รู้จัก Hermès กระเป๋าแบรนด์เนม ราคาหลักล้าน!

รู้จัก Hermès กระเป๋าแบรนด์เนม ราคาหลักล้าน!

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • Thierry Hermès เริ่มต้นธุรกิจด้วยชื่อ “the French house of Hermes” ที่กรุงปารีส ขายเพียงเครื่องหนังและอุปกรณ์เกี่ยวกับการขี่ม้า เมื่อลูกชายรับช่วงต่อก็เปิดตัวกระเป๋าสัมภาระใช้กับการเดินทางบนหลังม้า ก่อนที่ทายาทรุ่นที่ 3 จะเปิดตัวกระเป๋าและผ้าพันคอ
  • ซึ่งนิตยสารไลฟ์ใช้ภาพ Grace Kelly เจ้าหญิงแห่งโมนาโกถือกระเป๋าต้นแบบ Sac à dépêches ปิดหน้าท้องขณะตั้งครรภ์เป็นหน้าปก หลังจากนั้นความนิยมก็หลั่งไหลเข้ามา ทางแบรนด์จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Hermès Kelly ทำให้ยอดขายพุ่งพรวด
  • รายได้ครึ่งแรกของปี 2023 อยู่ที่ 6,698 ล้านยูโร เติบโต 22.34% จากครึ่งแรกของปี 2022 และมีกำไรสุทธิ 2,230 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 35.65% จากครึ่งแรกของปี 2022 ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2013 ราคาหุ้นอยู่ที่ 288.30 ยูโร จนถึงวันที่ 29 ส.ค. 2023 ราคาขึ้นมาที่ 1,926.80 ยูโร เพิ่มขึ้นถึง 751.44% คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 18.11% ต่อปี

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

กระเป๋าแบรนด์เนมสวย ๆ ชื่อดังนั้นมีหลายแบรนด์ แต่กระเป๋าแบรนด์เนมที่หลายคนมองว่าเป็นการลงทุน นั่นก็ต้องนึกถึง กระเป๋า Hermès แบรนด์เก่าแก่อายุเกือบ 200 ปี จากฝรั่งเศส วันนี้พี่ทุยขอพาไปรู้จักแบรนด์นี้ทุกซอกทุกมุมรวมไปถึงการลงทุนหุ้น Hermès ว่ามีความน่าสนใจมากแค่ไหน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

ประวัติ Hermès จากอานม้าสู่กระเป๋าสุดพรีเมี่ยม

ตำนานเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 1801 ณ เมืองเครเฟลด์ดินแดนฝรั่งเศสสมัยจักรพรรดินโปเลียน Thierry Hermès (เทียร์รี่ แอร์เมส) ถือกำเนิด ด้วยชีวิตในเมืองนี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องการพิมพ์ลายและผลิตสิ่งทอ ช่วงวัยเด็กจึงสนใจเกี่ยวกับการพิมพ์ลายและสิ่งทอ

ปี 1821 ย้ายจากบ้านเกิดมาอาศัยทางตอนเหนือของกรุงปารีส ทำงานภายใต้การว่าจ้างของครอบครัว Pleumer ครอบครัวธุรกิจเครื่องหนัง Thierry จึงใช้ฝีมือสมัยวัยเด็กร่วมกับการเรียนรู้อุปกรณ์สำหรับม้า เช่น บังเหียน อานม้า และสายคล้อง ผลงานมีจุดเด่นด้านความละเอียด และปี 1828 แต่งงานกับ Christine Pétronille Pierrart จนปี 1831 ก็กำเนิดทายาทเพียงคนเดียวชื่อ Charles-Emile Hermès (ชาร์ลส์ เอมิล แอร์เมส)

ปี 1837 เริ่มต้นธุรกิจด้วยชื่อ “the French house of Hermes” ที่กรุงปารีส ขายเพียงเครื่องหนังและอุปกรณ์เกี่ยวกับการขี่ม้า ด้วยฝีมือและความละเอียดในการตัดเย็บทำให้มีลูกค้าเป็นกลุ่มชนชั้นสูง ราชวงศ์ รวมถึงจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ที่รับสั่งให้ทำอานม้าถวาย จากนั้นก็เริ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น หีบเก็บของ กระเป๋าถือ และเครื่องแต่งกาย ผลงานได้รับรางวัลเหรียญทองจากงาน Exposition of Paris ในปี 1855 และจากงาน Expositions Universelles ในปี 1867 ส่งให้ Hermès ขึ้นเป็นแบรนด์หรูหรา

เมื่อ Thierry เสียชีวิต ลูกชาย Charles-Emile ก็รับช่วงต่อ ย้ายร้านมาอยู่ที่ทำเลทองซึ่งเต็มไปด้วยชนชั้นสูง และด้วยความช่วยเหลือจากลูกชาย 2 คน Adolphe และ Émile-Maurice ก็ลุยตลาดยุโรป รัสเซีย แอฟริกาเหนือ เอเชีย และสหรัฐฯ ไม่กี่ปีต่อมาเปิดตัวกระเป๋าสัมภาระใช้กับการเดินทางบนหลังม้า ชื่อ Haut à Courroies

ปี 1902 ธุรกิจถูกส่งต่อให้ Adolphe และ Émile-Maurice ซึ่งเปลี่ยนชื่อกิจการเป็น “Hermès Frères” ที่หมายความว่าสองพี่น้องแอร์เมส แต่แล้วสองพี่น้องก็แยกทางกันเหลือเพียง Émile-Maurice ดูแลกิจการต่อ จากนั้นเปิดตัวกระเป๋าและผ้าพันคอสุดโด่งดัง ปี 1951 ธุรกิจถูกส่งต่อให้คนนอกสายเลือดฝั่งพ่อ Robert Dumas และ Jean-René Guerrand

และแล้วก็เปิดตัวกระเป๋าสุดไอคอนิก Sac à dépêches ในปี 1956 ซึ่งนิตยสารไลฟ์ใช้ภาพ Grace Kelly เจ้าหญิงแห่งโมนาโกถือกระเป๋าต้นแบบ Sac à dépêches ปิดหน้าท้องขณะตั้งครรภ์เป็นหน้าปก หลังจากนั้นความนิยมก็หลั่งไหลเข้ามา ทางแบรนด์จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Hermès Kelly ทำให้ยอดขายพุ่งพรวด

ปี 1978 ส่งธุรกิจให้ลูกชาย Jean Louis Dumas (ฌอง-หลุยส์) และปี 1984 กระเป๋าสุดฮิตก็ถือกำเนิดขึ้นชื่อ Birkin Bag เมื่อ Jean Louis ออกแบบกระเป๋าให้นักแสดง Jane Birkin ที่พบกันโดยบังเอิญระหว่างเดินทางจากปารีสไปลอนดอน และบอก Jean Louis ว่า “มันยากนะที่จะหากระเป๋าสำหรับการเดินทางในวันหยุดสักใบ”

ปี 2006 Patrick Thomas (แพทริค โทมัส) ผู้อำนวยการร่วมเข้ารับช่วงกิจการต่อ เป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารแบรนด์มาจากคนนอกสายเลือด Hermès แต่แบรนด์ก็เติบโตสวนทางเศรษฐกิจและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่องซึ่งยังติดอันดับแบรนด์หรูหรามาจนถึงทุกวันนี้

ที่มาที่ไป กระเป๋า Birkin และ Kelly รุ่นสุดฮิต ของ Hermès

กระเป๋า Birkin ถูกตั้งชื่อตามนักแสดงสาวชาวอังกฤษ Jane Birkin ที่นั่งติดกับ Jean-Louis Dumas ผู้บริหารใหญ่สุดของ Hermès ซึ่ง Jane บอกกับ Jean-Louis ว่าหากระเป๋าที่เหมาะกับการใช้งานสำหรับแม่ลูกอ่อนไม่ได้ ด้าน Jean-Louis ก็ได้ไอเดียพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์ จึงสเกตซ์ภาพกระเป๋าสำหรับแม่ลูกอ่อนที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมกว้าง อ่อนนุ่ม คาดด้วยโลหะเงา มีช่องใส่ขวดนมเด็ก

Jean-Louis นำไอเดียนี้ไปประชุมกับทีมงานและได้กระเป๋ารุ่น Birkin สุดท้ายได้รับความนิยม เพราะใช้งานได้จริงและทันสมัย กระเป๋า Birkin ขนาด 40 เซนติเมตร ถูกรู้จักกันในชื่อ Travel Birkin ด้วยวัสดุและดีไซน์ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ขึ้นแท่นระดับ Luxury ไปเรียบร้อย ปัจจุบันมีให้เลือกหลายขนาดทั้ง 25, 30 และ 35 เซนติเมตร

Hermès Birkin 25

Hermès Birkin 25 ได้รับความนิยมและหายากมาก ราคามือหนึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 378,000 บาท ส่วนราคามือสองก็เพิ่มไปอยู่ที่ประมาณ 600,000-850,000 บาท

อีกรุ่นยอดฮิตก็คือ Hermès Kelly ซึ่งถูกต่อยอดจากกระเป๋า Sac à dépêches ที่เปิดตัวช่วงทศวรรษ 1930 ต่อมาปี 1954 Grace Kelly ใช้กระเป๋าใบหนึ่งเป็นประจำหลังแต่งงานกับเจ้าชายแห่งโมนาโก ซึ่งนิตยสารไลฟ์ใช้ภาพ Grace Kelly เจ้าหญิงแห่งโมนาโกถือกระเป๋าต้นแบบใบนั้นปิดหน้าท้องขณะตั้งครรภ์เป็นหน้าปก และกระเป๋ารุ่นนี้ก็ถูกขนานนามว่า Kelly

การผลิต Hermès Kelly ต้องใช้ช่างฝีมือเพียงคนเดียว ต้องทำให้เสร็จภายในครั้งเดียว ใช้เวลาทั้งหมด 18 ชั่วโมง ด้วยความนิยมและความหายาก จึงเป็นกระเป๋าอีกรุ่นที่อยู่ในระดับ Luxury

Hermès Kelly 20 

Hermès Kelly 20 มือหนึ่งราคาอยู่ที่ประมาณ 293,000 บาท ส่วนราคามือสองปรับตัวขึ้นไปที่ประมาณ 600,000-850,000 บาท เช่นกัน เรียกได้ว่าการันตีความหายาก

กระเป๋า Hermès คอลเลกชันพิเศษ ราคาหลักล้าน

โดยกระเป๋าชื่อดังรุ่นนี้ มีชื่อเต็มว่า Hermès Himalayan Crocodile Birkin ตัวกระเป๋าทำจากหนังจระเข้ประเภท Nilo หรือ Niloticus ซึ่งเป็นจระเข้ที่ถูกเลี้ยงในแถบแม่น้ำไนล์ของประเทศซิมบับเว คำว่า “Himalaya” เป็นชื่อโทนสีของกระเป๋า เทคนิคการไล่ระดับสีของกระเป๋า ตั้งแต่สีเทาควันบุหรี่ สีเบจ ไล่ไปจนถึงสีขาว เสมือนยอดเขาหิมาลัยที่มีหิมะปกคลุมยอดเขา

Hermès Himalayan Crocodile Birkin

ซึ่งกระเป๋ารุ่นนี้มีบันทึกการประมูลปี 2017 โดยบริษัทประมูล Christie ที่ฮ่องกง ด้วยราคาสูงถึง 380,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 13.55 ล้านบาท เป็น Himalayan 30 ตัวอะไหล่ทำจากทองคำขาว 18K ประดับประดาด้วยเพชรถึง 205 เม็ด น้ำหนักเพชร 10.23 กะรัต

ความพิเศษที่มีเงินก็ซื้อกระเป๋าไม่ได้ทันที

กระเป๋า Hermès ใช้ช่างที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี สืบทอดรุ่นต่อรุ่น แต่ละใบมีขนาดและรายละเอียดที่ต่างกันเล็กน้อย ยิ่งสร้างความพิเศษมากขึ้น พร้อมวัสดุที่ล้วนหายาก ประกอบกับกระเป๋าทุกใบจะมีรหัสเฉพาะ เมื่อส่งซ่อมจะส่งกลับไปให้ช่างที่ทำกระเป๋าใบนั้นโดยเฉพาะ

Hermès เป็นแบรนด์ที่วางกลยุทธ์ทำให้มีความแพงกว่าแบรนด์อื่น คือ มีเงินก็ซื้อกระเป๋า Hermès ไม่ได้ทันที ลูกค้าต้องซื้อสินค้า Hermès จนยอดสะสมถึงระดับที่ทางแบรนด์เสนอสิทธิ์ซื้อกระเป๋า Birkin หรือ Kelly ให้ แต่ก็ต้องรอคิว ซึ่งถูกจำกัดจำนวนด้วยกำลังการผลิตที่น้อย (คล้ายกับแบรนด์นาฬิกาบางแบรนด์) ราคามือสองเลยยืนระดับสูงสบายๆ

ถ้าซื้อกระเป๋าไม่ได้ ลองดูหุ้น Hermès ก่อนมั้ย?

กระเป๋ามือ 1 ทั้งหายากและเสียเงินสะสมยอด กระเป๋ามือ 2 ก็แสนแพง ถ้ามีเงินสักก้อนพี่ทุยอยากชวนมาลงทุนหุ้น Hermès แทนกระเป๋าไปก่อน เผื่อวันข้างหน้าอาจได้เงินไปซื้อกระเป๋ารุ่นสุดฮิต

หุ้นบริษัท Hermès ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฝรั่งเศส (ตลาดเดียวกับ LVMH และ Kering บริษัทรวมแบรนด์หรูหราทั่วโลก) ณ วันที่ 29 ส.ค. 2023 บริษัทมีมูลค่าตลาด 201,000 ล้านยูโร

รายได้ครึ่งแรกของปี 2023 อยู่ที่ 6,698 ล้านยูโร เติบโต 22.34% จากครึ่งแรกของปี 2022 และมีกำไรสุทธิ 2,230 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 35.65% จากครึ่งแรกของปี 2022

Hermès มีสัดส่วนรายได้จาก Asia-Pacific (ไม่รวมญี่ปุ่น) ถึง 49% ตามด้วย Americas ที่ 18%, Europe (ไม่รวมฝรั่งเศส) 12%, ญี่ปุ่น 10%, ฝรั่งเศส 9%, อื่นๆ 2%

ซึ่ง Hermès ก็เหมือนแบรนด์หรูหราอื่นที่รายได้เติบโตสวนทางเศรษฐกิจในช่วง COVID-19

  • ปี 2019 รายได้ 6,880 ล้านยูโร กำไร 1,530 ล้านยูโร
  • ปี 2020 รายได้ 6,390 ล้านยูโร กำไร 1,390 ล้านยูโร
  • ส่วนปี 2021 รายได้ 8,980 ล้านยูโร กำไร 2,450 ล้านยูโร
  • ปี 2022 รายได้ 11,600 ล้านยูโร กำไร 3,370 ล้านยูโร

ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2013 ราคาหุ้นอยู่ที่ 288.30 ยูโร จนถึงวันที่ 8 ก.ย. 2023 ราคาขึ้นมาที่ 1,849.40 ยูโร เพิ่มขึ้นถึง 717.23% คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 19.03% ต่อปี

ว่ากันตามตรงพี่ทุยมองว่ากระเป๋าแบรนด์ Hermès อยู่ระดับท็อปคล้ายนาฬิกาแบรนด์ Patek Phillippe ที่มีคุณค่าให้ส่งมอบถึงรุ่นลูกหลาน แต่ถ้าใครเป็นนักลงทุนหุ้นแล้วชอบ Megatrend หุ้นแบรนด์นี้ก็น่าสนใจกับการลงทุนระยะยาว

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile