MetaMask คืออะไร ? – พร้อมวิธีสมัคร Binance Smart Chain

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • MetaMask คือกระเป๋าเงินดิจิทัลบนระบบนิเวศของ Ethereum ที่สามารถรับและส่งเหรียญดิจิทัลที่อยู่บน Etheruem ได้
  • MetaMask เป็นกระเป๋าที่เชื่อมต่อกับโลก Decentalized Finance และ Application ที่เกี่ยวข้อง เช่น การ Swap เหรียญ, เกม NFT เเละอื่น ๆ โดยเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง เพราะมีเพียงแค่เจ้าของบัญชีที่รู้รหัสเข้าถึงกระเป๋าตัวนี้คนเดียวเท่านั้น 
  • MetaMask สามารถเชื่อมต่อกับ Binance Smart Chain ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

พี่ทุยเชื่อว่า ตอนนี้มองไปทางไหนบนโลกออนไลน์ก็มักจะเจอคำว่า DeFi, เกม NFT หรืออย่างล่าสุดการรับ Airdrop ซึ่งการที่จะเข้าไปโลดแล่นในโลกเหล่านี้ต้องพึ่งพากุญแจสำคัญเพื่อเปิดประตูสู่โลก Decentralized Finance (DeFi) นั่นก็คือ MetaMask หรือกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลนั่นเอง มาทำความรู้จักกัน

MetaMask คืออะไร ?

MetaMask

MetaMask คือ กระเป๋าเงิน Ethereum ที่สามารถเก็บเหรียญหรือโทเค็นดิจิทัลเพื่อไปเชื่อมต่อกับ Decentralized Application อื่น ๆ ได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใช้งาน DeFi เช่น Uniswap หรือนำเหรียญดิจิทัลเหล่านี้ไปซื้อขายหรือเล่นเกม NFT เช่น Opensea หรือ Axies เป็นต้น โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลาง

ผู้ใช้งานสามารถสมัครใช้งานและติดตั้ง MetaMask บน Extension ของ Browser ได้ง่าย ๆ เช่น Google Chrome หรือ Firefox และสามารถเชื่อมต่อกระเป๋าดิจิทัลตัวนี้กับ Decentralized Application ได้ทันที 

โดยที่ตัว Network หลักของ MetaMask จะเป็น Ethereum Chain (ERC-20) ซึ่งจะสามารถรับและส่งเหรียญหรือโทเค็นที่อยู่บน Chain นี้ผ่าน Meta Mask ไปยังแอปพลิเคชันปลายทางได้ แต่ถ้าอยากประหยัดค่าธรรมเนียม พี่ทุยมีสอนวิธีเชื่อม Binance Smart Chain (BEP-20) ให้ด้วย เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่มีบัญชี Binance และอยากลองเข้าไปทดลองเล่นโลก DeFi กัน 

ก่อนจะไปดูวิธีติดตั้งและสมัครใช้งานกระเป๋าดิจิทัลตัวนี้ พี่ทุยอยากจะบอกข้อสำคัญที่ทุกคนควรรู้ไว้ 

การใช้งาน Meta Mask นั้นมีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูง เพราะจะมีเพียงแค่เจ้าของบัญชีเท่านั้นที่รู้ Private Key ที่อยู่ในรูปแบบคำภาษาอังกฤษ 12 คำ ซึ่งเจ้าของบัญชีต้อง จดบนกระดาษและเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้ จะเก็บไว้กี่ชุดก็ได้

แต่ห้ามบันทึกลงใน Digital Devices (หมายถึง การจดใส่กระดาษเเละห้ามเอามือถือหรืออุปกรณ์ดิจิทัลถ่ายภาพเก็บไว้ เพราะว่าเราอาจจะถูกเเฮกจากภาพที่ถ่ายไว้ก็ได้เช่นกัน) เด็ดขาด ย้ำอีกครั้งนะว่า ห้ามทำหาย ห้ามบันทึกในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ และห้ามบอกใครทั้งนั้น ไม่งั้นสินทรัพย์ของเพื่อน ๆ อาจจะสูญหายได้

อ่านเพิ่ม

ถ้าเพื่อน ๆ พร้อมที่จะใช้งาน MetaMask กันแล้ว มาดูวิธีติดตั้งกันเลยดีกว่า 

วิธีติดตั้งเเละสมัคร Binance Smart Chain 

ก่อนอื่นเลยเพื่อน ๆ ต้องมี Browser ที่รองรับ Extension โดยในวันนี้พี่ทุยจะใช้ Google Chrome บนคอมพิวเตอร์สำหรับการติดตั้งนะ 

เริ่มจากเสิร์ชคำว่า MetaMask แล้วกดเข้าที่เว็บไซต์แรกได้เลย พอเข้ามาจะเจอหน้านี้

สมัคร Binance Smart Chain Network

เพื่อน ๆ คลิกที่ Download Now ได้เลยและเลือกติดตั้งบน Google Chrome หลังจากนั้น Browser จะส่งเรามาที่หน้า Google Store เพื่อเพิ่ม MetaMask Extension 

หลังจากติดตั้ง MetaMask Extension บน Google Chrome แล้ว เพื่อน ๆ จะถูกส่งมาที่หน้านี้ จะมีเจ้าจิ้งจอกสีส้มที่เป็นสัญลักษณ์ของ MetaMask รอต้อนรับทุกคนอยู่ 

ถ้าพร้อมเดินทางเข้าสู่โลกที่ไร้ศูนย์กลางแล้วก็คลิก Get Started ได้เลย

ทาง Meta Mask จะให้กดยอมรับในเงื่อนไขต่าง ๆ และพามาที่หน้านี้ซึ่งเพื่อน ๆ ต้องสร้าง Password ในการ Log-in ใช้งาน ทุกครั้งที่เพื่อนเปิด Google Chrome ขึ้นมาและต้องการเข้าไปดูกระเป๋า Meta Mask จะต้องใส่รหัสตัวนี้ทุกครั้งนะ อย่าลืมล่ะ! 

Log in Metamask

หลังจากตั้ง Password ในการเข้าใช้งานกระเป๋าแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนที่พี่ทุยขอเรียกว่า สำคัญที่สุด ในการใช้งาน Meta Mask เลยก็ว่าได้ เพราะนี่คือขั้นตอนของ Secret Recovery Phrase หรือ Private Key ที่มีเพียงเจ้าของบัญชีเท่านั้นที่รู้ ซึ่งจะปรากฎอยู่ในรูปของคำภาษาอังกฤษ 12 คำ 

ถ้าเกิดว่า เผลอลบ Chrome Extension และเข้าถึงตัวกระเป๋า Meta Mask ที่มีสินทรัพย์อยู่ในนั้นไม่ได้ เพื่อน ๆ ต้องหยิบเจ้า Private Key ขึ้นมาใช้เพื่อเข้ากู้คืนกระเป๋าดิจิทัลนั่นเอง 

Secure your wallet

หลังจากกด Next แล้ว Meta Mask จะส่งเพื่อน ๆ มาอยู่ที่หน้าต่างนี้ ซึ่งพี่ทุยขอย้ำอีกรอบว่า Secret Recovery Phrase เป็นรหัสที่ต้องเก็บเป็นความลับไว้กับตัวเองเท่านั้น 

ก่อนจะกดดู Secret Phrase ไปหยิบกระดาษและปากกามาเตรียมรอไว้เลยนะทุกคน พี่ทุยแนะนำว่า จดเอาไว้หลาย ๆ ชิ้น และซ่อนเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ที่ปลอดภัย ห้ามบอกใคร ห้ามบันทึกหรือถ่ายรูปบน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และห้ามให้กระดาษหายด้วยนะ!

Secret Recovery Phrase

พอจด Secret Phrase กันเรียบร้อย ทาง Meta Mask ก็ไม่นิ่งนอนใจแต่อย่างใด เพราะระบบจะให้ผู้ใช้งานเลือกคำภาษาอังกฤษ 12 คำที่กระจัดกระจายอยู่มาเรียงเป็น Secret Phrase ตามที่ได้จดไว้ก่อนหน้านี้ให้ตรงกัน โดยหากเรียงตรงกันถูกต้อง เท่ากับว่าขั้นตอนการบันทึก Secret Phrase เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว 

confirm Secret Recovery Phrase

เพียงเท่านี้ Meta Mask ก็พร้อมใช้งานแล้ว เพื่อน ๆ จะเข้าไปที่หน้า Homepage ของ Meta Mask แบบในรูปเลย ซึ่งอย่างที่พี่ทุยบอกไว้ว่า Meta Mask คือกระเป๋าดิจิทัลบน Ethereum Network ดังนั้น จะเห็นเหรียญสกุล ETH และ Etheruem Mainnet เป็นเรื่องปกติ

MetaMask Homepage

ถ้ามีบัญชี Binance และอยากใช้เหรียญ BNB เข้ามาเล่นโลก DeFi จะทำได้หรือเปล่า? 

คำตอบคือได้! และง่ายมากเลยด้วย สามารถทำตามได้ไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อย

วิธีเชื่อมต่อ Binance Smart Chain (BEP-20)

จากรูปภาพด้านบน จะเห็นแค่ ETH Network แต่ถ้าอยากเพิ่ม Binance Smart Chain เข้าไปด้วย ก็สามารถกด Add Network และจะมาโผล่ที่หน้านี้

Binance Smart Chain Network

สิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้คือเข้า Google และเสิร์ชว่า ‘Binance Smart Chain Network Name’ และคลิ๊กเข้าไปในเว็บไซต์ของ Binance Academy ได้เลย 

หลังจากเข้าไปในเว็บไซต์ เลื่อนลงมาจนเจอคำว่า ‘Mainnet’ ตามในรูปและคัดลอกข้อมูลเหล่านี้ไปวางไว้ใน Meta Mask เลย 

Binance Smart Chain Network Name

โดยที่พี่ทุยจะปรับชื่อ Network นิดหน่อยเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จาก Smart Chain เป็น Binance Smart Chain พร้อมกับนำข้อมูล RPC URL, ChainID, Currency Symbol และ Block Explorer URL มาใส่

RPC URL, ChainID, Currency Symbol Block Explorer URL

กด Save Network แล้วและกลับมาดูหน้า Homepage ของ MetaMask Wallet จะพบว่าตอนนี้มุมบนขวาเปลี่ยนมาเป็น Binance Smart Chain เรียบร้อย พร้อมกับสกุลเงินเป็น BNB เช่นเดียวกัน

MetaMask Wallet

เพียงเท่านี้โลก DeFi ที่กำลังรอเพื่อน ๆ อยู่ก็ได้ถูกเปิดออกโดยกุญแจ Mata Mask ตัวนี้เป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเข้าไป Swap เหรียญ, เก็บ Airdrop หรือเล่นเกม NFT บนโลกที่ไร้ศูนย์กลางก็สามารถทำได้ เพียงแค่เชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัลกับ Application เหล่านั้น โดยอย่าลืมเช็ค Network กันให้ดีก่อนด้วยละ เพราะว่า Dapp แต่ละแพลตฟอร์มทำงาน อยู่บน Network ที่แตกต่างกัน จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบให้ละเอียดก่อนการส่ง-รับเหรียญหรือ โทเค็นเพื่อเลี่ยงการเกิดปัญหาเหรียญหายระหว่างทางนั่นเอง

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile