เลือกประกันควบการลงทุน (Unit Linked) แบบไหน ที่เหมาะกับเรา ?

เลือก ประกันควบการลงทุน (Unit Linked) แบบไหน ที่เหมาะกับเรา ?

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) มีความยืดหยุ่นที่สูงกว่าประกันชีวิตแบบดั้งเดิมทั่วไป 
  • ประกันชีวิตควบการลงทุน ที่จ่ายเบี้ยระยะยาว “มาย สไตล์ โพรเทค” เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเน้นคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ด้วยทุนประกันสูงสุด 250 เท่าของเบี้ยประกันภัยเพื่อความคุ้มครอง และการคุ้มครองต่อเนื่อง 10 ปีแรก
  • ประกันชีวิต ที่จ่ายเบี้ยระยะกลาง  “มาย สไตล์ สมาร์ต เพย์ 15” โดดเด่นในเรื่องความยืดหยุ่น สามารถทยอยจ่ายเบี้ย 15 ปี มีความคุ้มครองอุบัติเหตุสูงหากเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และสามารถถอนเงินจากพอร์ตการลงทุนมาจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพได้
  • ประกันชีวิต ที่จ่ายเบี้ยครั้งเดียว อย่าง “มาย สไตล์ ซิงเกิล เพย์” เน้นการลงทุนเป็นหลัก ไม่ถูกหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประกันภัยก่อนนำไปลงทุน

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ในยุคนี้ไม่ว่าอะไรก็มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าประกันชีวิตที่คุ้นเคยกัน ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เมื่อก่อนถ้าพูดถึงประกันชีวิต เราอาจจะนึกถึงประกันชีวิตที่เน้นคุ้มครองชีวิต มรดก หรือเป็นประเภทเงินออม เงินบำนาญเน้นเงินคืนเป็นหลัก ซึ่ง ณ ปัจจุบันเองก็มี ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) ออกมาให้เราเลือกใช้

พี่ทุยพาดูกันดีกว่าว่า ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) คืออะไรและต่างจากประกันชีวิตแบบทั่วไปอย่างไร

ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) ต่างจากประกันชีวิตแบบเดิมอย่างไร ?

ก่อนอื่นถ้าเราจะเข้าใจว่า ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) เหมือนหรือแตกต่างจากประกันชีวิตแบบเดิมอย่างไร เราต้องเข้าใจว่าเวลาที่เราจ่ายเบี้ยประกันชีวิตควบการลงทุนไป เบี้ยประกันของเราจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ

ส่วนแรก คือ นำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการประกันภัยรวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

ซึ่งหมายความว่าถ้าเราต้องการจำนวนเงินเอาประกันที่สูง ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็จะเพิ่มขึ้น และยังรวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ

ส่วนที่สอง คือ นำไปลงทุนในกองทุนรวม

ถ้าเป็นประกันชีวิตแบบเดิม ๆ บริษัทประกันชีวิตจะนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนตามพอร์ตของบริษัท ซึ่งโดยทั่วไปแล้วพอร์ตลงทุนของบริษัทประกันชีวิตจะไม่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมากนัก เพราะธุรกิจประกันชีวิตต้องการความมั่นคง ผลที่ได้คือผลตอบแทนจากกรมธรรม์ประกันชีวิตค่อนข้างจะมีความแน่นอน ซึ่งทั่วไปจะเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของพอร์ต

แต่สำหรับ ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) จะนำเงินไปลงทุนกับ “กองทุนรวม” ตามที่เราเลือกไว้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ลงทุนในกองทุนที่มีศักยภาพ นั่นหมายถึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนตามสภาวะตลาด หากตลาดไปได้ดี เงินที่ลงทุนอาจเติบโตไปด้วย ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีการคุ้มครองชีวิตเหมือนประกันทั่วไปนั่นเอง

“ความยืดหยุ่น” คือ หัวใจหลักของประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked)

จุดเด่นที่สุดของ ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) คือเรื่องของ “ความยืดหยุ่น” ที่สามารถเลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่เราต้องการ สามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนตามสถานการณ์ได้ นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการจ่ายเบี้ย สามารถเพิ่ม/ลด หรือพักชำระเบี้ยได้ และยังสามารถเพิ่ม/ลด “ความคุ้มครองชีวิต” ได้ตามจังหวะของชีวิต บางช่วงเราอาจต้องการความคุ้มครองสูงก็สามารถเพิ่มความคุ้มครองได้เช่นกัน

ถ้าเทียบกับประกันชีวิตแบบทั่วไป ข้อดีก็คือ เราจะรู้ล่วงหน้าก่อนจรดปากกาว่าต้องจ่ายเบี้ยเท่าไหร่ ได้รับความคุ้มครองอย่างไร รวมถึงถ้ามีเงินคืนจะได้รับเมื่อไหร่และเท่าไหร่บ้าง แต่แน่นอนว่า ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) มีทั้งความเสี่ยงจากการลงทุนและมีความซับซ้อนที่มากกว่า โอกาสที่มากขึ้นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้น

สำหรับ ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) เองก็มีหลายแบบให้เราเลือกใช้งานได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเน้นการลงทุนเพื่อเพิ่มความมั่งคั่ง เน้นความคุ้มครองสูง หรือแบบผสม เราก็สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ โดยที่สามารถมองจากระยะเวลาที่เราชำระเบี้ย มาดูกันว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรา

ก่อนจะไปดูว่ามีรายละเอียด พี่ทุยพาไปทุกคนขึ้นทางด่วนกันก่อน ถ้ามีใครสนใจประกันชีวิตควบการลงทุนจาก Allianz ก็เข้าไปดูกันก่อนได้เลยนะ

1. ประกันชีวิตควบการลงทุน แบบที่จ่ายเบี้ยระยะยาว อย่าง “มาย สไตล์ โพรเทค” เน้นคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ

สำหรับประกันชีวิตควบการลงทุน “มาย สไตล์ โพรเทค” เป็นแบบที่เน้น “คุ้มครอง” เป็นหลัก เนื่องจากมีการจ่ายเบี้ยระยะยาวตลอดอายุสัญญา ทำให้มีจำนวนเงินเอาประกันภัยที่สูงถึง 250 เท่าของเบี้ยประกัน* เหมาะกับผู้ที่เน้นความคุ้มครองชีวิต และคิดเผื่อคนข้างหลังหากเป็นอะไรไป และการที่จ่ายเบี้ยระยะยาวจะทำให้สามารถบริหารการเงินระยะยาวได้อย่างมีความยืดหยุ่นสูง เพื่อวางแผนเกษียณ และเพื่อให้การวางแผนการคุ้มครองสุขภาพง่ายยิ่งขึ้น

ที่สำคัญคือ สามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบ Unit Deducting Rider (UDR) ได้ หรือก็คือ ประกันสุขภาพที่เบี้ยประกันจะไม่เพิ่มตามอายุ ช่วยให้วางแผนประกันสุขภาพระยะยาวได้ง่ายขึ้น ทั้งประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย หรือจะเป็นประกันสุขภาพโรคร้ายแรง

เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ทำประกันจะได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องแน่นอน “มาย สไตล์ โพรเทค” มีการการันตีความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพต่อเนื่อง 10 ปีแรก** นับตั้งแต่วันที่เริ่มมีผลคุ้มครอง

ถ้าใครสนใจ มาย สไตล์ โพรเทค พี่ทุยแนะนำให้ไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย คลิก

* ตัวอย่างผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 0-30 ปี
** เงื่อนไขคือ ชำระเบี้ยประกันภัยทุกงวดตามจำนวนที่บริษัทกำหนด ไม่เคยถอนเงินจากการขายคืนหน่วยลงทุน และไม่เคยลดเบี้ยประกันภัยหลักเพื่อการคุ้มครอง

2. ประกันชีวิตควบการลงทุน แบบที่จ่ายเบี้ยประกันระยะกลาง อย่าง “มาย สไตล์ สมาร์ต เพย์ 15” เน้นการวางแผนออมอย่างเป็นระบบในช่วงเวลาที่ต้องการ เพื่อเป้าหมายในอนาคต

สำหรับใครที่ต้องการทำงาน และชำระเบี้ยไว้เพื่ออนาคต “มาย สไตล์ สมาร์ต เพย์ 15” ยืนหนึ่งในเรื่องนี้ เพราะจ่ายเบี้ยต่อเนื่อง 15 ปี และสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนพร้อมมีความคุ้มครองชีวิตระดับหนึ่ง หลัง 15 ปีที่ชำระเบี้ยแล้ว มีทางเลือกที่จะบริหารการเงินระยะยาว  คือ สามารถถอนเงิน หรือ ผลกำไรบางส่วนจากการลงทุน มาเพื่อแบ่งเบาภาระตามแต่วัตถุประสงค์ เช่น เพื่อชำระเบี้ยประกันสุขภาพ เพื่อการเกษียณ ดังนั้น เราเลยแนะนำให้เลือกชำระเบี้ยตลอดระยะเวลา 15 ปี เพื่อจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด

จุดต่างที่สำคัญเมื่อเทียบกับแบบแรก คือ ได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่ม 5 เท่าของเบี้ยประกันภัย ณ ปี ที่เสียชีวิต สูงสุด5 ล้านบาท ภายใน 20 ปีแรกนับแต่วันที่เริ่มมีผลคุ้มครอง

นอกจากนี้ “มาย สไตล์ สมาร์ต เพย์ 15” ยังสามารถซื้อความคุ้มครองสุขภาพและโรคร้ายแรง ด้วยสัญญาเพิ่มเติมแบบ PPR (Premium Paying Rider) แนบได้ด้วย หรือถ้าหากต้องการวางแผนระยะยาว (Long Term) ก็สามารถทำได้ เมื่อจ่ายเบี้ยครบ 15 ปี หากมีผลตอบแทนจากการลงทุน เราก็สามารถทยอยถอนเงินในพอร์ตลงทุนมาจ่าย “เบี้ยประกันสุขภาพ” ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต รวมถึงและถ้าใครสนใจ มาย สไตล์ สมาร์ต เพย์ 15 ก็สามารถไปอ่านข้อมูลในนี้ได้เลย คลิก

ทั้ง “มาย สไตล์ โพรเทค” และ “มาย สไตล์ สมาร์ต เพย์ 15” สามารถเพิ่มหรือลดความคุ้มครองชีวิตได้ตามความต้องการ และเมื่อมีเงินลงทุนสะสมก็สามารถถอนเงินจากกองทุนบางส่วนออกมาใช้ยามฉุกเฉินได้ หรือถ้ามีปัญหาด้านสภาพคล่องจริง ๆ ก็สามารถหยุดพักชำระเบี้ยชั่วคราวได้ และยังมีระบบปรับสัดส่วนการลงทุนแบบอัตโนมัติ (Auto fund re-balancing) ที่ให้บริการแบบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกต่างหาก !

3. ประกันชีวิตควบการลงทุน แบบจ่ายเบี้ยครั้งเดียว “มาย สไตล์ ซิงเกิล เพย์” เน้นลงทุนสร้างความมั่งคั่ง

สำหรับใครที่ต้องการเน้นการลงทุนเป็นหลัก มีเงินก้อนที่ได้มา แนะนำว่า “มาย สไตล์ ซิงเกิล เพย์” จ่ายเบี้ยครั้งเดียว พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนจากกองทุนรวมชั้นนำ ซึ่ง “มาย สไตล์ ซิงเกิล เพย์” จะแตกต่างจาก 2 แบบแรก เพราะเบี้ยประกัน จะไม่ถูกหัก “ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประกันภัยก่อนนำไปลงทุน (Premium charge)”

นอกจากนี้ ค่าการประกันภัย (Cost of insurance) และค่าธรรมเนียมการบริหารกรมธรรม์ (Administration fee) ยังมีจำนวนที่ต่ำกว่า 2 แบบแรก เนื่องจากจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ต่ำกว่า หลังจากหักค่าใช้จ่ายดังกล่าว เงินที่เหลือจะถูกนำไปลงทุนในกองทุนรวมที่เลือกทั้งหมด

คำถามที่น่าสนใจคือ การลงทุนผ่าน “มาย สไตล์ ซิงเกิล เพย์” แตกต่างจากการซื้อกองทุนรวมโดยตรงอย่างไร ? คำตอบก็คือ

มีการปรับสัดส่วนการลงทุนแบบอัตโนมัติ (Rebalancing) และไม่มีค่าธรรมเนียมในการสับเปลี่ยนกองทุน ซึ่งถ้าใครดูแล้ว ชอบ มายสไตล์ ซิงเกิล เพย์ คิดว่าเหมาะกับเราสุด ๆ ไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย คลิก

โดยสรุปแล้วจะเห็นว่า ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) มีข้อดีที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องความยืดหยุ่น แต่พี่ทุยก็อยากแนะนำว่า อย่าลืมศึกษาการลงทุนผ่านกองทุนรวมต่าง ๆ พร้อมกระจายการลงทุน (Asset Allocation) อย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของตนเองด้วยนะ

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
บทความนี้เป็นบทความ Advertorial