสุทธิที่ลดลงนั่นเอง

เป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ CENTEL

1. การขยายพอร์ตการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า

2. การบุกเบิกและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

3. เป็นผู้นำในธุรกิจอาหาร โดยการส่งมอบมื้ออาหารที่อร่อย คุ้มค่า คุ้มราคา จากการบริการด้วยใจให้กับลูกค้าทุกคน 

4. มุ่งมั่นสรรสร้างนวัตกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค เพื่อส่งต่อประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

5. การขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน 

ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น โดนัทแป้งโฮลวีท อาหารพร้อมทานเพื่อ Delivery เช่น เกี๊ยวซ่าของแบรนด์ชาบูตง อีกทั้ง จัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าที่สั่งซื้ออาหารผ่านการให้บริการของพันธมิตรแพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าช่วงสถานการณ์โควิด-19

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการขยายสาขาของแบรนด์เดิมที่บริษัทมีอยู่ให้ครอบคลุมทั่วไทย เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าและเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยมุ่งเน้นการรักษามาตรฐานสินค้าให้อยู่ในระดับสูง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ

นอกเหนือจากนี้ บริษัทยังมีแผนการเพิ่มแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาใน Portfolio ของบริษัท เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายมากขึ้น บริษัทยังมีแผนในการขยายธุรกิจสู่ช่องทางการขายใหม่ ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเป็นการสร้างโอกาสในการทำรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นในอนาค

อนาคตของ หุ้น CENTEL จะเป็นอย่างไร มีประเด็นอะไรที่ต้องติดตาม ?

1. ความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจ

จากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ซบเซาต่อเนื่องมาจากปี 2563 ประกอบกับสภาวะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงอย่างเป็นประวัติการณ์ จากผลกระทบของสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทฯ ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เพื่อลดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ ต่อธุรกิจของบริษัทมาตรการต่าง ๆ ก็จะถูกนำมาปรับใช้เพื่อยังคงสามารถสร้างความแข็งแกร่งโดยสร้างความหลากหลายให้กับแบรนด์เพื่อครอบคลุมทุกตลาดที่มีศักยภาพ

2. การลงทุนในต่างประเทศ

CENTEL ได้ขยายกลยุทธ์การลงทุนไปยังประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มหาสมุทรอินเดียและตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงเมืองหน้าด่านการท่องเที่ยวบางแห่งที่สำคัญ เพื่อส่งเสริมธุรกิจในปัจจุบันและสร้างการเติบโตในระยะยาว 

3. ภาวะการแข่งขัน

ในปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก ผู้ประกอบการรายเดิมมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการซื้อกิจการอาหารใหม่ ๆ เพื่อขยายและส่งเสริมธุรกิจที่มีอยู่แล้วให้เจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น และผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่ต้องการขยายธุรกิจมาในธุรกิจอาหาร เนื่องจากเป็นตลาดที่สามารถเข้ามาแข่งขันได้ง่ายกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจโรงแรม จึงทำให้มีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก  

ส่วนธุรกิจโรงแรมนั้น มีการแข่งขันกันให้ข้อเสนอพิเศษ (ลดราคา) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวภายในประเทศให้มาใช้บริการ บริษัทจึงต้องแข่งขันกับบริษัทอื่นที่ประกอบกิจการลักษณะเดียวกันทั้งในระดับสากล ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น

4. ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่างประเทศ

บริษัทฯ และบริษัทในเครือมีรายได้บางส่วนเป็นสกุลต่างประเทศ เช่น รายได้จากการรับบริหารโรงแรมในต่างประเทศ เงินปันผลรับจากโรงแรมในต่างประเทศ และรายได้จากผู้แทนบริษัทนำเที่ยวในประเทศอื่น ๆ ซึ่งรายได้ดังกล่าวผันแปรตามอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่างประเทศ

5. อัตราเข้าพักคาดการณ์ Q3/2564 เฉลี่ย 14-18% ก่อนฟื้นสู่ 30-40% ในไตรมาสสุดท้าย

บริษัทฯ มองภาพรวมธุรกิจโรงแรมในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าในช่วงไตรมาส 3/64 อัตราการเข้าพัก จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/64 หรือคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 14-18% แม้มีโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เข้ามาหนุน โดยโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ภูเก็ต ก็ได้รับอานิสงส์ดังกล่าว ขณะที่บริษัทคาดหวังการเติบโตของอัตราการเข้าพัก ในไตรมาส 4/64 จะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 30-44% โดยเฉพาะปลายไตรมาสคาดว่าอัตราการเข้าพัก จะปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 50-70%

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย