GULF คือใคร - ทำไมต้องร่วมมือกับ Binance ?

GULF คือใคร – ทำไมต้องร่วมมือกับ Binance ?

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • GULF บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของไทย ส่งบริษัทลูกเข้าจับมือกับ Binance เจ้าของกระดานเทรดคริปโตเคอร์เรนซีที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในโลก เพื่อร่วมมือกันศึกษาการทำธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย 
  • GULF กำลังกรุยทางวางรากฐานระบบการซื้อขายพลังงานของตัวเองในประเทศ โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าซื้อหุ้น INTUCH ซึ่งเป็นเจ้าของ AIS ไป พร้อมหวังว่าจะนำความเชี่ยวชาญของ INTUCH มาเปิดทางการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer
  • การซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer คือการเปิดขายไฟฟ้าอย่างเสรีระหว่างครัวเรือนหรือโรงไฟฟ้าชุมชนขนาดเล็กที่มีกำลังไฟเหลือ กับผู้ที่ต้องการใช้ไฟฟ้า โดยในการซื้อขายดังกล่าวเทคโนโลยี Blockchain จะเข้ามามีบทบาทอย่างมาก
  • Blockchain เป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลโดยไม่อาศัยคนกลาง จะช่วยตรวจสอบการชำระเงิน เพิ่มความรวดเร็ว และลดต้นทุนการชำระเงินได้อีกด้วย 

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

พี่ทุยว่าพักหลังมานี้ใคร ๆ ก็ได้ยินชื่อ บริษัท GULF อยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2564 ชนิดที่ว่าสำนักข่าวทุกหัวต้องเคยพูดถึง และเร็ว ๆ นี้ GULF ก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง วันนี้พี่ทุยจะมาสรุปว่า GULF คือใคร และกำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรในโลกการเงินการลงทุนอีก

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2564 ทางบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ซึ่งเป็นบริษัทผลิตพลังงานยักษ์ใหญ่ของไทย ได้ทำหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อแจ้งเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง

เรื่องนั้นคือการส่งบริษัทกัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ทาง GULF ถือหุ้นอยู่ 100% เข้าจับมือร่วมกับ Binance ธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซีและบล็อกเชน เจ้าของกระดานเทรดเหรียญดิจิทัลที่มีปริมาณซื้อขายมากที่สุดในโลกอย่าง Binance เพื่อศึกษาและพัฒนาธุรกิจการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย

ในจดหมายทาง GULF ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการเงินของประเทศ

ทำไม GULF ถึงต้องสนใจระบบการเงินของประเทศ และทำไมต้องไปหาเทคโนโลยีอย่างบล็อคเชนมาใช้ วันนี้พี่ทุยสรุปมาให้แล้ว

GULF คือใคร ? 

GULF เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรและหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยมีหุ้นซื้อขายในตลาดหุ้นไทยมาตั้งแต่ปี 2560 

บริษัท GULF ประกอบธุรกิจ 5 ประเภท ประกอบด้วย 

1. ธุรกิจผลิตไฟฟ้า
2. ธุรกิจก๊าซ
3. ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
4. ธุรกิจพลังงานน้ำ
5. โครงสร้างพื้นฐาน 

GULF มีรายได้ดังนี้ 

ปี 2564 (นับถึงไตรมาสที่ 3)

สินทรัพย์รวม 3.55 แสนล้านบาท
รายได้ 3.46 หมื่นล้านบาท
กำไร 4,626 ล้านบาท

ปี 2563 

สินทรัพย์รวม 2.45 ล้านบาท
รายได้ 3.33 ล้านบาท
กำไร 4,282 ล้านบาท

ปี 2562 

สินทรัพย์รวม 1.34 ล้านบาท
รายได้ 3 หมื่นล้านบาท
กำไร 4,886 ล้านบาท 

แนวทางธุรกิจของ GULF

GULF ถูกพาดหัวข่าวอยู่ในสำนักข่าวทุกหัวตอนปี 2564 จากเหตุการณ์หนึ่ง นั่นคือ การเข้าซื้อหุ้นของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ในสัดส่วน 42.25% ทำให้ GULF กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และยังส่งทีมเข้าไปบริหารในบริษัทดังกล่าวอีกต่างหาก

INTUCH เป็นบริษัทแม่ของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเราคุ้นหูกันดีในชื่อ AIS ที่มีผู้ใช้มากกว่า 40 ล้านหมายเลข ทำให้การที่ GULF เข้าซื้อ INTUCH ในครั้งนี้ เป็นหมุดหมายสำคัญในการรุกตลาดโทรคมนาคม

เมื่อเดือน ก.ย.2564 ทางคุณยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การเงินของ GULF ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง The Standard เอาไว้ถึงแนวทางในอนาคตของ GULF โดยหวังว่าจะเอาความเชี่ยวชาญของ INTUCH เช่น ระบบข้อมูล Data Center ระบบ Cloud Computing และเครือข่ายผู้ใช้ AIS มาต่อยอดธุรกิจของ GULF

หนึ่งในใจความที่น่าสนใจมากคือ ความพยายามกรุยทางเพื่อเปิดการขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer หรือแบบบุคคลต่อบุคคล ซึ่งระบบชำระเงินดิจิทัลจะช่วยในเรื่องได้เป็นอย่างมากที่เดียว 

ดังนั้น การได้เข้าไปจับธุรกิจ “ชำระเงิน” อย่าง “คริปโตเคอร์เรนซี” จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับ GULF

ซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer คืออะไร ?

กองทุนพัฒนาไฟฟ้าและสำนักงานกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลนโยบายด้านพลังงานในประเทศ ได้พยายามผลักดันเปลี่ยนการซื้อขายไฟฟ้าแบบที่มีหน่วยงานขายหน่วยงานเดียว มาเป็นการซื้อขายแบบ Peer-to-Peer มาระยะหนึ่งแล้ว โดยในปี 2563 ได้มีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติไปแล้ว

อธิบายโดยง่าย การซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer จะทำให้บ้านที่มีไฟฟ้าเหลือสามารถขายไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้นั้นให้กับบ้านข้าง ๆ ได้ เช่น บ้านพี่ทุยติดโซลาร์ลูฟเกินขนาดการใช้จริง จึงมีพลังงานเหลือไม่ได้ใช้ และขายให้กับบ้านน้องเอื้องที่ไฟฟ้าไม่พอใช้ซึ่งอยู่หมู่บ้านถัดไปได้ เป็นต้น

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ธ.ค.2563 ทาง GULF ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อออกแบบระบบบริหารจัดการโครงข่ายไฟฟ้าในเขตระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นการกรุยทางสู่การซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer ในอนาคตอีกด้วย 

อ่านเพิ่ม

ในการจะซื้อขายไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการจับคู่บ้านเรือนหรือโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ผลิตไฟฟ้าเกินกับผู้ที่ต้องการไฟฟ้าได้ จำเป็นต้องมีข้อมูลขนานใหญ่ รวมถึงระบบการชำระเงินที่ง่ายและตรวจสอบได้ด้วย 

อย่างหลังนี้ พี่ทุยเห็นเขาว่ากันว่าเทคโนโลยีอย่าง “บล็อกเชน (Blockchain)” จะเข้ามาช่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว

Blockchain สำคัญอย่างไร ?

Blockchain คือ ระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและโปร่งใส โดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง เพราะ Blockchain อาศัยประโยชน์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลกในการจัดเก็บข้อมูล กระจายออกเป็นจุด ๆ (Block) แต่เชื่อมต่อกัน (Chain) ซึ่งการจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดข้อมูลหนึ่ง จะต้องแก้ไขข้อมูลในคอมพิวเตอร์จำนวนนับนิ้วไม่ถ้วนทั่วโลก

ตั้งแต่ปี 2559 ทาง PWC บริษัทที่ปรึกษาและจัดการบัญชีระดับโลก ได้เปิดเผยรายงานฉบับหนึ่งที่ระบุว่า ทางบริษัทพลังงานสามารถใช้ประโยชน์จาก Blockchain ได้ เพราะจะช่วยเหลือ Prosumer หรือคนที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคไฟฟ้า ในการซื้อขายพลังงานได้โดยตรงอย่างอิสระเสรี

นอกจากนี้ ในด้านการชำระเงินนั้น Blockchain มีประโยชน์อย่างมากเพราะไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง จึงสะดวก รวดเร็ว เพราะทำให้กระบวนการต่าง ๆ ตั้งแต่ซื้อขายยันออกบิลหรือจดบันทึกการซื้อขายเกิดขึ้นแค่ไม่กี่คลิก รวมถึงยังมีต้นทุนในการชำระเงินที่ถูกกว่าแบบผ่านคนกลางอย่างธนาคาร 

ซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer ก็เป็นที่สนใจของธุรกิจต่าง ๆ 

ไม่ใช่แค่ GULF ที่สนใจใน Blockchain สำหรับการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer เท่านั้น ทางบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC หัวหอกด้านนวัตกรรมของกลุ่ม ปตท. ก็เคยจับมือกับ Electrify สตาร์ทอัพในสิงคโปร์ ซึ่งใช้ Blockchain ในการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer มาแล้วเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา 

จึงไม่แปลกที่ Binance จะกลายเป็นที่สนใจของทาง GULF โดยสำหรับทาง Binance เอง ก็ได้ประโยชน์จากการจับมือนี้เช่นกัน เพราะเป็นการเปิดตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการให้กับกระดานเทรดคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่เจ้านี้ 

พี่ทุยไม่รู้ประเทศไทยจะพร้อมเปิดการซื้อขายไฟฟ้าอย่างเสรีเมื่อไร แต่ที่พี่ทุยรู้แน่ ๆ คือ ตอนนี้ภาครัฐและเอกชนขยับไปข้างหน้าไปหลายก้าวแล้ว

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile