พี่ทุยเห็นคนไทยเป็นหนี้กันเยอะมากกก หลายคนพยายามปิดหนี้ก็ปิดไม่หมด งั้นพี่ทุยขอแนะนำวิธีปลดหนี้อีกหนึ่งวิธีที่ใครหลายคนใช้ และได้ผลจริง แถมถูกกฎหมาย นั่นก็คือเทคนิค รวมหนี้ (Debt Consolidation) นั่นเอง หรือบางที่ก็จะเรียกว่า สินเชื่อรวมหนี้ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต แล้วแต่จะเรียก
รวมหนี้ คืออะไร ?
เทคนิครวมหนี้ หรือสินเชื่อรวมหนี้ คือ การนำหนี้ทั้งหมดที่เราต้องผ่อนจ่ายมารวมเป็นหนี้ก้อนเดียว แล้วเอาไปยื่นกู้ขอสินเชื่อกับเจ้าหนี้ใหม่ ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นธนาคาร ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นกู้หนี้นอกระบบอีก โดยเขาจะให้เราเป็นลูกหนี้ของเขาเจ้าเดียว ไม่ต้องไปเป็นลูกหนี้ที่อื่น แล้วเขาก็จะให้เงินเรามาโปะหนี้ที่เราค้างจ่ายอยู่ พร้อมให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าหนี้เดิมที่เราค้างจ่าย โดยเพดานกู้เงินเพื่อปิดหนี้สูงสุดจะอยู่ที่ 5 เท่าของรายได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพดานกู้สูงสุดจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละธนาคารนะฮะ บางคนก็อาจได้น้อยกว่านี้ก็ได้ ถ้าใครงงพี่ทุยยกตัวอย่างสถานการณ์ให้ดูนะ
เจ้าเอี้ยง มีหนี้ทั้งหมด 3 ตัว จากเจ้าหนี้ 3 เจ้า ก็คือเป็นหนี้บัตรเครดิต 1 ใบ หนี้บัตรกดเงินสด อีก 2 ใบ
โดยบัตรเครดิตเป็นหนี้อยู่ 100,000 บาท บัตรกดเงินสดใบที่หนึ่งเป็นหนี้ 200,000 บาท และบัตรกดเงินสดใบสุดท้ายเป็นหนี้ 50,000 บาท ซึ่งเจ้าเอี้ยง มีหนี้ทั้ง 3 ใบรวมกัน 350,000 บาท ซึ่งมันเยอะมาก ๆ
หนี้บานขนาดนี้ เจ้าเอี้ยง เลยเลือกที่จะผ่อนขั้นต่ำซะเลย ไม่อยากจ่ายหนี้เยอะ (จริง ๆ พี่ทุยเคยบอกแล้วว่าห้ามจ่ายขั้นต่ำ ถ้าสงสัยว่าทำไม พี่ทุยแปะลิงก์ไว้ให้ครับ เป็นหนี้บัตรเครดิต ทำไมห้ามจ่ายขั้นต่ำ) โดยขั้นต่ำของบัตรเครดิตที่ผ่อนได้อยู่จะที่ 10% และบัตรกดเงินสดอยู่ที่ 3% เท่ากับว่า เจ้าเอี้ยงจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตใบแรก 10,000 บาท บัตรกดเงินสดใบที่สองและสาม 6,000 และ 1,500 บาท
แต่ถึงอย่างนั้น พอเอาขั้นต่ำทั้ง 3 ใบมารวมกัน ยอดรวมก็ยังสูงถึงเดือนละ 17,500 บาท และแต่ละใบมีดอกเบี้ยรายปี 16-28% ทั้งนั้น ผ่อนกันครึ่งปีครึ่งชาติ เป็นสิบปีก็ไม่หมด
และด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดของเจ้าเอี้ยง จะมาจ่ายอะไร 17,500 ต่อเดือนไม่ไหวหรอก เลยไปยื่นขอกู้รวมหนี้กับธนาคารแห่งหนึ่ง ธนาคารก็โอเค ตกลง เอาเงินก้อนไปเลย 350,000 ใช้หนี้ของเธอให้หมดนะ แต่เธอต้องมาเป็นหนี้เราแทน และก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราคิดดอกเบี้ยเธอถูกมาก ๆ แค่ 12% เอง ฉะนั้น เธอจ่ายเราแค่ 7,786 บาทต่อเดือนก็พอ
เท่ากับว่าเจ้าเอี้ยง ได้ผ่อนต่อเดือนถูกลงจากหนี้เดิม 17,500 – 7,786 = 9,714 บาท เอาเงินไปโปะหนี้ได้อีกตั้งเยอะ
ซึ่งถ้าใครสนใจอยากขอรวมหนี้ อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอรวมหนี้ เดี๋ยวพี่ทุยอธิบายเพิ่มให้
คุณสมบัติคนที่จะขอรวมหนี้
อย่างแรกเลยคือ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นหนี้แล้วสามารถยื่นรวมหนี้ได้เลยนะ เขาจะมีเกณฑ์เกณฑ์มาให้ว่ามีคุณสมบัติแบบนี้ถึงจะให้ขอกู้สินเชื่อรวมหนี้ได้ แต่คุณสมบัติของคนที่จะขอรวมหนี้ เบื้องต้นจะมีประมาณนี้
- มีอายุระหว่าง 20-59 ปี (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร)
- มีรายได้ประจำแน่นอน ทั่วไปต้องมีรายได้ 20,000 ขึ้นไป คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจต้องมีรายได้ หรือยอดขาย 200,000 ขึ้นไป
- มีประวัติการทำงานมั่นคง ไม่ทำแป๊ป ๆ ออก หรือไม่พ้นช่วงผ่านโปรแล้วออก พนักงานประจำควรผ่านช่วงโปรมาแล้ว และมีอายุงานรวม 1 ปีขึ้นไป
- เจ้าของธุรกิจ ต้องมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
- ภาระหนี้รวมไม่เกินที่สถาบันการเงินกำหนด (ข้อนี้ต้องไปคุยกับแต่ละธนาคารแล้วว่าให้ได้เท่าไหร่)
- มีช่องทางการติดต่อชัดเจน ทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน
ข้อดีของการรวมหนี้
เห็นขนาดนี้แล้วก็ใจชื้น นอกจากจะได้ผ่อนน้อยลงต่อเดือนแล้ว ยังมีข้อดีอื่น ๆ ด้วยนะฮะ เช่น
- ดอกเบี้ยลดลง เงินต้นลดลงเร็วมากขึ้น ปิดจบหนี้ได้ไวกว่าเดอะแฟลช
- ลดจำนวนเจ้าหนี้ลง เพราะย้ายหนี้มาอยู่ที่เจ้าเดียวทั้งหมด ไม่ต้องหัวหมุนรับโทรศัพท์เจ้าหนี้แต่ละเจ้า
- จัดการชีวิตตัวเองง่ายขึ้น จากแต่ก่อนต้องมานั่งจำว่าติดใครเท่าไหร่ กำหนดจ่ายวันไหน ตอนนี้ก็รวมไว้ไปเลยที่เดียว บริหารจัดการง่ายยิ่งขึ้น
- ถ้าหลังรวมหนี้ไปแล้วชำระหนี้ตรงเวลา จะทำให้ประวัติเครดิตในระยะยาวดีขึ้น (แต่ขีดเส้นใต้ว่า ถ้าชำระหนี้ตรงเวลา)
ข้อควรระวัง
บอกก่อนว่าการรวมหนี้เป็นแค่วิธีหนึ่งในการแก้หนี้เสียของคนไทย ไม่ใช่วิธีที่แนะนำให้ไปก่อหนี้เยอะ ๆ แล้ววิ่งมาขอให้ธนาคารช่วย ฉะนั้นข้อควรระวังมันก็จะเป็นสิ่งที่ต้องเตือนตัณหาตัวเองนิดนึง ตามนี้เลย
- แม้จะรวมหนี้แล้วเลือกผ่อนนาน ๆ แต่ในอนาคตก็มีสิทธิ์ที่ดอกเบี้ยรวมอาจสูงขึ้นได้ ดังนั้นก็ไปคุยบวกคำนวณให้ดีก่อนตัดสินใจรวมหนี้
- การรวมหนี้จะทำให้ภาระผ่อนเราลดลง เลยทำให้บางทีก็อาจเผลอใจไปหาหนี้ใหม่มาเพิ่ม จนสุดท้ายก็วนลูปเป็นหนี้อีกรอบ ทั้ง ๆ ที่เกือบจะแก้หนี้ได้แล้วเชียว
- หลังจากรวมหนี้แล้ว จะมีผลกระทบกับคะแนนเครดิตระยะสั้น ๆ แต่ถ้าเราจ่ายครบ จ่ายตรง เป็นลูกหนี้ชั้นดี ไม่อยากทำพลาดอีกแล้ว ในอนาคตคะแนนเครดิตก็จะกลับมาดีขึ้นได้
ขั้นตอนการรวมหนี้แบบสั้น ๆ เข้าใจง่าย
จะรวมหนี้ทีหลายคนก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้ใหญ่มากอะไรขนาดนั้น แค่ทำตามสเต็ปง่าย ๆ แค่นี้ก็พอ
1. สรุปยอดหนี้ทั้งหมดที่ต้องการจะรวมหนี้
ไปค้นดูเลยว่าไปเป็นหนี้เรี่ยราดที่ไหนมาบ้าง แล้วเก็บข้อมูล หลักฐาน เช่น สลิปการซื้อ ตารางการผ่อนให้ครบ รวมถึงยอดค้างชำระ และยอดค้างขั้นต่ำแต่ละเดือน
2. เลือกธนาคาร
ตอนนี้มีหลายธนาคารที่ให้เลือกรวมหนี้ได้พอประมาณ เท่าที่พี่ทุยไปเจอมาก็จะมีของกรุงศรี กรุงไทย ทหารไทยธนชาติ มองหาแพ็กเกจรวมหนี้ที่เราคิดว่าโอเค พอผ่อนไหว แล้วติดต่อเข้าไปดู
3. เตรียมเอกสารให้พร้อม
เอกสารเบื้องต้นที่ควรเอาไปด้วย ได้แก่
3.1 สำเนาบัตรประชาชน
3.2 สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน หรือเอกสารรับรองเงินเดือน ถ้าออกจากงานแล้ว
3.3 Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
3.4 สำเนาบัญชีธนาคาร
3.5 เอกสารที่บอกว่ามีภาระหนี้สินบัตรที่ต้องการรวมเท่าไหร่
หากมีเอกสารเพิ่มเติม ธนาคารจะบอกเราเองให้เอามาด้วย
ถ้ารวมหนี้แล้ว จะเสียประวัติเครดิตไหม ?
จากข้างบนที่อธิบายเกริ่น ๆ ไปแล้ว แต่ขออธิบายเพิ่มหน่อย ถ้าลูกหนี้รู้ตัวแล้วว่าตัวเองจ่ายหนี้ทั้งหมดไม่ไหว และมาขอรวมหนี้ทันก่อน 90 วันหลังจากที่ค้างชำระหนี้ หรือก่อนที่หนี้ก้อนนั้นจะกลายเป็นหนี้เสีย (Non-performing Loan) ลูกหนี้ก็จะไม่เสียเครดิต มีประวัติในการขอสินเชื่อ แต่ถ้าเกินกว่ากำหนดไปแล้ว ก็เสียแน่นอน แต่ก็ยังพอที่คะแนนจะกลับมาดีขึ้นได้ ถ้าจ่ายก้อนรวมหนี้ครบทุกบาท ทุกงวด
มีหนี้หลายธนาคาร ขอรวมกับธนาคารเดียวได้ไหม ?
คำตอบคือ ได้คับบบ เพราะการรวมหนี้มันก็คือการขอสินเชื่อกู้เงินมาใหม่หมดเลย ถ้าสินเชื่ออนุมัติปุ๊ป เราก็เอาเงินไปปิดยอดหนี้จากธนาคารอื่นได้เลย แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น ลูกหนี้ต้องมีคุณสมบัติครบตามที่ธนาคารกำหนด แล้วก็มีเอกสารชีัแจงต่าง ๆ ชัดเจน น่าเชื่อถือ ถึงจะกู้ได้นะค้าบ
และนี่ก็คืออีกหนึ่งตัวอย่างของการเคลียร์หนี้ที่ได้ผลจากทางธนาคาร ให้เหล่าผู้ที่เป็นหนี้ได้พิจารณา แต่ทางที่ดี อย่าสร้างหนี้ที่รู้ว่าไม่สามารถจะจ่ายไหวได้ตั้งแต่ต้นจะดีกว่านะฮะ