5 สินทรัพย์สุดฮอต ทำเงินไปแล้วเท่าไร ?

5 สินทรัพย์สุดฮอต ทำเงินไปแล้วเท่าไร ?

   Money Buffalo

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

พี่ทุยดูผลตอบแทนแล้วใน สินทรัพย์สุดฮอต ใครวางเงินถูกที่ บอกเลย…ปีนี้ชีวิตเปลี่ยน ! ถ้าเมื่อต้นปี เรานำเงิน 100,000 บาท ไปลงทุนแบบ “เสี่ยงดวง” กับหนึ่งใน  สินทรัพย์สุดฮอต พอเวลาผ่านมา 6-7 เดือนตอนนี้ ผลลัพธ์ของแต่ละตัวก็บอกอะไรกับเราได้หลายอย่าง บางอย่างก็พาเราโตแรงจนยิ้มกว้าง บางอย่างก็ทำเอาน้ำตาซึม แทบไม่กล้าเปิดแอปลงทุน

วันนี้พี่ทุยเลยอยากชวนมาดูกันครับว่า 5 สินทรัพย์ยอดฮิตในปี 2025 นี้ ถ้าเราลงทุนไปเมื่อต้นปี จะได้เงินกลับมาเท่าไหร่ พร้อมกับชวนคิดต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนอะไรกับโลกการลงทุนในตอนนี้

1. Bitcoin – 130,680 บาท (+30.68 %)

ขึ้นแรงไม่แผ่ว ครึ่งปีโกยไปเกือบ +31%

ปีนี้ Bitcoin กลับมาเป็นพระเอกอีกครั้ง หนึ่งในแรงหนุนสำคัญคือการ Halving ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งโดยธรรมชาติของ Bitcoin การ Halving มักจะมาก่อน “ขาขึ้นรอบใหญ่” เสมอ

นอกจากนี้ หลายคนเริ่มมอง Bitcoin ในฐานะ “ทองคำยุคใหม่” หรือ Store of Value ในโลกดิจิทัล ทำให้ความต้องการถือ Bitcoin เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากนักลงทุนสถาบันและกองทุนที่เริ่มเปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

ทำไม Bitcoin ถึงพุ่ง ?

  • ความหวังจาก Halving

  • ความเชื่อในบทบาท “ทองคำดิจิทัล”

  • ความต้องการจากนักลงทุนรายใหญ่

  • กระแส ETF สินทรัพย์ดิจิทัลในตลาดสหรัฐฯ

2. ทองคำ – 129,360 บาท (+29.36 %)

ไม่หวือหวา แต่พุ่งเงียบ ๆ แบบผู้ใหญ่มีคลาส

ทองคำยังคงรักษาสถานะ “หลุมหลบภัย” ได้อย่างเหนียวแน่น เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเฟ้อ การเมือง หรือภาวะสงคราม นักลงทุนจำนวนมากก็ยังเลือกกลับมาซบทองคำ ปีนี้ราคาทองคำวิ่งขึ้นเกือบ +30 % ทั้งที่ไม่ค่อยมีข่าวหวือหวาเท่า Bitcoin แต่ก็แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม

ทำไมทองคำยังฮิต ?

  • ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก

  • ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่อาจเริ่มลดลง

  • ความไม่แน่นอนทางการเมือง/ภูมิรัฐศาสตร์

  • พฤติกรรมนักลงทุนที่ “ย้ายเงินเข้าทอง” ช่วงตลาดผันผวน

3. S&P 500 – 106,430 บาท (+6.43 %)

ค่อย ๆ โตแบบไม่เสี่ยงเยอะ

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P 500 ก็ยังสามารถให้ผลตอบแทนเป็นบวก แม้จะไม่ได้หวือหวาเท่าคริปโตหรือทองคำ แต่ก็ถือว่าเติบโตได้ดีในฐานะตัวแทนของบริษัทชั้นนำในโลก การเติบโตของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะ AI อย่าง Nvidia, Microsoft, Apple ช่วยหนุนดัชนีให้เดินหน้าต่อได้ แม้จะมีแรงกดดันจากดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจอยู่บ้าง

4. ดัชนีหุ้นจีน – 105,420 บาท (+5.42%)

เริ่มมีสัญญาณฟื้น…แต่ยังไม่คึกคัก

แม้เศรษฐกิจจีนจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ภาครัฐก็พยายามกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งลดดอกเบี้ย ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ และดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ ทำให้ตลาดหุ้นเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง แต่ด้วยความไม่แน่นอนหลายด้าน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเปราะบาง ทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยยังอยู่ในโหมดระมัดระวัง

5. ดัชนีหุ้นไทย – 77,900 บาท (-22.10%)

จาก 100,000 เหลือไม่ถึง 80,000

พี่ทุยดูตัวเลขแล้ว ถึงกับต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า… “ทำไมหุ้นไทยถึงแย่ขนาดนี้ ?”บางคนอาจคิดว่าแค่ตลาดไม่ดี แต่จริง ๆ มันมีหลายปัจจัยสะสม ตั้งแต่

  • เศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

  • ความไม่แน่นอนทางการเมือง

  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมา

  • และที่สำคัญคือ Fund Flow ต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง

ต่างชาติขาย เราก็ขาย รายย่อยเข้าซื้อ รายย่อยก็ติด ราคาก็ยิ่งลงวนแบบนี้ไม่จบ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจึงถดถอยลงชัดเจน จนหลายคนเริ่มถามว่า “ตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุนอยู่ไหม ?”แต่ในอีกมุมหนึ่ง ตลาดไทยอาจกำลังอยู่ในช่วง “มืดก่อนรุ่ง” ก็เป็นได้ เพราะในอดีต เวลาตลาดหุ้นลงแรง มักตามมาด้วยการฟื้นตัวแรงเสมอ…คำถามคือ “มันจะฟื้นเมื่อไหร่?” กับ “เราจะยังอยู่ถึงตอนนั้นมั้ย ?”

บทสรุป

ปีนี้สอนเราชัดเจนว่า “แค่เลือกสินทรัพย์ถูก” ชีวิตก็เปลี่ยนได้

  • ใครลง Bitcoin หรือทอง คงยิ้มแก้มปริ

  • ใครถือหุ้นไทย ก็อาจจะเริ่มตั้งคำถามกับชีวิต

แต่ไม่ว่าเราจะอยู่ฝั่งไหน พี่ทุยอยากให้มองการลงทุนเป็นเรื่องระยะยาว และ “เรียนรู้” จากสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะบางครั้ง สิ่งที่เจ็บวันนี้…อาจกลายเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในวันหน้า อย่าลืมว่า การลงทุนไม่ใช่แค่เรื่องของกำไร แต่มันคือกระบวนการของการเข้าใจตัวเอง เข้าใจตลาด และรู้ว่าควรอยู่ตรงไหนในช่วงเวลาไหน

วางเงินถูกที่…ก็เปลี่ยนชีวิตได้ แต่ถ้าช่วงนี้เรายังวางเงินผิดที่ ก็อย่าเพิ่งหมดหวัง บางทีสิ่งที่เราถืออยู่…อาจเป็น “ของดี” ที่ยังไม่ถึงเวลาเฉิดฉายก็ได้นะครับ

ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ Facebookหรืออ่านบทความเพิ่มเติมได้

 

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile