ประกันสังคม มาตรา 39

ประกันสังคมมาตรา 39 จ่ายเท่าไหร่ สรุปสิทธิประโยชน์ล่าสุด

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • ผู้ประกันตนมาตรา 39 คือ บุคคลที่เคยทำงานและเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาก่อน แล้วออกจากงานแต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคมให้ต่อเนื่อง
  • ยื่นใบสมัครที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่
  • จ่ายในอัตราเดือนละ 432 บาท หากขาดส่ง เงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกันหมดสิทธิทันที
  • ได้รับความคุ้มครอง ดังนี้ 1. กรณีเจ็บป่วย 2. กรณีทุพพลภาพ 3. กรณีคลอดบุตร 4. กรณีสงเคราะห์บุตร 5. กรณีชราภาพ 6. กรณีเสียชีวิต
  • การเช็คสิทธิประกันสังคมในปัจจุบันผู้ประกันตนสามารถเช็คสิทธิประกันสังคมออนไลน์ด้วยเลขบัตรประชาชนได้แล้ว

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ประกันสังคมมาตรา 39 หรือ ม.39 เป็นประกันสังคมอีกมาตราหนึ่งที่จำเป็นต่อมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ อย่างยิ่ง เพราะ ถึงแม้ว่าเราจะลาออกจากงานแล้ว “เรายังสามารถได้รับสิทธิต่าง ๆ ได้ ด้วยการจ่ายเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง” แล้วสิทธิประโยชน์จะมีอะไรบ้างพี่ทุยสรุปมาให้แล้วไปฟังกัน 

ประกันสังคมมาตรา 39 คืออะไร

ผู้ประกันตนมาตรา 39 คือ บุคคลที่เคยทำงานและเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาก่อน แล้วออกจากงานแต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคมให้ต่อเนื่อง หรือผู้ที่เคยเป็นพนักงานเอกชนแล้วลาออก 

โดยมีเงื่อนไขคือต้องนำส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน และออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน รวมถึงไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพจากกองทุนประกันสังคม

ประกันสังคมมาตรา 39 สมัคร ได้ทางไหน

ยื่นใบสมัครที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ ต้องยื่น ใบสมัครตามแบบคำขอเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (แบบ สปส. 1-20) และ บัตรประชาชนหรือบัตรอื่นที่มีรูปถ่าย ซึ่งทางราชการออกให้พร้อมสำเนา ด้วยตนเอง ภายใน 6 เดือน นับแต่วันออกจากงาน ได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ จังหวัด และสาขา ใกล้บ้าน

ประกันสังคมมาตรา 39 จ่ายเท่าไหร่ 2566

จริง ๆ แล้วการจ่ายเงินของผู้ประกัยตนมาตรา 39 ง่ายมาก ๆ สามารถหักได้ผ่านบริการหักบัญชีธนาคารอัตโนมัติ และจ่ายผ่านเคาน์เตอร์ รวมถึงเกณฑ์การจ่ายเงิน พี่ทุยสรุปมาให้แล้ว

ต้องจ่ายเท่าไหร่ ต่อเดือน

ปี 2566 นี้ จะต้องจ่ายในอัตราเดือนละ 432 บาท และต้องส่งเงินสมทบให้ครบทุกเดือนต่อเนื่องกัน แต่อาจจะเปลี่ยนแปลงตามนโยบายช่วยเหลือจากภาครัฐในบางเดือน

จ่ายที่ไหนได้บ้าง

ผู้ประกันตน ม.39 สามารถจ่ายเงินชำระค่าประกัน ผ่านเคาเตอร์ที่ร่วมรายการ ดังนี้ 

  1. เคาน์เตอร์เซอร์วิส 
  2. ไปรษณีย์ไทย 
  3. เทสโก้ โลตัส 
  4. เคาน์เตอร์ CenPay Powered by บุญเติม
  5. เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย และ กรุงศรีอยุธยา

และผู้ประกันตน ม.39 สามารถสมัครหักเงินสมทบผ่านบัญชีธนาคารได้ โดยธนาคารจะหักบัญชีเงินฝากทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน ดังนี้ 

  1. ธนาคารออมสิน
  2. ธนาคารทหารไทยธนชาต 
  3. ธนาคารไทยพาณิชย์ 
  4. ธนาคารกรุงไทย 
  5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 
  6. ธนาคารกสิกรไทย 
  7. ธนาคารกรุงเทพ 

เอกสารที่ต้องใช้ สมัครบริการหักเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติ

ผู้ประกันตน ม. 39 ที่ชำระเงินสมทบโดยวิธีหักบัญชีธนาคาร สามารถพิมพ์และดาวน์โหลดใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้ใน 2 วันทำการ นับถัดจากวันที่หักบัญชี จากเว็บไซต์ สำนักงานประกันสังคม (https://www.sso.go.th/erc)

ประกันสังคมมาตรา 39 ขาดส่ง จะเกิดอะไรขึ้น

  1. ต้องนำส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน หากเกินกำหนดต้องเสียเงินเพิ่ม ในอัตรา 2% ต่อเดือน
  2. หากขาดส่ง เงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน หรือส่งไม่ครบ 9 เดือน ภายในระยะเวลา 12 เดือน ก็หมดสิทธิ์ในการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ทันที แล้วมีเหตุอะไรอีกบ้างที่ทำให้สิ้นสภาพ

เหตุที่ทำให้ผู้ประกันมาตรา 39 สิ้นสภาพ 

  1. ผู้ประกันตนตาย
  2. ลาออก
  3. กลับเข้ามาเป็นลูกจ้าง มาตรา 33
  4. ขาดส่งเงินสมสบ 3 เดือนติดต่อกัน
  5. ภายใน 12 เดือน ส่งเงินสมทบไม่ครบ 9 เดือน

ประกันสังคมมาตรา 39 สิทธิประโยชน์ 2566

แล้วรู้หรือไม่ว่าหากเรายังคงอยู่ในระบบประกันสังคม แม้ว่าจะลาออกมาแล้ว จะมีสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง

สรุปประกันสังคมมาตรา 39 คุ้มครองอะไรบ้าง

1. การรักษาพยาบาล และ เจ็บป่วย 

กรณีเจ็บป่วยปกติ 

มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาลในประกันสังคม โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุ ทางประกันสังคมเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เท่าที่จ่ายจริง แบ่งเป็นกรณีโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ซึ่งเบิกได้ต่างกัน

กรณีทันตกรรม

 ผู้ประกันตนสามารถทำฟันได้ในสถานพยาบาลที่รองรับสิทธิประกันสังคม โดยได้รับสิทธิประโยชน์คือ

  • ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าตัดฟันคุด ได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริง 900 บาทต่อครั้งต่อปี
  • กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้บางส่วน ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิ์ได้รับค่าบริการทางการแพทย์และค่าฟันเทียมเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 1,500 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ใส่ฟันเทียม
  • กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปาก ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิ์ได้รับค่าบริการทางการแพทย์และค่าฟันเทียมเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 4,400 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ใส่ฟันเทียมนั้น 

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถานพยาบาลหลายแห่งที่เข้าร่วมโครงการทำฟันไม่ต้องสำรองจ่าย ดังนั้น หากผู้ประกันตนเข้ารับบริการทันตกรรมในสถานพยาบาลแห่งนี้ ก็จะไม่ต้องนำเอกสารต่าง ๆ มายื่นขอรับเงินคืนอีก ซึ่งสามารถตรวจสอบรายได้สถานพยาบาลทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ประกันสังคม

เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย

เงินทดแทนการขาดรายได้สำหรับการหยุดงาน เพื่อการรักษาพยาบาลตามคำสั่งแพทย์ในรอบปี ถ้าผู้ประกันตนลาป่วยโดยได้รับค่าจ้างจากนายจ้างครบ 30 วัน 

ตามกฎหมายของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานแล้วต้องหยุดงานตามคำสั่งแพทย์ต่อไปอีก สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินเรียกว่า “เงินทดแทนการขาดรายได้” ซึ่งผู้ประกันตนได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 50% ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 90 วัน ในรอบปีหนึ่ง ๆ ก็จะจ่ายให้ปีละไม่เกิน 180 วัน เว้นแต่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังไม่เกิน 365 วัน 

โรคเรื้อรังไว้ 6 ชนิด ดังนี้

  1. โรคมะเร็ง
  2. โรคไตวายเรื้อรัง
  3. โรคเอดส์
  4. โรคหรือการบาดเจ็บของสมอง เส้นเลือดสมองหรือกระดูกสันหลังอันเป็นเหตุให้เป็นอัมพาต
  5. ความผิดปกติของกระดูกหักที่มีภาวะแทรกซ้อน
  6. โรคหรือการเจ็บป่วยอื่น ๆ ที่ต้องรักษาตัวนานติดต่อกันเกินกว่า 180 วัน ระหว่างการรักษาทำงานไม่ได้ให้ยื่นเรื่องขอมติคณะกรรมการการแพทย์

2. คลอดบุตร 

ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 7 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนที่จะคลอด โดยผู้ประกันตนจะได้รับค่าใช้จ่ายตามรายละเอียด ดังนี้ 

  • ค่าคลอดบุตรเหมาจ่ายไม่จำกัดจำนวนครั้ง เบิกได้ 13,000 บาทต่อครั้ง
  • ผู้ประกันตนฝ่ายหญิงจะได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรอีก 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นเวลา 90 วัน (เบิกได้ไม่เกิน 2 ครั้ง)
  • ค่าตรวจและรับฝากครรภ์ ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด

3. สงเคราะห์บุตร หรือ ค่าเลี้ยงดูลูก

ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบ 12 เดือนภายใน 36 เดือนก่อนมีบุตรจะคลอด โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับเงินสงเคราะห์บุตร คือ บุตรตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตร 600 บาทต่อเดือนต่อคน ครั้งละไม่เกิน 3 คน

4. พิการ หรือ ทุพพลภาพ 

ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 3 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนจะทุพพลภาพ โดยผู้ประกันตนจะได้รับค่าใช้จ่ายตามรายละเอียด ดังนี้ 

  • ค่าใช้จ่ายในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกายของผู้ทุพพลภาพ ทั้งร่างกาย และจิตใจ เป็นจำนวนไม่เกิน 40,000 บาทต่อราย  
  • ค่าอวัยวะเทียม + อุปกรณ์
  • ค่าพาหนะรับ – ส่งผู้ทุพพลภาพ 500 บาทต่อเดือน

5.ชราภาพ

ผู้ประกันตนจะได้รับก็ต่อเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนของประกันสังคม โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับเงินชราภาพ ดังนี้

  • อายุครบ 55 ปี สมทบไม่ครบ 180 เดือน (15 ปี) ได้บำเหน็จ
  • อายุครบ 55 ปี สมทบตั้งแต่ 180 เดือนขึ้นไป (15 ปี) ได้บำนาญ
  • ถ้าค่าจ้างเกินกว่าเดือนละ 15,000 บาท สมทบไม่ครบ 180 เดือน (15 ปี) จะได้บำนาญเดือนละ 3,000 บาท หากส่งเกิน 180 เดือน (15 ปี) จะได้เพิ่มปีละ 225 บาท

6. เสียชีวิต

เงื่อนไขในการใช้สิทธิประกันสังคมกรณีเสียชีวิต ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 1 เดือนภายใน 6 เดือนก่อนที่จะเสียชีวิต โดยผู้ประกันตนจะได้รับค่าใช้จ่ายตามรายละเอียด ดังนี้

  • ค่าทำศพ 50,000 บาท
  • เงินสงเคราะห์
    • หากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบต้ังแต่ 36 เดือนขึ้นไป แต่ไม่ถึง 120 เดือน จะได้รับเงินสงเคราะห์ในอัตรา 50% ของค่าจ้าง 4 เดือน
    • หากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบต้ังแต่ 120 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินสงเคราะห์ในอัตรา 50% ของค่าจ้าง 12 เดือน
  • เงินบำเหน็จชราภาพ จ่ายให้แก่ทายาทตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด

เช็คยอดประกันสังคม มาตรา 39

การเช็คสิทธิประกันสังคมในปัจจุบันผู้ประกันตนสามารถเช็คสิทธิประกันสังคมออนไลน์ด้วยเลขบัตรประชาชนได้แล้ว คือ

1. เว็บไซต์ประกันสังคม www.sso.go.th  

กรอกรหัสผู้ใช้งานและรหัสผ่าน หลังจากนั้นคลิกที่ “เข้าสู่ระบบ” หน้าเว็บไซต์ประกันสังคมจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกันตนว่าเป็นผู้ประกันตนมาตราอะไร เลขบัตรประจำตัวประชาชน โดยผู้ประกันตนสามารถเลือกดูข้อมูลต่าง ๆ ได้เลย

2. แอปพลิเคชัน SSO Connect 

ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และระบบ Android หลังจากนั้นให้กรอกเลขบัตรประชาชนพร้อมรหัสผ่าน และคลิกที่ “เข้าสู่ระบบ (Login)  

แอปพลิเคชันประกันสังคม SSO Connect จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกันตน เช่น ชื่อและนามสกุล โรงพยาบาลที่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ ยอดเงินสมทบชราภาพ และสิทธิทำฟันประกันสังคม โดยด้านล่างผู้ประกันสามารถเลือกเช็คสิทธิประกันสังคมที่ต้องการทราบได้เลย

3. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับประกันสังคมได้ที่ www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile