จุดเริ่มต้นของการแก้หนี้ ควรเริ่มต้นด้วยวิธีไหน ? | ชีวิตดีปลดหนี้ไว EP5

จุดเริ่มต้นของการ แก้หนี้ ควรเริ่มต้นด้วยวิธีไหน ? | ชีวิตดีปลดหนี้ไว EP5

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • หนึ่งในความผิดพลาดสำหรับคนที่อยากปลดหนี้ที่เป็นบ่อยมากที่สุด คือ มักจะชอบสนใจหาเพียงแค่ “เงินก้อน” แต่มักไม่สนใจต้นตอปัญหาที่แท้จริง คือ “รายจ่ายมากกว่ารายรับ”
  • การเริ่มต้นทำบัญชีรายรับรายจ่าย พร้อมประมาณการล่วงหน้า 6-12 เดือนจะช่วยทำให้เรารู้สถานะการเงินของตัวเอง
  • ถ้าหากออกมา “ติดลบ” นั่นหมายความว่า รายจ่ายมากกว่ารายรับ เราต้องรีบบริหารจัดการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อรีบกลับมาทำให้เป็นบวกให้เร็วที่สุด

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

มาถึง EP5 กันแล้ว สำหรับซีรีส์ ชีวิตดีปลดหนี้ไว หลังจากที่เราเข้าใจถึงเหตุผล แนวคิด รวมถึงสัญญาณอันตรายของการเป็นหนี้เป็นไปแล้ว ที่นี้เรามาเริ่มต้นลงมือ แก้หนี้ กันต่อ พี่ทุยจะมาสรุปแนวทางการปลดหนี้ในแบบที่ว่าไม่ต้องเป็นหนี้กันอีกในอนาคต

สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับต้นตอปัญหาการเป็นหนี้ คืออะไร ?

หลายครั้ง พอเราเจอปัญหาเรื่องหนี้เรามักจะเกิดอาการโฟกัสผิดจุดได้ เพราะเราจะเอาเวลาไปมองหา “เงินก้อน” มาเพื่อเคลียร์หนี้หรือบิลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น แต่ทุกคนเชื่อไหมว่าถ้าหากเรายังไปโฟกัสที่การหาเงินก้อนเพื่อมาจัดการหนี้อยู่ สุดท้ายพอผ่านงวดนี้หรือเดือนนี้ไปได้ ปัญหาหนี้ก็จะวนกลับมาหาเราในเดือนหน้าอยู่ดี ซึ่งเราจะเรียกสิ่งนี้ว่า “ลูปนรก” ที่ก้อนหนี้ทั้งหมดจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นในทุกวัน

สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นแก้หนี้ ห้ามไปโฟกัสที่การหาเงินก้อนเด็ดขาด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดให้กลับมาที่ต้นตอของปัญหาที่ทำให้เรากลายเป็นหนี้ก็คือ “รายรับ” ที่หามาได้ไม่เพียงพอต่อ “รายจ่าย” ที่เกิดขึ้น

อยากแก้ไขที่ต้นตอของการเป็นหนี้ ต้องทำยังไง ?

เพราะถ้าหากเราลองกลับมาย้อนดูตัวเราเอง และดูปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ส่วนใหญ่คนที่เป็นหนี้จนมีปัญหามาถึงทุกวันนี้ มาจากการที่เราใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่หามาทั้งนั้น บางคนอาจเป็นหนี้เพราะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทั้งจากตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือไม่ก็รายได้ที่เคยหามาได้นั้นไม่เท่าเดิมอีกต่อไป

ดังนั้น จุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้ ก็คือ การทำ “บัญชีรายรับ-รายจ่าย” อย่างจริงจัง เพื่อให้เราเห็นสถานการณ์ปัจจุบันของเราว่ารายได้เป็นอย่างไร ในแต่ละวัน แต่ละเดือน เราใช้จ่ายไปกับเรื่องอะไรบ้าง เพื่อเราจะได้ปรับลดหรือตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้กลับมาจากติดลบเป็นบวกให้ได้

พี่ทุยแนะนำว่า นอกจากเริ่มจดบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันแล้ว ให้ลองทำประมาณการล่วงหน้าไปอีกอย่างน้อย 6-12 เดือนข้างหน้าไปด้วย เพื่อให้เราเห็นภาพเลยว่าช่วงไหนที่สถานการณ์จะดีขึ้นได้บ้าง หรือถ้าติดลบกันแบบยาว ๆ ก็จะได้รู้ว่าติดลบเท่าไหร่อย่างไร เพื่อให้เห็นภาพมากที่สุด ยิ่งเราเห็นภาพชัดมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งประเมินทางออกและวิธีการแก้ปัญหาได้ดีมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อรายจ่ายมากกว่ารายรับต้องรีบวางแผนจัดการ แก้หนี้ ยังไง ?

แล้วเมื่อภาพรวมออกมาติดลบ พี่ทุยแนะนำว่าเราควรรีบลงมือวางแผนค่าใช้จ่ายใหม่ทั้งหมด เพื่อ “ลด” รายจ่ายจำเป็นที่พอปรับลดได้ อย่างเช่น ค่ามื้ออาหารที่จากเดิมทานนอกบ้านบ่อย บุฟเฟต์จัดแบบถี่ ๆ อาจจะเริ่มหันกลับมาทำกับข้าวกินเองหรือหาร้านอาหารที่ราคาเหมาะสมมากขึ้น

ไม่ใช่แค่นั้น แต่อาจดูเรื่องของโพรโมชันมือถือต่าง ๆ ที่เคยใช้ว่าสามารถปรับลดได้ไหม และอาจดูพวกรายการที่เราสมัคร Subscription บริการต่าง ๆ เช่น ฟิตเนส Netflix Disney+ Google Drive หรือ iCloud ต่าง ๆ ว่าสามารถปรับลดแพ็กเกจเพื่อให้เหมาะกับการต้องการใช้งานได้หรือไม่

รวมถึงการ “ตัด” รายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก เช่น ค่าใช้จ่ายการออกไปปาร์ตี้ อาจลดความถี่ลงหรือเว้นระยะไปก่อนในช่วงเวลานี้ รวมถึงค่าชอปปิงต่าง ๆ ที่ช่วงนี้อาจจะหยุดก่อน เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อปรับค่าใช้จ่าย ป้องกันไม่ให้ปัญหานี้ยิ่งหนักมากขึ้น เพราะยิ่งเราติดลบไปเรื่อย ๆ เราก็จะต้องกู้หนี้ยืมสินมากขึ้น ก็จะยิ่งเป็นหนี้มากขึ้น ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มสูงขึ้น สถานการณ์ของเราก็จะยิ่งแย่เข้าไปอีก แน่นอนว่าสุดท้ายก็จะออกจากลูปนรกนี้ยากขึ้นเรื่อย ๆ

ดังนั้น สำหรับใครที่เป็นหนี้แล้วต้องการแก้ปัญหาได้อย่างจริงจัง พี่ทุยแนะนำเลยว่าให้กลับไปลองทำบัญชีรายรับรายจ่าย ตั้งแต่วันนี้พอผ่านไปสัก 1 เดือน เราจะเริ่มเห็นปัญหาด้านรายจ่ายของเรามากขึ้นว่ารอยรั่วอยู่ตรงไหน และเมื่อเรารู้ปัญหาเราก็จะได้แก้มันได้อย่างตรงจุดนั่นเอง

จุดเริ่มต้นของการแก้หนี้ ควรเริ่มต้นด้วยวิธีไหน ? | ชีวิตดีปลดหนี้ไว EP5

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile