ลงทุนอะไรดี

[ชี้เป้า] เลือก ลงทุนอะไรดี ? ให้เงินต้นยังอยู่ครบ

5 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • การสร้างวินัยด้วยการ “ออมก่อนใช้” โดยแบ่งเงินออมออกจากรายได้ทันทีก่อนนำเงินส่วนที่เหลือไปใช้จ่าย และแบ่งเป็น 3 ส่วน 1. เงินออมเพื่อใช้จ่าย 2. เงินออมเผื่อฉุกเฉิน 3. เงินออมเพื่อลงทุน
  • การออมเงินแบบไม่เสี่ยงมีทางเลือกทั้งบัญชีเงินฝาก สลากออมทรัพย์ พันธบัตรรัฐบาลและกองทุนรวมตลาดเงิน แต่ในยุคที่ดอกเบี้ยต่ำอาจต้องออมเงินในสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายการเงิน เช่น กองทุนรวม หุ้นบริษัทขนาดใหญ่เน้นปันผล และทองคำ
  • DCA (Dollar-cost Averaging) คือ การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (ทุกวันเงินเดือนออก) ด้วยจำนวนเงินเท่ากันโดยไม่สนใจระดับราคา ช่วยเฉลี่ยต้นทุนเงินลงทุนเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลา มีเงินลงทุนไม่มาก และต้องการสร้างวินัยการลงทุน เป็นวิธีที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการออมเงินในสินทรัพย์เสี่ยง

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ลงทุนอะไรดี ? คำถามที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนมือใหม่ ที่กำลังนำเงินออมมาต่อยอดให้งอกเงยผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน ดังนั้นเเล้วก็ไม่อยากให้เงินออมอยู่ในความเสี่ยงสูงมาก ๆ เหมือนกัน วันนี้พี่ทุยจะมาแนะนำวิธีการและ ช่องทาง “ลงทุน” ที่มีความเสี่ยงน้อย” ให้ทุกคนได้ลองนำไปใช้กันครับ 

วินัยและการวางแผนสิ่งสำคัญการออมเงิน

แต่ก่อนจะเริ่มออมต้องสร้างวินัยด้วยการ “ออมก่อนใช้” โดยแบ่งเงินออมออกจากรายได้ทันที ก่อนนำเงินส่วนที่เหลือไปใช้จ่าย เงินออมที่แบ่งออกมาควรกำหนดสัดส่วนที่ชัดเจนไปเลยเพื่อสร้างวินัย เช่น 20% ของรายได้ทั้งหมด นอกจากนี้หากรายได้เพิ่มขึ้นก็ยิ่งทำให้ได้เงินออมที่มากขึ้นด้วย เรียกได้ว่าสัดส่วนเท่าเดิมแต่ปริมาณเงินออมเพิ่มขึ้น

อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอนอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจึงควรจัดสรรเงินออมไว้ใช้แต่ละโอกาส พี่ทุยแนะนำแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนแรก คือ “เงินออมเพื่อใช้จ่าย” เป็นส่วนสร้างสภาพคล่องเพียงพอต่อการใช้จ่ายประมาณ 2-3 เดือน 

ส่วนต่อมา “เงินออมเผื่อฉุกเฉิน” มีหน้าที่เป็นเงินสำรองยามฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินมากกว่าปกติ เช่น การรักษาพยาบาล, ตกงาน ส่วนนี้ควรครอบคลุมค่าใช้จ่ายประมาณ 6 เดือน 

และส่วนสุดท้าย ก็คือ “เงินออมเพื่อลงทุน” เป็นเงินออมส่วนที่จะไม่ถูกใช้ในระยะสั้น จึงควรนำไปลงทุนให้เงินงอกเงยตามความเสี่ยงที่รับได้

ยังมีหลายคนที่อยากนำเงินออมไปลงทุน ‘แต่’ ขอแบบไม่เสี่ยง เงินออมไม่หาย พี่ทุยก็มีสินทรัพย์การเงินมาแนะนำเผื่อเอาไว้ใช้ออมเงินได้

ลงทุนอะไรดี ความเสี่ยงน้อย เงินต้นยังอยู่ครบ

[ชี้เป้า] เลือก “ลงทุน” อะไรดี ? ให้เงินต้นยังอยู่ครบ

1. ลงทุนอะไรดี – บัญชีเงินฝาก

บัญชีเงินฝากประจำซึ่งให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ ยิ่ง “ระยะเวลาฝากนานดอกเบี้ยจะยิ่งสูง” ปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน อยู่ที่ 0.4 – 1.0% ถ้าอยากรักษาวินัยการออมมากกว่านี้ก็ควรออมเงินด้วยบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษีเพราะต้องฝากเงินทุกเดือนเป็นจำนวนเท่า ๆ กัน เป็นเวลา 24 เดือน ได้ดอกเบี้ยประมาณ 2% 

นอกจากนี้หลายธนาคารยังมีบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงที่สามารถถอนเงินสะดวกเหมือนบัญชีออมทรัพย์แต่ก็ให้ดอกเบี้ยสูงเหมือนบัญชีฝากประจำ เพียงแต่อาจมีเงื่อนไขพิเศษบางอย่าง เช่น จำนวนเงินฝากขั้นต่ำ จำกัดจำนวนครั้งการถอนเงิน เป็นต้น

2. ลงทุนอะไรดี – สลากออมทรัพย์

อีกทางเลือกการออมเงินความเสี่ยงต่ำที่ให้ดอกเบี้ยใกล้เคียงบัญชีเงินฝากประจำ และยังได้ “ลุ้นถูกรางวัลทุกเดือน” จากธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ส่วนใหญ่มีระยะเวลาลงทุน 1 ปีขึ้นไป แต่ละรุ่นอาจมีเงื่อนไขที่ต่างกัน

3. ลงทุนในสินทรัพย์อย่าง พันธบัตรรัฐบาลและกองทุนรวมตลาดเงิน

การออมเงินด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเปรียบเสมือน “การให้รัฐบาลกู้ยืมเงิน” ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายดอกเบี้ยให้ตามที่ตกลงไว้ การออมเงินรูปแบบนี้อาจใช้เวลานานประมาณ 5 – 10 ปี อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 2-3% ต่อปี

แต่ถ้าหากต้องการใช้เงินออมในระยะเวลาที่สั้นกว่านี้ “กองทุนรวมตลาดเงิน” ก็เป็นอีกคำตอบสำหรับการออมเงินความเสี่ยงต่ำเช่นกัน เนื่องจากกองทุนลักษณะนี้จะเน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีคุณภาพดี และพันธบัตรรัฐบาล ส่วนใหญ่สั่งขายเพื่อนำเงินมาใช้ได้ภายในเวลา 1 วัน ด้านผลตอบแทนก็อยู่ที่ประมาณ 1% ต่อปี

ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตช้าลงทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนเหลือไม่ถึง 1.5% ขณะที่เงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายประจำวันก็เดินหน้ากัดกินมูลค่าเงินออม การออมเงินแบบไม่เสี่ยงที่ให้ดอกเบี้ยต่ำแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายการเงินได้ ดังนั้นการออมเงินต้องเพิ่มความ “เสี่ยง” เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเป็นไปตามเป้าหมายการเงิน

4. การลงทุนใน หุ้นกู้

หุ้นกู้ (Debenture) คือ การออกพันธบัตรของภาคเอกชน เป็นเครื่องมืออีกแบบในการะดมทุนระยะยาว ซึ่งผู้ออกจ่ายผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยตามระยะเวลาและอัตราที่บอกไว้ในใบเสนอขาย โดยผู้ออกจะมีฐานะเป็นลูกหนี้และผู้ถือหุ้นกู้มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท 

อัตราผลตอบแทนมีหลากหลายช่วงขึ้นอยู่กับการจัดลำดับความน่าเชื่อถือ แบ่งเป็น Investment Grade และ Non-Investment Grade (BB+ ถึง D) โดยหากหุ้นกู้ยิ่งมีความน่าเชื่อถือ ผลตอบแทนจะน้อย แต่ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้และการสูญเสียเงินต้นก็จะน้อยตามเช่นกัน 

ยกตัวอย่างเช่น หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) อัตราผลอตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.24% ต่อปี อายุการถือ 5 ปี การจัดลำดับความน่าเชื่อถือ คือ AAA ซึ่งอยู่ใน Investment Grade 

หรือ Non-Investment Grade อย่างบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี อายุการถือ 2 ปี การจัดลำดับความน่าเชื่อถือ คือ BB-

หากจะพูดถึงความเสี่ยงอื่น ๆ ในการถือหุ้นกู้ ก็คือความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้รายได้และกำไรสุทธิของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ลดลง เช่น หมวดอุตสาหกรรมพลังงาน ประเภทน้ำมัน ความเสี่ยงคือ ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบโลก, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และนโยบายจากภาครัฐ เป็นต้น 

5. กองทุน อีกทางเลือกของ มือใหม่ควรลงทุนอะไรดี 

อาจเริ่มต้นด้วย “กองทุนรวมตราสารหนี้” ซึ่งมีผู้จัดการกองทุนบริหารนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มผลตอบแทน 

ต่อมาเป็น ”กองทุนรวมผสม” ที่มีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารเงินออมโดยนำไปลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ เช่น ตราสารหนี้ หุ้น อสังหาฯ เพื่อกระจายความเสี่ยง 

และความเสี่ยงสูงก็คือ “กองทุนรวมหุ้น” ซึ่งมีหลากหลายประเภท เช่น กองทุนรวมหุ้นไทย กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ

6. หุ้นบริษัทขนาดใหญ่เน้นปันผล

การลงทุนหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่มี “การปันผลสม่ำเสมอ” เป็นแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับการออมเงินมากที่สุด เนื่องจากราคามักจะมีความผันผวนต่ำแถมอัตราการปันผลอยู่ที่ประมาณ 3 – 5% ซึ่งสูงกว่าเงินฝาก สลากออมทรัพย์ และพันธบัตรรัฐบาล 

โดยสามารถเข้าไปดูได้ว่ามีหุ้นตัวไหนบ้างที่ “SET High Dividend 30 Index (SETHD)” ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้คัดเลือกหุ้นปันผลสูงไว้ แล้วนำมาทำดัชนีชี้วัด SETHD จากนั้นพี่ทุยแนะนำว่าควรจะนำอัตราเงินปันผลไปพิจารณาร่วมกับความสม่ำเสมอในการจ่าย 

รวมไปถึงวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ของบริษัทนั้น “ก่อนตัดสินใจลงทุน” เพื่อที่จะได้รู้ว่าแนวโน้มการเติบโตของบริษัทนั้นในอนาคตเป็นอย่างไร เพราะว่าหากเราเลือกบริษัทที่ไม่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต อาจจะกระทบกับ รายได้สุทธิ กำไรสุทธิ การจ่ายปันผล และความสม่ำเสมอของการจ่ายปันผลที่ลดลงได้ 

หลายคนก็ยังกังวลว่าเงินออมส่วนนี้อาจติดดอยได้ พี่ทุยได้รวบรวมสถิติผลตอบแทน 13 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2550 ถึง 2563 ของสินทรัพย์ประเภทหุ้นซึ่งมีความเสี่ยงที่สุด โดยใช้ดัชนี SET TRI เป็นดัชนีที่สะท้อนผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยทั้งจากการปรับตัวของราคาและการปันผล

[ชี้เป้า] เลือก “ลงทุน” อะไรดี ? ให้เงินต้นยังอยู่ครบ

จากสถิตินี้พบว่าถ้าลงทุนระยะยาว 7 ปีขึ้นไป โอกาสขาดทุนแทบจะเป็น 0% นั่นก็คือการลงทุนระยะยาวช่วยลดโอกาสสูญเสียเงินต้นแถมยังได้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากและพันธบัตรอย่างชัดเจน

DCA คืออะไร ? 

ถึงตรงนี้พี่ทุยเชื่อว่าหลายคนยังกังวลกับความเสี่ยงอยู่แน่นอน แต่…ทุกวันนี้การลงทุนแบบ DCA ถูกใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งพี่ทุยอยากแนะนำให้ใช้วิธีนี้กับการออมเงินในสินทรัพย์เสี่ยงที่เหมาะสมที่สุดกับคนที่ต้องการจะออมเงินในสินทรัพย์เสี่ยง

DCA (Dollar-cost Averaging) คือ การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (ทุกวันเงินเดือนออก) ด้วยจำนวนเงินเท่ากันโดยไม่สนใจระดับราคา ช่วยเฉลี่ยต้นทุนเงินลงทุนเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลา มีเงินลงทุนไม่มาก และต้องการสร้างวินัยการลงทุน แม้ “การเฉลี่ยต้นทุนอาจให้ผลตอบแทนต่ำกว่าการจับจังหวะตลาด” แต่พี่ทุยขอบอกเลยว่าขนาดเทรดเดอร์มืออาชีพก็ไม่สามารถจับจังหวะตลาดได้อย่างแม่นยำ 100% ยิ่งคนที่ “ไม่มีเวลาและยังมีเงินลงทุนไม่มาก” ด้วยแล้ว การออมเงินหรือลงทุนแบบ DCA เหมาะสมกว่าการจับจังหวะ 

อ่านต่อเพิ่มเติม DCA คืออะไร ? – ทำไมถึงควรรู้ก่อนลงทุน

มากไปกว่านั้นพี่ทุยคิดว่าถ้ายังกังวลเรื่องความเสี่ยงอาจใช้วิธีการแบ่งเงินออมจำนวนไม่มากเพื่อลงทุนแบบ DCA ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เพื่อเพิ่มผลตอบแทนเงินออมในภาพรวม เช่น แบ่งเงินออมประมาณ 5% ลงทุนอย่างสม่ำเสมอในกองทุนรวมหุ้นเทคโนโลยีต่างประเทศ ส่วนที่เหลืออีก 95% ฝากในบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

การออมเงินเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอทั้งเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันและบรรลุเป้าหมายการเงิน โดยมีทางเลือกให้ออมมากมายทั้งที่ความเสี่ยงต่ำและสูง อย่างไรก็ตามในยุคสมัยที่อัตราดอกเบี้ยต่ำจนจะแตะ 0% เช่นนี้ การออมเงินแบบที่ความเสี่ยงต่ำไม่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายการเงินได้เลย 

การออมเงินในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทนเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ซึ่งสามารถแบ่งเงินออมในสินทรัพย์เสี่ยงแบบ DCA ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงและรักษาวินัย 

และพี่ทุยอยากบอกทุกคนว่า การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใดก็ตาม เราควรเลือกลงทุนสินทรัพย์ให้ตรงกับ”วัตถุประสงค์การลงทุนของเราเอง” และควร “Asset Allocation หรือ กระจายความเสี่ยง” ด้วยการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท” 

รวมไปถึงต้องทำความเข้าใจว่าการลงทุนทุกครั้งมีความเสี่ยงเสมอ พี่ทุยก็อยากให้ทุกคนศึกษาข้อมูลให้ดี แม้ว่าสินทรัพย์นั้นจะเสี่ยงน้อยก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile