ขอเครดิตบูโรได้ที่ไหนบ้าง - 4 ที่ ตรวจเครดิตบูโร ฟรี

ขอเครดิตบูโรได้ที่ไหนบ้าง – 4 ที่ ตรวจเครดิตบูโร ฟรี

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • 4 ช่องทางตรวจเครดิตบูโรฟรี คือ 1) ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ 2) ตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ 3) แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” 4) ตู้ตรวจเครดิตบูโร (ตู้คีออส)
  • ข้อมูลบัญชีที่ได้จากการตรวจเครดิตบูโรฟรี จะเป็น “สินเชื่อแบบสรุป หรือ รายงานข้อมูลเครดิตแบบสรุป” เท่านั้น ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับเจ้าของข้อมูล ไม่สามารถนำไปยื่นเป็นเอกสารขอสินเชื่อได้
  • การตรวจเครดิตบูโรจะตรวจกี่ครั้งก็ได้ ไม่มีผลต่อการพิจารณาขอสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากเป็นสิทธิพื้นฐานในการเข้าถึงข้อมูลเครดิตของตนเอง

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ใครกำลังอยากขอสินเชื่อ แต่อยากเช็คว่าตัวเองมีคะแนนเครดิตเป็นยังไง วันนี้พี่ทุยมาแนะนำ ตรวจเครดิตบูโร ฟรี จะไปที่ไหนได้บ้าง ไปดูกัน

ตรวจเครดิตบูโร ฟรี มีที่ไหนบ้าง

เราสามารถตรวจเครดิตบูโรแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ด้วย หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “ฟรี” ผ่าน 4 ช่องทาง 

1. ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ

หากต้องการตรวจเครดิตบูโรแบบสรุป รอรับได้ทันที ฟรี! 

ตรวจสอบสาขาที่ให้บริการเพิ่มเติม ที่ www.thailandpost.co.th

2. ตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ (Government Smart Kiosk) ตรวจเครดิตบูโร ฟรี

3. แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตรวจเครดิตบูโร ฟรี 24 ชม

ดาวน์โหลด

4. ตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส)

รับรายงานทางอีเมล รูปแบบ NCB e-Credit Report

ตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) มีที่ไหนบ้าง 

1. Bureau Lab (บูโรแล็บ)

  • ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร อาคาร เดอะไนน์ ทาวเวอร์ส แกรนด์ พระรามเก้า ชั้น 2 (โซนพลาซา) (อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT พระราม 9 และอยู่ด้านหลังห้างเซ็นทรัล พระราม 9)
  • สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต (ภายในสถานี)
  • ท่าเรือวังหลัง (บริเวณทางเข้า-ออก ท่าเรือ และใกล้ประตู 8 ของโรงพยาบาลศิริราช)
  • สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) (ด้านหลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ประตูทางเข้า 1 จุดติดตั้งนาฬิกาประจำสถานี หรือนาฬิกาหน้าปัดหมายเลข ๙)
  • ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ อเวนิว รัชโยธิน กรุงเทพฯ

สิ่งที่ต้องเตรียม

  1. เตรียมบัตรประชาชนของตนเอง
  2. เบอร์โทรศัพท์มือถือของตนเอง (เพื่อรับรหัส OTP)
  3. อีเมลของตนเอง (สำหรับจัดส่งรายงาน)
  4. ชำระค่าบริการผ่าน QR Code

โดยจะได้เป็นเอกสาร “ข้อมูลบัญชีสินเชื่อแบบสรุป” เท่านั้น ประกอบด้วย

  • จำนวนบัญชีสินเชื่อ วงเงินสินเชื่อรวม และยอดหนี้คงเหลือรวม
  • ประเภทบัญชีสินเชื่อ ได้แก่ บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล บ้าน เช่าซื้อ อื่น ๆ และยอดหนี้คงเหลือแต่ละบัญชี

โดย ข้อมูลบัญชีสินเชื่อแบบสรุป หรือ รายงานข้อมูลเครดิตแบบสรุป เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับเจ้าของข้อมูล เพื่อตรวจสอบจำนวนบัญชีสินเชื่อ และยอดหนี้ที่ถูกจัดเก็บไว้ในเครดิตบุโรเท่านั้น ไม่สามารถนำไปยื่นเป็นเอกสารขอสินเชื่อได้ 

ตรวจเครดิตบูโรได้ที่ไหนบ้าง ?

นอกจากสถานที่ที่สามารถตรวจเครดิตบูโรฟรีแล้ว ก็ยังมีช่องทางอื่น ๆ ที่สามารถขอรายงานข้อมูลเครดิต (แบบเต็ม) และเครดิตสกอริ่งเพื่อใช้ขอสินเชื่อได้ 5 ช่องทาง

1. ตรวจเครดิตบูโร ผ่าน Mobile Banking

เพียงมี Application Mobile Banking ในโทรศัพท์มือถือของคุณ แม้จะอยู่ที่ใดในประเทศไทย ก็สามารถขอรายงานเครดิตบูโรได้ด้วยปลายนิ้ว โดยธนาคารจะส่งรายงานเครดิตบูโรให้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือผ่านทางไปรษณีย์

อ่านเพิ่ม

2. ตรวจเครดิตบูโรผ่าน Internet Banking

หากใช้ Internet Banking ธนาคารกรุงศรี กรุงไทย ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ ก็สามารถขอรายงานเครดิตบูโรได้จากทั่วประเทศ

3. ตรวจเครดิตบูโรผ่าน-ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ

สามารถติดต่อรับคำขอตรวจเครดิตบูโร ณ ที่ทำการไปรษณีย์ และเคาน์เตอร์บริการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ ใช้เพียงบัตรประชาชนเท่านั้น เพื่อรับผลการตรวจเครดิตบูโรเต็มรูปแบบ ค่าบริการ 150 บาท รับรายงานทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ภายใน 7 วันทำการ (เฉพาะรายการลูกค้าบุคคลธรรมดา ยื่นขอตรวจของตนเองเท่านั้น)

4. ตรวจเครดิตบูโร ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร

สามารถยื่นคำขอรายงานเครดิตบูโรได้ที่ ธนาคาร สาขาใกล้บ้านคุณทั่วประเทศ

  • ธนาคารกรุงไทย
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์
  • ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

5. ตรวจเครดิตบูโร ผ่านตู้ ATM

สามารถยื่นคำขอรายงานเครดิตบูโรได้ที่ตู้ ATM ได้ทั่วประเทศ

  • ธนาคารกรุงไทย
  • ธนาคารไทยพาณิชย์

เครดิตบูโร มีความสำคัญยังไง ? 

ข้อมูลเครดิตบูโรแบ่งข้อมูลเป็น 2 ส่วน ดังนี้ 

  1.  ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงตัวตนลูกค้าเช่น ชื่อ ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด สถานภาพการสมรส อาชีพ เลขที่บัตรประชาชน และกรณีที่เป็นนิติบุคคล จะเป็น ชื่อ สถานที่ตั้ง เลขที่ทะเบียนนิติบุคคล เป็นต้น
  2. ข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ และประวัติการชำระสินเชื่อ ประวัติการชำระราคาสินค้าหรือบริการโดยบัตรเครดิต รวมทั้งสถานะบัญชี

โดยข้อมูลดังกล่าว แสดงถึง ประวัติการชำระหนี้ที่สะท้อนถึงพฤติกรรมและวินัยทางการเงินของเจ้าของข้อมูล แสดงถึงความตั้งใจในการชำระหนี้และความน่าเชื่อถือหรือที่เราเรียกกันว่า “เครดิต” สถาบันการเงินจึงใช้รายงานข้อมูลเครดิตเป็น 1 ในปัจจัยสำหรับพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ รายได้ หลักประกัน เป็นต้น 

ดังนั้น เครดิตบูโรก็เสมือนการดูอดีตว่าชำระหนี้ตรง ครบถ้วนแค่ไหน มีหนี้อยู่แล้วแค่ไหน เพื่อดูว่าคนนี้สามารถมีหนี้เพิ่มได้หรือไม่กับรายได้เท่านี้ และมีแนวโน้มว่าจะชำระหนี้ได้แค่ไหน 

ตรวจเครดิตบูโรบ่อย มีผลต่อการกู้หรือไม่ ?

คำตอบจาก NCB หรือ บมจ.ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (บริษัทที่เก็บข้อมูลเราเนี่ย) ระบุไว้ว่า “จะตรวจกี่ครั้งก็ได้ ไม่มีผลต่อการพิจารณาขอสินเชื่อของสถาบันการเงิน” เนื่องจากเป็นสิทธิพื้นฐานในการเข้าถึงข้อมูลเครดิตของตนเอง 

ทำไมต้องตรวจเครดิตบูโร ? 

เวลาเราได้รายงานข้อมูลเครดิตจะแบบสรุปหรือเต็ม ก็จะระบุว่า “เรามีหนี้กี่บาท ? ที่ไหนบ้าง ?” เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าเรามี “หนี้งอก” จากพวกมิจฉาชีพที่ขโมยข้อมูลเราไปขอสินเชื่อหรือไม่ ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้วก็เป็นการเตรียมความก่อนขอสินเชื่อ มานั่งดูว่า ตอนนี้เรามีหนี้มีแค่ไหน รายได้เราพอจ่ายหนี้ทั้งหมดหรือไม่ ถ้าหากก่อหนี้เพิ่ม

นอกจากนี้ก็เพื่อตรวจสอบว่า ข้อมูลเราในระบบถูกต้องหรือไม่ เช่น ประวัติการค้างชำระ หรือแม้กระทั้งตรวจสอบว่าที่เราชำระหนี้หมดแล้วสถานะขั้นเป็นปิดบัญชีแล้วหรือยัง ยอดหนี้เป็นศูนย์ถูกต้องหรือไม่ 

หากข้อมูลที่ได้มาไม่ถูกต้องก็ควรติดต่อ บมจ.ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อแก้ไขข้อมูลที่ ฝ่ายบริการเจ้าของข้อมูลส่วนรับเรื่องร้องเรียน Email: [email protected] หรือเดินทางไปที่ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร https://www.ncb.co.th/contact 

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile