เจาะลึก 5 ประเด็นสำคัญก่อนลงทุนในเจ้าของ 7-Eleven ที่เราคุ้นเคย ถ้าพูดถึงบริษัทที่เรามีใช้บริการด้วยแทบทุกวันแบบไม่รู้ตัว CPALL ต้องติดอันดับแน่นอน เพราะเจ้าของร้าน 7-Eleven ที่เราเดินเข้าไปซื้อของเล่น ๆ แต่หมดเงินหลักร้อยแทบทุกรอบ ก็คือบริษัทนี้แหละ
แต่ที่น่าตกใจคือ ราคาหุ้น CPALL ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา “ลดลงมากกว่า 35%” จากหุ้นเติบโตที่เคยมีนักลงทุนไล่ซื้อ กลายเป็นหุ้นที่หลายคนตั้งคำถามว่า “ยังน่าลงทุนอยู่ไหม ?”วันนี้พี่ทุยเลยอยากชวนคุยกันแบบตรงไปตรงมา ว่า…หุ้น CPALL ตอนนี้ ‘ถูกพอ’ แล้วจริงไหม หรือกำลังจะถูกไปอีก ?

ลองมาดูทีละประเด็นกันครับ
1. CPALL ยังเป็น “หุ้นเติบโต” แต่ไม่ใช่แบบเดิมอีกต่อไป
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน CPALL คือ “หุ้นเติบโต” ที่ใครหลายคนพูดถึงเพราะโมเดลธุรกิจมันง่ายและขยายได้ไว เปิดร้าน 7-Eleven เพิ่มขึ้นทุกปี จำนวนสาขาเพิ่มเป็นหมื่นกำไรก็โตตามสาขาแบบเห็นผลทันที แต่วันนี้ เซเว่นมีเกือบทุกหัวมุมถนนแล้ว เราเดินแค่ไม่กี่ร้อยเมตรก็เจออีกสาขา
คำถามคือ จะโตด้วยการขยายสาขาไปได้อีกแค่ไหน?
พี่ทุยมองว่า CPALL วันนี้อาจจะไม่ใช่ “หุ้นโตแรง” แบบในอดีตแต่น่าจะเป็น “หุ้นเติบโตอย่างมั่นคง” แทน เน้นเพิ่มยอดขายต่อสาขา พัฒนาสินค้า สร้างรายได้จากระบบหลังบ้านมากขึ้น เหมือนเปลี่ยนเกียร์จากวิ่งเร็วมาเป็นวิ่งไกลมากกว่า
2. หุ้นดูถูกลงกว่าเดิมมาก แต่ยังไม่แน่ว่า “ถูกพอ”
หลายคนอาจเห็นกราฟราคาย่อลงมาเยอะ แล้วคิดว่า CPALL น่าจะ “ถูก” แล้ว ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขพื้นฐาน มันก็ดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
P/E ลดจาก 36 เท่า เหลือเพียง 15 เท่า
P/BV ลดจาก 6 เท่า เหลือประมาณ 3 เท่า
ฟังดูเหมือนถูกใช่ไหม ? แต่ในโลกของการลงทุน “ของถูก” ไม่ได้แปลว่าควรซื้อเสมอไป เพราะราคาที่ตกลงมานั้น อาจสะท้อนความกังวลบางอย่าง เช่น กำไรที่ยังไม่ฟื้น การเติบโตที่ชะลอตัว หรือความเสี่ยงในเชิงกลยุทธ์ระยะยาว ถ้าเราเชื่อว่า CPALL จะยังสามารถทำกำไรได้มากขึ้นในอนาคต ราคานี้อาจเป็นโอกาส แต่ถ้าแนวโน้มไม่กลับมา หรือไม่มีแผนเติบโตใหม่ ๆ ราคานี้ก็อาจจะยัง “แพง” อยู่
3. ภาระจากการซื้อ Makro ยังส่งผลอยู่
ดีลซื้อ Makro คือเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโฉม CPALL ไปมาก จากธุรกิจค้าปลีกหน้าร้าน กลายเป็นบริษัทที่มีทั้งค้าปลีกและค้าส่ง
ข้อดีคือ CPALL ได้ขยายขอบเขตธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ซึ่งใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าแต่ข้อเสียก็ตามมาเช่นกัน
บริษัทต้องกู้เงินมหาศาลเพื่อดีลนี้ ทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
ต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการวางระบบใหม่ให้สองธุรกิจทำงานร่วมกัน
กระแสเงินสดและกำไรจากดีลนี้ยังไม่ปรากฏชัดเจน
ตรงนี้แหละ ที่นักลงทุนต้องจับตาให้ดีว่า “ดีล Makro จะกลายเป็นพลังขับเคลื่อน หรือภาระระยะยาว?”
4. ปันผลเริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่ตอบโจทย์นักล่าปันผล
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา CPALL เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลต่ำมาก คนที่ลงทุนเพื่อกินปันผลจึงมักหลีกเลี่ยง แต่ปีล่าสุด ปันผลเริ่มขยับมาอยู่ราว ๆ 3% ซึ่งถือว่า “พอใช้ได้” สำหรับคนถือระยะยาว ถ้าใครอยากได้รายได้จากปันผลแบบต่อเนื่อง 4–6% ต่อปี พี่ทุยยังแนะนำให้มองหาหุ้นตัวอื่นที่เน้นจ่ายปันผลเป็นหลักมากกว่า เพราะ CPALL ยังต้องใช้เงินลงทุนอีกมาก และอาจยังไม่ใช่หุ้นที่ปันผลโดดเด่นในเร็ว ๆ นี้
5. ความเสี่ยงที่ต้องรู้ ขยายไกลไปจากธุรกิจหลัก
CPALL เริ่มรุกธุรกิจที่อยู่นอกเหนือจากค้าปลีก เช่น
คลังสินค้า
ศูนย์กระจายสินค้า
การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
แม้ฟังดูน่าสนใจและมี synergy กับธุรกิจหลัก
แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเพิ่ม “ความเสี่ยงในการบริหารจัดการ” และ “ความซับซ้อนทางธุรกิจ” ขึ้นด้วย
ถ้าบริหารพลาด หรือไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้
การลงทุนพวกนี้อาจกลายเป็นเงินจม และฉุดผลประกอบการรวมของบริษัทได้
สรุป หุ้น CPALL วันนี้ ยังน่าสนใจอยู่ไหม ?
พี่ทุยมองว่า CPALL ยังเป็น “หุ้นดี” ที่มีจุดแข็งหลายด้าน
มีแบรนด์แข็งแรง
มีระบบจัดจำหน่ายที่เหนือคู่แข่ง
มีธุรกิจหลายขาให้ต่อยอดได้อีกเยอะ
แต่คำถามสำคัญคือ “ราคานี้ คุ้มค่ากับอนาคตที่เราคาดหวังหรือยัง ?” ถ้าเรายังเชื่อว่า 7-Eleven จะยังมีบทบาทสำคัญในชีวิตคนไทยอีกนาน
และการ Synergy กับ Makro จะเริ่มให้ผลตอบแทนที่จับต้องได้ราคานี้ก็อาจเป็น “จังหวะสะสม” ที่น่าสนใจ แต่ถ้าแนวโน้มธุรกิจยังไม่ชัดเจน การฟื้นตัวยังล่าช้า การ “รอให้ชัดก่อน” ก็ไม่ใช่เรื่องผิด
ข้อคิดจากพี่ทุย
การลงทุนไม่ใช่เรื่องของความเร็ว แต่คือเรื่องของความเข้าใจ อย่าลงทุนเพราะราคามัน “ดูถูก” แต่ให้ลงทุนเพราะเราเข้าใจธุรกิจนั้นดีพอ และพร้อมจะอยู่กับมันในวันที่ตลาดไม่น่ารัก
และอย่าลืมว่า…ใช้เงินที่เรา “พร้อมเสียได้” และ “ไม่เดือดร้อน” เพื่อให้การลงทุนเป็นเรื่องที่สนุกและยั่งยืนนะครับบบ
ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ Facebook
หรืออ่านบทความเพิ่มเติมได้
สรุปหุ้น TU ผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก