พี่ทุยได้พาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวในงบประหยัดมาแล้วหลายที่ วันนี้จะพาขึ้นเหนือไปแอ่ว เชียงใหม่ กันบ้างนะ เป็นทริป 3 วัน 2 คืน ในเชียงใหม่ที่ประหยัดและคุ้มค่ามาก เที่ยวแบบครบเครื่องเลย ทั้งกินของอร่อยของขึ้นชื่อที่ห้ามพลาด ขึ้นดอยแตะหมอกสัมผัสธรรมชาติ เสพศิลป์ที่พิพิธภัณฑ์ชื่อดัง พร้อมกับแจกแจงรายละเอียดในการเที่ยวครั้งนี้ให้ได้รู้กัน ไปลุยกันเลยยยย!!!
ถึงวันเดินทางที่น่าตื่นเต้นของพี่ทุยและผองเพื่อนแล้ว พี่ทุยเลือกที่จะเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยรถไฟแบบพัดลมธรรมดาเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ออกเดินทางเวลา 22.00 น. เพื่อที่จะได้ถึงเชียงใหม่ในช่วงเช้าของวันถัดไป ใช้เวลาในการเดินทาง 12 ชั่วโมง ซึ่งค่าตั๋วขาไปจะอยู่ที่คนละ 373 บาท แต่พี่ทุยมาถึงสถานีหัวลำโพงตั้งแต่ฟ้ายังสว่างเพราะบ้านไกลกว่าเพื่อน + ตื่นเต้น ฮ่า แนะนำให้ซื้อขนมหรือข้าวขึ้นมาตุนนะ เป็นการประหยัดอาหารมือเช้าไปในตัวด้วย อาจจะขนมจีบสักสองไม้ รับซาลาเปาเพิ่มด้วยมั้ย ฮ่า
เมื่อถึงเชียงใหม่ในตอน 8.45 น. พี่ทุยก็รีบเอาของไปเช็คอินที่พักที่ชื่อว่า Bedgasm Poshtel x Café แถวถนนนิมมานเหมินทร์เลยทันที ที่พักที่นี่เป็นแบบสไตล์ Loft มีคาเฟ่ในตัว และมีเสื้อผ้าขายด้วย
1 ห้อง สามารถนอนได้ 2 คน พี่ทุยกับผองเพื่อนมากัน 4 คน ก็จองเป็น 2 ห้อง 2 คืน พี่ทุยจองใน แอปพลิเคชัน Agoda เหลือเพียงคืนละ 580 บาท หารกับเพื่อน 2 คน เหลือเพียงคืนละ 290 บาท พัก 2 คืน ค่าที่พักตกคนละ 580 บาทเท่านั้นเอง
https://www.facebook.com/bedgasmposhtel
ก่อนที่เราจะเที่ยวได้ก็ต้องเช่ารถก่อน แนะนำให้จองมาจากกรุงเทพฯเลยนะ มาถึงจะได้รวดเร็ว รถที่เชียงใหม่มีให้เช่าเยอะมากเลือกกันดีดีล่ะ พี่ทุยเลือกเช่าในราคา 800 บาท/วัน เติมน้ำมันมาให้แล้วเต็มถัง เช่าทั้งหมด 3 วัน เป็นราคา 2,400 บาท + ค่าน้ำมันตลอด 3 วัน อีก 500 บาท สรุปรวมแล้วค่าเดินทางทริปนี้ 2,900 บาท หารสมาชิกทั้งหมด 4 คน ตกคนละ 725 บาท
เมื่อพักงีบได้หนึ่งตื่น ร่างกายก็พร้อมตะลุยเชียงใหม่แล้ว ร้านแรกที่จะไปดับร้อน เห็นทีคงหนีไม่พ้นไอศกรีมร้านนี้ เพื่อนพี่ทุยกระซิบมาว่า ร้านนี้ไอศกรีมเป็นแบบโฮมเมด อร่อย เนื้อแน่น ก็ไปจัดกันสักหน่อย กับร้านไอติมบ้านยาย ไม่ไกลจากที่พัก อยู่ที่ถนนศิริมังคลาจารย์ ร้านน่ารักมาก สาว ๆ มาถึงต้องชอบเพราะมุมถ่ายรูปเพียบจนลืมไปแล้วว่ามีไอศกรีม ฮ่า ร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น บรรยากาศค่อนข้างอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน พี่ทุยสั่งเป็นไอศกรีมรสนมฮอกไกโดใส่วาฟเฟิลโคน ในราคา 55 บาท
https://www.facebook.com/itimbaanyaii
พอร่างกายได้เติมของหวานกันแล้ว ก็แวะไปเติมบุญกันสักหน่อยที่วัดพระธาตุดอยคำ บอกเลยว่ามาถึงเชียงใหม่ไม่มากราบไหว้ที่นี่ถือว่าพลาดมาก ที่วัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องขอพร ขอโชคลาภเงินทอง ของาน กับ “หลวงพ่อทันใจ” พี่ทุยก็ไม่พลาดที่จะมาขอพรกับเขาเช่นกัน ผู้คนมาขอพรกันเยอะมาก คนเยอะทุกวัน แผงลอตเตอรี่ก็เพียบ จนเลือกซื้อไม่ถูกเลยว่าร้านไหนดี ฮ่า
หลังจากอิ่มบุญกันแล้ว แต่ไม่อิ่มท้อง เย็นนี้พี่ทุยขอเสนอ ร้านอาหารเหนือที่ชื่อว่า ‘ฮ้านถึงเจียงใหม่’ มาถึงเชียงใหม่ก็ต้องกินอาหารเหนือให้ครบทุกอย่าง พี่ทุยและผองเพื่อนหิวมาก เลยสั่งมาเยอะตามที่เห็นในภาพเลย ส่วนตัวพี่ทุยชอบปูอ่องมาก เพราะหากินยากในกรุงเทพฯ รสชาติจะมัน ๆ เค็ม ๆ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ คือฟินสุด แนะนำให้ลองแล้วจะติดใจ รวมแล้วมือนี้อยู่ที่ 620 บาท หาร 4 คน ตกคนละ 155 บาทจ้า
มาถึงเชียงใหม่ทั้งทีจะไม่ไปนั่งชิลสักหน่อยก็กระไรอยู่ พี่ทุยและผองเพื่อนมากันที่ร้าน “Yellow Pug” ใครสายคราฟต์เบียร์ เชิญทางนี้เลย เขามีเครื่องดื่มหมุนเวียนมาเสิร์ฟจากทุกมุมโลก อยู่ที่ถนนวัวลายซอย 3 บรรยากาศในร้านดีมาก เน้นนั่งชิล มีดนตรีสด ทำนองฟังสบายหู เพลงเบา ๆ มีเบียร์อีก 1 แก้ว ลงตัวที่สุด
พี่ทุยสั่งเบียร์ 1 แก้วในราคา 110 บาท 1 แก้ว อยู่ได้ทั้งคืน เน้นเสพบรรยากาศ ตัวร้านจะเป็นแบบเพดานสูง ตกแต่งแบบเท่ ๆ เหมาะกับคนเท่ ๆ แบบพี่ทุยและผองเพื่อน ร้านนี้เป็นอีก 1 ร้านในดวงใจ แนะนำให้มา
เป็น 1 วันที่ครบรสมาก ๆ วันนี้พี่ทุยขอตัวไปพักผ่อนเพื่อพาเพื่อน ๆ ไปลุยในวันพรุ่งนี้กันต่อนะ
DAY 2
เช้าวันที่ 2 ของการอยู่เชียงใหม่ เริ่มต้นที่ “ร้านข้าวมันไก่เกียรติโอชาสามกษัตริย์” พี่ Grab ที่ขับมาส่งที่พักวันแรกแนะนำให้ลองมากิน เพราะเป็นเจ้าดังในเชียงใหม่ พี่ทุยก็หูเบาเขาแนะนำให้ไปไหน กินอะไร ไปหมด ฮ่า แต่ว่าอร่อยจริงยกนิ้วให้ จานละ 55 บาท วันนี้พี่ทุยจะพาทุกคนหนีจากตัวเมืองไปพบปะธรรมชาติรับรองไม่มีผิดหวัง ลุย !
ต้องบอกก่อนว่าจุดหมายปลายทางของเราวันนี้คือ “ดอยแม่โถ” แต่ทางผ่านก็สวยไม่แพ้กัน สามารถแวะถ่ายรูปได้ ที่นี่ก็คือ “สวนสนบ่อแก้ว” สามารถเข้ามาเยี่ยมชมและถ่ายรูปได้เลยโดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชม พี่ทุยอยู่ที่สวนสนบ่อแก้วราว ๆ ชั่วโมงหนึ่งได้ เพราะถ่ายรูปเก็บคอนเทนต์เพลินมาก พอถ่ายรูปจนพอใจก็ออกเดินทางต่อเพื่อไปดอยแม่โถ ใช้เวลาราว ๆ 1-2 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงทางขึ้นดอยแม่โถ
และแล้วก็มาถึงทางขึ้นดอยแม่โถจนได้ แต่เรื่องที่น่าเศร้าคือเราไม่สามารถขับรถที่เช่ามาขึ้นไปได้ เพราะเส้นทางค่อนข้างทรหดนิดหน่อย จึงต้องเหมารถกระบะคันนี้ขึ้นไป ในราคาไป-กลับ 500 บาท พี่ทุยมีกัน 4 คน แต่โชคดีมีเพื่อนร่วมทางที่ขอหารค่ารถขึ้นไปด้วยกันอีก 6 คน ได้เพื่อนใหม่เฉย เลยทำให้ประหยัดค่ารถตรงนี้ไปได้มาก 500 บาท หาร 10 คน ตกคนละ 50 บาทเอง นับว่าโชคดีมากที่ได้เพื่อนใหม่ ก่อนจะขึ้นไปก็เติมพลังด้วยบะหมี่เกี๊ยว 1 ชาม ในราคา 40 บาท ร้านหาไม่ยากเลย เพราะตรงทางขึ้นดอยแม่โถมีอยู่ร้านเดียว ฮ่า
เมื่อรถพาเราขึ้นมาส่ง เขาก็จะจอดรอเพื่อพาเรากลับ ขึ้นมาถึงดอยแม่โถ ถึงกับต้องอุทานว่าโอ้โห!! มันสวยมาก อากาศดีมาก เห็นวิวท้องฟ้าภูเขาแบบ 360 องศา ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย บอกเลยว่าไม่มีผิดหวัง เป็นอีกหนึ่งที่ที่มาแล้วอยากจะกลับไปอีกรอบ ถึงจะไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่เกือบ 3 ชั่วโมงก็ตาม แนะนำเพื่อน ๆ เลยว่าต้องมาให้ได้
วันนี้เราก็ดื่มด่ำกับธรรมชาติกันมาพอสมควร ได้เวลาขับรถกลับไปที่ตัวเมืองเชียงใหม่เพื่อหาข้าวกินกันจ้า
เย็นนี้จัดหนักแบบแซ่บ ๆ กับร้าน “ยำปูม้าเจ็ดยอด” อยู่ในซอยเจ็ดยอดช้างเคี่ยน ร้านอยู่ตรงข้ามกับ Lotus เมนูยำที่ใส่ปลาร้าคือนัวมาก กุ้งแช่น้ำปลาตัวใหญ่เนื้อเด้งกรุบ มื้อนี้อิ่มท้องในราคา 560 บาท หาร 6 คนเพราะมีเพื่อนมาแจมอีก 2 คน ตกคนละ 93 บาทเท่านั้นเอง
จบลงแล้ว DAY 2 แยกย้ายพักผ่อนตามอัธยาศัย พรุ่งนี้เช้าเจอกันจ้า
DAY 3
เปิดเช้าวันใหม่ DAY 3 (วันสุดท้าย) ด้วยของหวานกันเลย เพื่อน ๆ คงแปลกใจล่ะสิ ว่าตื่นเช้าทำไมไม่ไปกินข้าวกันก่อน เพราะว่าโดนัทร้าน “MOOH” เนี่ย ใครมาหลัง 8 โมงเช้า ก็คืออดกินนะ หมดไวมาก คนต่อคิวเยอะมาก พี่ทุยก็แหกขี้ตาตื่นไปตั้งแต่ 7 โมงเช้าเลย กลัวไม่ได้กิน คุ้มค่ากับการตื่นเช้ามาก เข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงยอมตื่นเช้าเพื่อมาซื้อ โดนัทที่นี่ เพราะแป้งนุ่มไม่เหมือนที่อื่นที่เคยกิน ให้ไส้เยอะ ไม่หวานมาก เอาไปเลย 10 เต็มแบบไม่หัก (พี่ทุยสายของหวาน ฮ่า ดูได้จากพุงน้อย ๆ ) พี่ทุยสั่งกับเพื่อนคนละชิ้น แต่คนละรสชาติ แบ่งกันชิม ตกชิ้นละ 60 บาทจ้า
ได้เวลาของอาหารเช้า อันนี้แอบดูรีวิวมาว่าร้านไหนยอดฮิตในเชียงใหม่ พี่ Google เขาแนะนำร้าน “โจ๊กต้นพยอม” อยู่ตรงถนนสุเทพ พอพี่ทุยซื้อโดนัทเสร็จก็ต้องรีบขับรถมาที่นี่ทันที เพราะมาช้าก็จะอดกินเช่นกันจ้า แต่ละร้านคือหมดเร็วเหลือเกิน วันนี้เรื่องกินดูรีบไปหมด ฮ่า
แต่เรื่องกินเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นพลาดไม่ได้ พี่ทุยกับเพื่อนสั่งโจ๊กมาคนละชาม ชามละ 40 บาท แต่ขาดไม่ได้เลยเมื่อกินโจ๊กก็ต้องมีปาท่องโก๋ ชุดนี้ 30 บาท หารกับเพื่อน 4 คน คิดเป็นตัวเลขกลม ๆ ตกคนละ 8 บาท มื้อนี้อิ่มอร่อยในราคาคนละ 48 บาทเท่านั้น
ได้เวลาออกเดินทางต่อ เมื่อวานเราอยู่กับธรรมชาติ วันนี้เรามาเสพผลงานศิลปะกันบ้างที่ Art Paradise – Chiang Mai อยู่ตำบลศาลา ในตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ มีให้เดินถึง 9 โซนด้วยกัน เสียค่าเข้าชมคนละ 180 บาท
มื้อกลางวันวันนี้ มากินอีกหนึ่งร้านเด็ด “ข้าวซอยแม่มณี สาขา 2” อยู่ตรงตำบลช้างเผือก จะบอกว่าดีมาก ตัวน้ำกับเครื่องคือเข้มข้น อร่อยแบบไม่ต้องปรุง ในราคาประหยัดเพียงชามละ 40 บาท
มาถึงที่สุดท้ายแล้วที่จะได้เที่ยวในเชียงใหม่ เมื่อของคาวจบลงไปแล้ว มาต่อของหวานที่คาเฟ่ ‘The Baristro at Ping river’ บรรยากาศคือสามารถนั่งทำงาน นั่งชิลล์ได้ ลมเย็นมากเพราะอยู่ติดริมแม่น้ำปิงเลย ชุดโต๊ะไม้ภาพซ้ายบน เป็นจุดซิกเนเจอร์ที่ทุกคนมาคาเฟ่แห่งนี้ต้องไปถ่ายรูปเพื่อเช็กอินอวดเพื่อนในโซเชียล พี่ทุยกับผองเพื่อนสั่งน้ำมาคนละแก้ว กับขนมหวาน มือนี้หมดไปคนละ 100 บาท
https://www.facebook.com/thebaristroatpingriver
ได้เวลากลับกรุงเทพฯ แล้วจ้า เป็นเวลา 15.30 น. ที่รถไฟจะออกจากสถานี พี่ทุยมาคืนรถที่เช่ามาที่สถานีรถไฟ พร้อมขึ้นรถไฟพัดลมธรรมดากลับ ค่าตั๋วต่อคนอยู่ที่ 301 บาท หลับ 1 ตื่น ถึงสถานีหัวลำโพงกรุงเทพฯ ตอนเช้ามึด เวลา 04.00 น. ลาก่อนทริปเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ที่สนุก กินอิ่ม และครบรสมาก ๆ
สรุปค่าใช้จ่าย ทริป เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน
สรุปค่าใช้จ่ายในทริป เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ในงบประหยัดไม่เกิน 3,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อคนรวมแล้ว เพียงคนละ 2,965 บาท เป็นทริปเที่ยวแบบประหยัดที่คุ้มค่าและครบเครื่องมาก ทั้งกินเที่ยวใช้ชีวิตแสงสีในเมือง เสพธรรมชาติบนดอย และเสพศิลป์ ใครอยากให้พี่ทุยทำทริปเที่ยวดีดีในงบประหยัดแบบนี้อีก อินบล็อกเข้ามาบอกกันได้เลย แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้านะ
อ่านเพิ่ม