ขณะที่การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา รวมไปถึงประเด็นปัญหาเรื่องการจัดหาวัคซีนที่ล่าช้า หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าแล้ว “เศรษฐกิจไทย” หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ? วันนี้พี่ทุยจะเล่าถึงงานวิจัยหนึ่งที่พยายามตอบคำถามนี้ โดยอาศัยแบบจำลองโรคระบาด (SEIR Model) ที่นิยมใช้กันในทางระบาดวิทยา เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการระบาดในปัจจุบันเข้ากับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นตามมาในกรณีต่าง ๆ
สิ่งที่พี่ทุยคิดว่า มีความน่าสนใจสำหรับงานวิจัยนี้ คือ การพยากรณ์ในลักษณะ “Nowcast” คือ การใช้ข้อมูลในปัจจุบันมาทำนายผลกระทบของเศรษฐกิจในอนาคตโดยทันที ไม่ว่าจะเป็นอัตรการติดเชื้อ อัตราการเสียชีวิต อัตราการฉีดวัคซีน และระดับการเคลื่อนที่ (Mobility Index) ของประชาชนที่มีความถี่ระดับรายวัน ขณะที่การประมาณการณ์ GDP ตามปกติจะมักใช้ข้อมูลดีที่สุด คือ ระดับรายเดือนเท่านั้น ซึ่งทำให้การทำนายมักจะล่าช้าไม่ทันการณ์
โควิด-19 กับผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
จากผลการศึกษาใน 27 ประเทศจากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 10 มีนาคม 2021 พบว่าค่ามัธยฐาน (Median) ของการหดตัวของเศรษฐกิจ (Output Loss) เมื่อเทียบกับ GDP ในช่วงก่อนการระบาดจะอยู่ที่ประมาณ 2.25% ของ GDP สำหรับกรณีฐาน (Base Case) ที่มีการฉีดวัคซีนในอัตราปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจากปีที่แล้วที่หดตัวไปกว่า 8% อย่างไรก็ดี ในกรณีที่อัตราการฉีดวัคซีนลดลงกว่าที่เป็นอยู่หรือมีการระบาดระลอกใหม่แบบชั่วคราวจะส่งผลให้การหดตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็น 3 – 3.75% ของ GDP และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือ มีการระบาดระลอกใหม่ในวงกว้างหรือเกิดการกลายพันธุ์จนวัคซีนที่มีอยู่ไม่สามารถป้องกันไวรัสได้อีกต่อไป การหดตัวของเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นเป็น 5% ของ GDP
โควิด-19 ระลอกใหม่กระทบ “เศรษฐกิจไทย” มากแค่ไหน ?
สำหรับเศรษฐกิจไทยดูน่าเป็นห่วงกว่าประเทศอื่น ๆ ค่อนข้างมาก โดยในกรณีฐานที่อัตราการฉีดวัคซีนยังคงที่แบบนี้เศรษฐกิจไทยจะสูญเสียเกือบ 8% เทียบกับ GDP ในช่วงก่อนการระบาด ขณะที่ในกรณีที่เลวร้ายกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่อัตราการฉีดวัคซีนลดลง มีการระบาดใหม่ทั้งแบบชั่วคราวและในวงกว้าง (ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน) เศรษฐกิจไทยจะสูญเสีย GDP ไปประมาณ 9%
เมื่อเทียบกับกับประเทศอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกับไทยอย่างมาเลเซียและอินโดนิเซีย ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในกรณีฐาน (Base Case) จะอยู่ที่ประมาณเกือบ 3 – 4% และในกรณีอื่น ๆ จะอยู่ประมาณ 6 – 7% ขณะที่สิงคโปร์ผลกระทบจะอยู่ประมาณ 2% และ 3 – 4% ตามลำดับ ส่วนในประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศยังค่อนข้างได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป อย่างเกาหลีใต้ผลกระทบจะอยู่ประมาณ 1 – 2% ในทั้ง 3 กรณี ส่วนสหรัฐอเมริกาจะอยู่ประมาณ 2% และ 5% ตามลำดับ
พี่ทุยคิดว่าอาจจะต้องคอยติดตามต่อไป ว่าสถานการณ์การระบาดรอบ 3 ของไทยจะเป็นอย่างไร ถ้าหากรุนแรงมากขึ้นกว่านี้ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาจจะมากกว่าที่ประเมินไว้เบื้องต้น ซึ่งข้อดี คือ แบบจำลองนี้จะสามารถทยอยอัพเดทได้ทันทีด้วยข้อมูลใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาเรื่อย ๆ หลังจากนี้