ช่วงนี้ไม่ว่าจะไถหน้าฟีดกี่รอบ ก็ต้องได้เห็นคอนเทนท์ทุเรียนผ่านตา เพราะเดือนพฤษภาคมแบบนี้เป็นหน้าทุเรียนนี่เอง วันนี้พี่ทุยเลยชวนทุกคนมาติดตาม ทุเรียนไทย กันหน่อย ว่าทำไมช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาราคาพุ่งกระฉูด แล้วทุเรียนไทยในระดับโลกขายดีขนาดไหน แล้วนอกเหนือจากเรา ประเทศไหนเป็นคู่แข่งนัมเบอร์วันที่น่าจับตา
ทุเรียนเป็นสินค้าเกษตรที่มีความต้องการบริโภคสูง
จากข้อมูลขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agfriculture Organization of the United Nations : FAO) ได้สรุปข้อมูลการค้าทุเรียนทั่วโลกในปี 2023 ที่น่าสนใจ ดังนี้
- ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าสูง ผลผลิตจะอุดมสมบูรณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ปริมาณการค้าทุเรียนทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 2003-2022 รวม 20 ปี เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า โดยยอดสูงสุดคือปี 2021 อยู่ที่ 930,000 ตัน
- ปัจจัยที่สนับสนุนให้การค้าทุเรียนขยายตัว คือ เทคโนโลยีการขนส่งควบคุมความเย็น และระยะเวลาในการขนส่ง
- ผู้ผลิตทุเรียนรายสำคัญของโลก 3 อันดับแรก คือ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยมียอดผลผลิตรวมกัน 3 ล้านตันต่อปี
- ไทย ครองอันดับหนึ่ง ผู้ส่งออกทุเรียนหลักของโลก โดยมีสัดส่วนการส่งออกเฉลี่ย 94% ของยอดส่งออกทั่วโลก ในปี 2020-2022 ส่วนปริมาณการส่งออกที่เหลือส่วนใหญ่มาจาก เวียดนาม และมาเลเซีย สำหรับ อินโดนีเซีย ที่มีผลผลิตประมาณ 3% ของผลผลิตทุเรียนทั้งโลก ส่วนใหญ่รองรับตลาดในประเทศเป็นหลัก
- จีน เป็นผู้นำตลาดนำเข้าทุเรียน มียอดนำเข้าเฉลี่ยต่อปี 740,000 ตัน ระหว่างปี 2020-2022 คิดเป็น 95% ของสัดส่วนการนำเข้าทั้งโลก โดยส่วนใหญ่จะนำเข้าจากไทย แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เริ่มนำเข้าจากเวียดนามมากขึ้น
- จีนมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับการนำเข้าทุเรียน โดยปัจจุบันอนุญาตให้นำเข้าได้จากไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ทั้งนี้ ผลผลิตต้องได้รับการรับรอง โดยหน้าบรรจุภัณฑ์ต้องมีเอกสารหลักฐานที่แสดงว่าเป็นไปตามมาตรฐานสุขอนามัยพืชและคุณภาพที่กำหนด มีการบันทึกเกี่ยวกับการควบคุมสัตว์รบกวนและการตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์ได้
คราวนี้มาดูเรื่องราวของทุเรียนไทยกันดีกว่าว่า แต่ละปีมีการนำเข้า-ส่งออกทุเรียนเยอะแค่ไหน มีแหล่งผลิตสำคัญมีที่ไหนบ้าง
มูลค่าการนำเข้า-ส่งออก ทุเรียนไทย ปี 2020-2024
ราคาทุเรียนไทย แพงขึ้นขนาดไหน
ดูจากข้อมูลราคาแล้ว ก็ต้องบอกว่า 10 ปีผ่านไป ราคาทุเรียนไทย มาไกลมาก ๆ จากหลักราคาแค่ 19-24 บาทต่อ กก. ราคาเพิ่มขึ้นมาเกือบ 5 เท่า และปีนี้ ราคาก็ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปอีก เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ทุเรียนขาดน้ำ มีผลผลิตออกมาสู่ตลาดไม่สูง แต่ความต้องการรับประทานทุเรียนสูงไม่เปลี่ยนแปลง ฉะนั้นราคาก็เลยสูงขึ้นตามระเบียบ
สถิติ 10 อันดับ จังหวัดที่มีผลผลิตทุเรียนมากที่สุดปี 2022
- จันทบุรี 496,760 ตัน 39.87%
- ชุมพร 261,232 ตัน 20.96%
- ระยอง 149,234 ตัน 11.98%
- ตราด 86,336 ตัน 6.93%
- นครศรีธรรมราช 58,693 ตัน 4.71%
- สุราษฎร์ธานี 45,282 ตัน 3.63%
- อุตรดิตถ์ 32,616 ตัน 2.62%
- ระนอง 28,667 ตัน 2.30%
- ยะลา 28,622 ตัน 2.30%
- ประจวบคีรีขันธ์ 11,296 ตัน 0.91%
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
รู้จักพันธุ์ทุเรียนไทย
ถ้าเดินผ่านไปผ่านมาในตลาด เราอาจจะเห็นชื่อพันธุ์ทุเรียนอยู่ไม่กี่ชื่อ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ทุเรียนไทย มีไม่ต่ำกว่า 600 สายพันธุ์ ตามข้อมูลของศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี กรมวิชาการเกษตร ซึ่งบางสายพันธุ์ก็เป็นพันธุ์พื้นบ้าน พันธุ์โบราณที่ใกล้สูญพันธุ์แล้ว สำหรับกลุ่มสายพันธุ์หลักๆ ของทุเรียนไทย จะแบ่งได้เป็น 7 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะมีลักษณะรูปทรงใบ ลักษณะฐานใบ ลักษณะทรงผล และรูปร่างของหนามที่แตกต่างกันไป
7 กลุ่มสายพันธุ์ทุเรียนไทย
- กลุ่มกบ 46 พันธุ์ เช่น กบแม่เฒ่า กบเล็บเหยี่ยว กบตาขำ และ กบพิกุล
- กลุ่มลวง 12 พันธุ์ เช่น ลวง ชะนี ชะนีก้านยาว และ สายหยุด
- กลุ่มก้านยาว 8 พันธุ์ เช่น ก้านยาว ก้านยาววัดสัก (เหลืองประเสริฐป ก้านยาวสีนาค และ ก้านยาวพวง
- กลุ่มกำปั่น 13 พันธุ์ เช่น กำปั่นเดิม (กำปั่นขาว) กำปั่นเหลือง (เจ้ากรม) หมอนทอง และ หมอนเดิม
- กลุ่มทองย้อย 14 พันธุ์ เช่น ทองย้อยเดิม ทองย้อยฉัตร นกหยิบ และ อีทุย
- กลุ่มเบ็ดเตล็ด 81 พันธุ์ เช่น กะเทยเนื้อขาว กระดุมทอง นกกระจิบ พวงมณี และหลงลับแล
ขณะที่ ทุเรียนสายพันธุ์ยอดฮิตติดใจนักชิม จะมีหลักๆ อยู่ 7 สายพันธุ์ คือ หมอนทอง ก้านยาว ชะนี กระดุม หลงลับแล พวงมณี และนกกระจิบ
การนำเข้าทุเรียนของจีน
พี่ทุยขอพาไปดูข้อมูลฝั่งจีน ที่เป็นผู้นำเข้าทุเรียนรายสำคัญกันบ้างว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมา จีนนำเข้าเยอะขนาดไหน
ยอดการนำเข้าทุเรียนของจีน ปี 2023
ดูจากข้อมูลนี้แล้ว ก็จะพบว่า ไทยเป็นเจ้าตลาดส่งออกทุเรียนไปจีน ทั้งทุเรียนสด และทุเรียนแช่แข็งก็จริง แต่ว่า คู่แข่งก็น่าจับตาไม่น้อย เพราะว่า การนำเข้ามีอัตราการเติบโตสูง โดยเฉพาะเวียดนาม ที่ชิงส่วนแบ่งตลาดทุเรียนสดจากไทยไปเยอะมาก ๆ สำหรับปี 2023
และที่น่าจับตาคือ ในตลาดทุเรียนแช่แข็ง ที่ปี 2023 แม้จีนจะยังไม่มีการนำเข้าทุเรียนแช่แข็งจากเวียดนาม แต่ว่าในปี 2024 นั้น เป็นที่น่าจับตาว่าไทยอาจจะเสียส่วนแบ่งตลาดส่วนนี้ให้เวียดนามไปอีก เมื่อเวียดนามมีการใช้มาตรฐานการส่งออกทุเรียนแช่แข็งจากเวียดนามไปจีนแล้ว
จับตาเวียดนาม คู่แข่งสำคัญชิงตลาดทุเรียนจีน
ทั้งนี้ จากข้อมูลไตรมาส 1/2024 ทุเรียนเวียดนาม สามารถส่งออกไปได้ถึง 254 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 โดยมูลค่าส่งออกทุเรียนเวียดนาม ไปจีน คิดเป็น 98% ของมูลค่าการส่งออกทุเรียนทั้งหมดของเวียดนาม
โดยจุดขายสำคัญของทุเรียนเวียดนาม คือ มีราคาถูกกว่าทุเรียนไทย ทั้งยังเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งปี จึงไม่ต้องแข่งขันกับทุเรียนไทย ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ขณะที่ระยะเวลาการขนส่งไปจีนที่รวดเร็ว จึงทำให้ทุเรียนเวียดนามตีตลาดจีนได้รวดเร็ว ในเวลาไม่ถึง 2 ปี ที่เปิดตลาดจีนมา
ข้อมูลจากกรมศุลกากรจีน ชี้ว่า ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2024 ประเทศมีการนำเข้าทุเรียนสดไป 53.11 ตัน เพิ่มขึ้น 0.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน มูลค่าอยู่ที่ 283.6 ล้านดอลลาร์ ลดลง 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่ยอดการนำเข้าจากเวียดนาม สูงถึง 32.75 ตัน มูลค่าประมาณ 161 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 2.4 เท่า ในเชิงปริมาณเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แซงหน้าทุเรียนไทยไปแล้ว โดยในส่วนของไทย กลายเป็นอันดับ 2 ด้วย ยอดการนำเข้า 2 ตัน มูลค่า 19.016 ล้านดอลลาร์ ลดลง 120.3% ในเชิงปริมาณ และลดลง 50.3% ในเชิงมูลค่า
ไม่ใช่แค่ทุเรียนเวียดนามเท่านั้น ที่น่าจับตา พี่ทุยต้องบอกว่า ทุเรียนที่จีนปลูกเอง ก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมาก ๆ เช่นกัน โดยจากข้อมูลพบว่า ผลผลิตทุเรียนที่ปลูกในจีน มีแนวโน้มจะออกสู่ตลาดในเดือน ก.ค.นี้ โดยส่วนใหญ่เป็นผลผลิตที่มาจากไห่หนาน หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “เกาะไหหลำ” ซึ่งคาดว่า ปีนี้ ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าจากปีที่ผ่านมา เป็น 200 ตัน ซึ่งทุเรียนส่วนนี้ ก็จะมารองรับความต้องการบริโภคของคนจีนที่เติบโต นอกเหนือไปจากทุเรียนที่นำเข้าจากไทยและเวียดนาม และในอนาคต ก็ไม่ว่า อาจจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในการส่งออกทุเรียนไปยังตลาดอื่น ๆ ในโลกด้วย
สำหรับราคาทุเรียนในจีน ล่าสุดจะขายอยู่ที่ 70-200 หยวนต่อลูก แบบไม่รวมเปลือก นอกจากนี้ จีนยังมีการนำทุเรียนไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เค้ก ชานม กาแฟ หรือแม้กระทั่งหม้อไฟ โดยมีการนำเสนอราคาที่ทำให้รู้สึกเข้าถึงได้มากกว่าทุเรียนสด จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคหนุ่มสาว
จะเห็นได้ว่า ถึงแม้ในอดีตที่ผ่านมา ไทยจะครองเบอร์หนึ่งผลิตและส่งออกทุเรียนไปยังตลาดโลกมายาวนาน แต่ตำแหน่งนี้อาจจะไม่มั่นคงอีกต่อไป เมื่อมีคู่แข่งสำคัญ ทั้งเวียดนาม และจีน จ่ออยู่ที่หน้าประตู รอโค่นแชมป์เราลง โดยเฉพาะในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยนั่นเอง
เจาะลึก ทุเรียนไทย 2024
- ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดช่วงเดือน มี.ค.-ส.ค. โดยผลผลิตจะสูงสุดในเดือน พ.ค.
- มีการกำหนดวันเก็บเกี่ยวทุเรียนภาคตะวันออก ฤดูกาลผลิต ปี 2567 ดังนี้
- พันธุ์กระดุม 15 เม.ย.
- พันธุ์ชะนี และพันธุ์มวงมณี 5 พ.ค.
- พันธุ์หมอนทอง 20 พ.ค.
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกแนวทางแก้ปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพและสวมสิทธิ์ใช้ใบรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ของเกษตรกร เพื่อส่งออกทุเรียนไทยในปี 2024 ได้แก่
1.ควบคุมคุณภาพผลผลิตที่แหล่งผลิต (สวน)
1.1 กำหนดจุดบริการตรวจก่อนตัด/กำหนดแผนการตรวจรายแปลง
1.2 เกษตรกรและนักตัดทุเรียน ต้องเก็บตัวอย่างทุเรียนในสวนของตนเอง หรือสวนที่จะตัด และนำไปตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งก่อนตัด อย่างน้อย 3 วัน
เกณฑ์น้ำหนักที่มีคุณภาพ
- พันธุ์กระดุม ต้องมีน้ำหนักเนื้อแห้งขั้นต่ำ 27%
- พันธุ์ชะนี ต้องมีน้ำหนักเนื้อแห้งขั้นต่ำ 30%
- พันธุ์พวงมณี ต้องมีน้ำหนักเนื้อแห้งขั้นต่ำ 30%
- พันธุ์หมอนทอง ต้องมีน้ำหนักเนื้อแห้งขั้นต่ำ 32%
1.3 จุดตรวจบริการตรวจก่อนตัด ต้องออกหนังสือรับรองให้เกษตรกร
1.4 สถานประกอบการ (ล้ง) ต้องสื่อสารกับเกษตรกรและมือตัดทุเรียนให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
1.5 แผงรับซื้อทุเรียนในตลาดค้าส่ง ต้องขอหนังสือรับรองผลการตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้ง เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจแผงรับซื้อ
2. การขึ้นทะเบียนนักคัดนักตัดทุเรียน
3. การควบคุมคุณภาพผลผลิตตลาดส่งออก (โรงคัดบรรจุ) โดยแบ่งเกรดสีโรงคัดบรรจุตามข้อมูลผลการตรวจก่อนวันประกาศเก็บเกี่ยว (สีเขียว สีเหลือง สีแดง) ทั้งนี้จะสุ่มตรวจ และตรวจเข้มข้น เพิ่มความถี่ในกลุ่มโรงคัดบรรจุสีแดง และสีเหลือง
4. การควบคุมคุณภาพผลผลิตตลาดในประเทศ(ค้าส่ง-ค้าปลีก)
5. การสนับสนุนเจ้าหน้าที่จากกรมปศุสัตว์ และกรมประมง รวมทั้งการส่งเสริมเกษตรกรให้รวมกลุ่มแล้วสนับสนุนให้รับรอง GAP แบบกลุ่ม เป็นต้น
อ่านเพิ่ม